บทที่ 3 คิดว่าจะหนีรอดเหรอ 1
อัคพลไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกสาวผู้น่ารักช่างพูดช่างเจรจาของตนดูเงียบผิดปกติพักนี้ แถมเมื่อเช้านี้ก็มาขอไปนอนบ้านของมิราตีเพื่อนรักอีกต่างหาก ไม่บอกอีกว่าจะไปค้างกี่วัน
“นวลคุณว่าลูกเราดูแปลกๆ ไปไหม? ”
“ฉันคิดว่าฉันคิดคนเดียวเสียอีกคุณอัค ก็อย่างที่นวลบอกไงคะว่าตามเนื้อตัวลูกเรามีรอยเหมือน....แต่ฉันก็ไม่อยากคิด แต่ดูลูกเราสิตอนนี้ดูซึมเศร้าแปลกๆ ไม่ค่อยพูดจาด้วย แถมขอไปค้างบ้านเพื่อนทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะไปเลยนะคุณ”
นวลจันทร์ร่ายยาวให้สามีฟัง ไม่ใช่แค่สามีที่ห่วงลูก เธอนั้นก็ห่วงเหมือนกัน ไม่อยากให้คนสดใสอย่างชลินดาเศร้าหมองแบบนี้เลย มันทำให้บ้านขาดสีสัน
“ผมก็คิดเหมือนคุณ ปกติลูกเราจะชอบไปดูร้านดอกไม้กับเรา สองสามวันมานี้แปลกๆ ไป ชวนไปที่ร้านก็ไม่ยอมไป เอาแต่หลบอยู่ในห้อง
“มันไม่ได้แล้วนะคุณ ฉันเป็นห่วงลูก หรือว่าแกมีแฟนคะคุณ”
“แล้วใครเป็นแฟนกัน ผมก็ไม่เห็นใครมาจีบลูกเราเลยนะ อีกอย่างลูกเราก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังเราด้วย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”อัคพลไม่อยากคิดหรอกว่าลูกสาวคนดีตนจะมีแฟน
“คุณอัคฉันลืมเล่าให้ฟัง สองวันก่อนฉันกับน้อยเห็นปิ่นวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านหลังใหญ่หลังข้างๆ เราด้วยแหละ” วันนั้นนางกลับมาจากตลาดกับสาวใช้เลยเผอิญเห็นลูกสาวตนวิ่งออกมาจากบ้านนั้นพอดี
“คุณขุนพลนั้นเหรอ คงไม่มีอะไรหรอก ผมเคยเจอเขาและคุยกับเขาสองสามครั้งก็ดูเป็นคนดีออก ถึงแม้จะย้ายมาอยู่ไม่นาน ผมดูคนไม่ผิดหรอกคุณ” อัคพลแก้ตัวให้เพื่อนบ้าน
“แล้วลูกเราไปที่นั่นทำไมคะ คุณไม่สงสัยเหรอ”
“นั้นสินะ แต่เราจะไปกล่าวหาเขาไม่ได้นะคุณ อีกอย่างคุณพลกับลูกเราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้ผมจัดการเอง คุณไปดูแลร้านเถอะวันนี้”
“ค่ะคุณ ฉันไปก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็เดินจากไป
เมื่อลับร่างภรรยาอัคพลก็เดินไปดูสวนหน้าบ้านตนที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยๆ พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่ภรรยาพูด
“ปิ่นไปทำอะไรบ้านคุณพลกัน แล้วทำไมต้องวิ่งร้องไห้ออกมา คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ”
อัคพลยังไม่อยากคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวตน เพราะเพื่อนบ้านของเขาคนนี้เท่าที่ได้พูดคุยกันเขาถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยแหละ คงไม่ทำเรื่องนั้นหรอก
ณ โรงแรมชาติเจริญผู้บริหารสูงสุดไม่เป็นอันทำการทำงานเลย มันสองวันแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าหวานๆ เปื้อนยิ้มของชลินดา เธอไปไหน แอบเข้าห้องเธอก็ไม่เจอ และเรื่องทั้งหมดก็มาลงที่สมิง
“แกไปสืบมาให้ได้ว่าปิ่นไปไหน แล้วไปอยู่ไหน ไปค้างที่ไหนกับใคร บ้านใคร”
