11. ประสาชาวบ้าน
จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกคนดื่มกิน พร้อมกับร้องเพลงประจำถิ่น บางคนก็ร้องเพลงที่กำลังดังในช่วงนี้ เป็นบรรยากาศที่ธามและโรมไม่เคยได้สัมผัส แม้จะเหนื่อยล้ากับการทำงานอย่างหักโหมวันแรก แต่เขาสองคนก็อยู่ร่วมงานจนสามทุ่ม หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน
“เมาไหมครับคุณธาม” ลุงฉ่ำถามขึ้น เพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มดื่มไปหลายเปกอยู่เหมือนกัน
“มากกก คร้าบบ ลุงงง” เสียงลากยาวดังขึ้น ทำเอาแก้วและมานพอดที่จะขำไม่ได้ ส่วนโรมนั้นน็อคไปก่อนแล้ว เพราะถูกเซียงหรั่งมอม จึงต้องนอนตากยุงอยู่ใต้ถุนบ้าน
“เจอไทยวิสกี้เข้าไปเป็นไงล่ะ เพียว เพียว เลี้ยวกลับไม่ได้เลย หันปุ้บล้มปั้บแน่นอน”
แก้วพูดขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กำนันที่ตลอดงานเลี้ยงเขาไม่เข้าใกล้อีกฝ่ายเลย เพราะรู้สึกว่าจะคุมตัวเองไม่อยู่ขึ้นเรื่อยๆ เวลาเข้าใกล้กัน
“แล้วนี้จะให้น้องเขานอนใต้ถุนจริงดิ โหดไปไหมมึง” พรายนิ่งไป ก่อนจะบอกให้แก้วพาไปนอนที่บ้านลุงฉ่ำแทน ส่วนโรมก็ให้เอามุ้งมากางให้ ก่อนเขาจะเดินขึ้นบ้าน มานพที่มาร่วมงานเลี้ยงเมื่อหัวค่ำด้วยก็งงกับการกระทำของเพื่อน ที่ตอนแรกดูจะแข็งใส่อีกฝ่ายเหลือเกิน พอผ่านไปแค่หนึ่งวันไงถึงใจดีไม่ให้นอนใต้ถุนบ้านได้
“พรุ่งนี้ค่อยเล่านะครับผมง่วง คุณช่วยลุงเอาพี่ธามไปนอนที ผมจะขึ้นไปเอามุ้งมากางให้พี่โรม”
มานพพยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มมองตามเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่ตอนนี้เมาจนแก้มแดงน่าหยิกซะเหลือเกิน
“ใจเย็นไอ้นพ รอให้จีบติดก่อน” เขาพูดออกมาโดยลืมนึกว่ามีลุงของแก้วยืนประคองธามอยู่ พอหันกลับมาก็ถึงกับหน้าเสีย ก่อนจะโล่งใจเมื่อลุงฉ่ำพูดขึ้น
“ไอ้แก้วมันบื้อครับ ถ้าจีบแล้วไม่ทำให้มันเข้าใจ ไม่มีทางติดหรอก เพราะมันไม่ค่อยทันคน”
“ลุงไม่โกรธเหรอที่ผมคิดแบบนี้กับน้อง”
“โกรธทำไม่ล่ะคุณ ความรักมันไม่เคยแบ่งเพศหรอก ถึงเราจะคนบ้านนอก แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่ได้เลือกภาคนะ คนทุกวันนี้ผู้หญิงผู้ชายก็ยังอยู่กันไม่ยืด คิดว่ามีลูกด้วยกัน สุดท้ายก็หนีไปมีคนอื่นอยู่ดี ถ้าเป็นผู้ชายกับผู้ชายจะอยู่ด้วยกันแล้วไปไม่รอดมันก็ไม่ต่างหรอก ดีกว่าตรงที่ไม่มีลูกเต้ามาโยนกันไปโยนกันมาไม่รับผิดชอบ จริงไหม”
“ลุงนี่หัวสมัยใหม่จริงๆ”
“ทีวีเขาก็มีให้ดูนะคุณนพ” ลุงฉ่ำเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังตามมา โดยไม่รู้ว่ามีใครที่ยืนอยู่บนระเบียงห้องด้านบน ฟังเสียงที่พวกเขาพูดคุยกันจนไปถึงด้านบน
หลังจากที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านกำนันวันแรก และช่วยเก็บแตงโมทั้งยังดื่มเหล้าขาวที่มีแอลกอฮอล์สูงกว่าที่เคยดื่มมา ธามก็เข็ดขยาดทุกครั้งเวลาที่ชาวบ้านชูแก้วใส่ เวลาที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาได้รับอนุญาตให้เดินเล่นได้ แต่อย่าเข้าไปใกล้ชายป่าทางทิศใต้ของบ้านกำนันเท่านั้น แต่มันก็อยู่คนละฝั่งกับเส้นทางที่จะเข้าหมู่บ้าน เลยไม่มีการห้ามอะไรถ้าเขาจะไปเลือกซื้อของกิน
“โอ๊ย!! นั่นคนหล่อกูมาแล้ว” เสียงของนิ่มพูดขึ้น เธอคือสาวน้อยวัยขบเผาะที่แก่แดดคนหนึ่งในหมู่บ้าน ชอบแซวธามและโรมอยู่เป็นประจำถ้าเห็นเขาสองคนเดินมา
“คักเนาะ เว้าปานเขาสิเหลียวเบิ่งจะของ ดำกะดำ แหล่กะแหล่ กูว่าแม่นอีกาคาบพริก”
“เอ๊า!! บักเต็มคือเว้าจังซี่ มึงนี้บ่เต็มสมซือเนาะ” นิ่มพูดขึ้นพร้อมกับมองค้อนเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ธามนึกขำกับท่าทีของเด็กรุ่นน้องสองคนที่มักจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เขาเดินมาซื้อของ เป็นแบบนี้ประจำในทุกเช้าที่เขาจะต้องเจอทั้งคู่นั่งรอรถรับส่งเพื่อไปเรียน เพราะมันอยู่ห่างไปอีกสองกิโล
“พี่ธามมาซื้ออะไรจ๊ะ” นิ่มจีบปากจีบคอถามคนที่เธอแอบชื่นชมอยู่ ทำเอาเต็มอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“บ่ต้องตอบมันดอกครับ เดี๋ยวมันสิคิดว่าพี่ธามมัก”
“เอ๊า! บักห่านี่แหม่ะ ขัดตลอด”
“รถมาแล้ว มัวแต่เถียงกันยุนี่มู่สู ไปๆ” เซียงหรั่งที่พึ่งเดินมาถึงก็ออกปากไล่ทันที ก่อนจะเดินเข้าไปชงกาแฟออกมานั่งดื่มเช่นเคย
“หรั่ง ชงให้พี่ด้วยสิ” โรมเอ่ยบอกเสียงอ่อนโยน จนคนฟังถึงกับชะงักมือ ก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายขอแต่โดยดี จนลุงจานอดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่าหลานชายดูสงบเสงี่ยมต่างจากทุกที โดยเฉพาะเวลาที่เจอกับหนุ่มกรุงเทพ
“พี่โรมจะนั่งต่อใช่ไหม งั้นผมกลับก่อนนะ”
“ไม่ดื่มกาแฟเหรอครับ” โรมถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่ดีกว่า” ธามตอบพร้อมกับโบกมือให้เซียงหรั่ง และลุงจานที่นั่งอยู่ข้างโรม ตอนนี้ทั้งคู่เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็เข้าวันที่ห้าแล้ว
“จะกลับแล้วเหรอน้องธาม” เพลินสาวสวยประจำหมู่บ้านเดินเข้ามาทักทายในขณะที่เขากำลังเดินเลี้ยวไปตามทางกลับบ้านกำนัน
“ใช่ครับพี่เพลิน แล้วนี่จะไปไหนครับ”
“พี่ก็จะไปบ้านกำนันนั่นแหละจ๊ะ พ่อให้เอาต้มปลาไปให้ เห็นกำนันชอบกิน”
“อ่อครับ งั้นผมช่วยถือนะ” ธามยื่นมือรับเอาปิ่นโตมาถือไว้เอง เพราะจะปล่อยให้ผู้หญิงถือไปทั้งอย่างนี้ก็ดูจะไร้น้ำใจเกินไป จนกระทั่งมาถึงบ้านของกำนันซึ่งเขาก็นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านกับลุงฉ่ำเช่นทุกวันถ้าไม่มีงานในไร่