“เขาหนีขนาดนี้ยังจะตามอีกเหรอครับ รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงเขาไม่รักยังจะตามอีก ทำไมไม่เลือกคนที่รักและวิ่งตามเราอย่างเมย์ครับ” สมิงตอบด้วยความหมั่นไส้ผู้เป็นทั้งนายและเพื่อน ‘สมน้ำหน้าไอ้เพื่อนเกลอ อยากบังคับเขาดีนัก หึหึ’
“กูไม่เอาใครทั้งนั้นแหละ ปิ่นคนเดียวเท่านั้นที่กูต้องการ ส่วนเมย์ก็เป็นแค่ของแก้เหงาเท่านั้นแหละ”
บอกว่าเป็นแค่ของแก้เหงาก็ยังไปหาแม่นางแบบสาวทุกคืน ปากพูดแต่ตัวน่ะไปค้างกับหล่อนทุกคืนที่ไม่ได้สัมผัสชลินดา
“ครับผม ผมจะจัดการให้ เดี๋ยวตอนเย็นรู้เรื่อง” ว่าแล้วก็รีบไปทำงานตัวเองทันที ถ้าช้านะมีหวังมีมวยแน่ๆ
“เธอไปไหนกัน เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอปิ่น ยิ่งเกลียดฉันมากเท่าไหร่ฉันก็จะยิ่งยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอมากเท่านั้น ไม่อุ้มท้องลูกฉันอย่ามาเรียกฉันว่าขุนพล” เอ่ยด้วยความหมายมาด
หลังจากเรียนพิเศษเสร็จชลินดากับมิราตีก็มานั่งกินนมปั่นอยู่ปากซอยทางเข้าไปบ้านของมิราตี สองสาวหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกใครบางคนจับตามองตลอดเวลา
พอสมิงโทรบอกเจอชลินดาแล้วเขาก็รีบมาหาคนสนิทตัวเองทันที พอมาถึงเขาก็เห็นเธอดูมีความสุขกับชีวิตวัยรุ่นเสียจริง อยากรู้จริงๆ ว่าสองวันที่ผ่านมาเธอคิดถึงเขาบ้างไหม
“สมิงแกไปทำยังไงก็ได้ให้เพื่อนของปิ่นแยกตัวออกไปจากเธอ แล้วฉันจะพาปิ่นกลับบ้านด้วย”
“ฮ้า! พูดน่ะมันง่ายทำน่ะมันยาก” สมิงกุมขมับด้วยความปวดหัวกับความเอาแต่ใจของเพื่อนเหลือเกิน
“ไม่รู้แหละแกเป็นเพื่อนฉัน แกไม่อยากให้ฉันมีเมียเหรอ”
“ได้ ฉันจัดให้” ว่าแล้วก็ลงจากรถไปจัดการเพื่อนของชลินดา
ขุนพลนั่งมองเพื่อนรักไปจัดการ ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนมีแผนอะไร แต่ผลที่ได้ต้องถูกใจเขา
ด้านสมิงเดินลงจากรถก็ไปซื้อดอกกุหลาบจากร้านข้างทาง แล้วถือติดตัวเดินเข้าไปในร้าน พร้อมกับมอบดอกไม้ให้เพื่อนของชลินดา
“สาวน้อยฉันให้เธอ”
มิราตีมองผู้ชายที่ให้ดอกไม้ตนด้วยความตะลึง ‘อร๊ายยยยย หล่ออะไรเบอร์นั้นพ่อคุณ ถึงจะดูแก่ไปก็เถอะ แต่หล่อให้อภัย คิกคิก’ เธอกรีดร้องในใจ ก่อนจะรับดอกไม้จากชายแปลกหน้ามาด้วยความเขินอาย
ชลินดาจำได้ว่าผู้ชายที่เอาดอกไม้ให้เพื่อนรักตนนั้นเป็นใคร
“คุณ!....”
“สวัสดีหนูปิ่น” สมิงเอ่ยทักอย่างสนิทสนม
“ปิ่นแกรู้จักพี่คนนี้ด้วยเหรอ” ถามเพื่อนด้วยความอยากรู้
“อืม! เราไปกันเถอะปิ่น อย่าไปคุยกับเขาเลย” ว่าแล้วก็รีบฉุดดึงเพื่อนให้เดินตามตนออกไปจากร้าน
“เฮ้ย! รอพี่ด้วยสิ” สมิงวิ่งตามสองสาวไปด้วยความร้อนรน
“นั่นสิแก นานๆ ทีจะมีผู้ชายหล่อๆ มาให้ดอกไม้ฉัน ฉันอยากคุยกับพี่เขาก่อน แกกลับไปก่อนเถอะนะ” มิราตีสะบัดมือตนออกจากมือเพื่อน
“อยากรู้จักก็รู้จักคนเดียวเถอะ ฉันกลับไปรอที่บ้านแล้วกันนะ” ว่าแล้วก็เดินเข้าซอยไปคนเดียว เหลือทิ้งไว้แต่มิราตีกับสมิง
‘กูจะบ้าตาย เด็กอะไรแก่แดด ไม่น่าใช้วิธีนี้เลยกู’ สมิงครวญในใจ ก่อนจะยิ้มให้สาวน้อยแล้วชวนกลับไปนั่งกินนมปั่นในร้านต่อ
“สวัสดีค่ะพี่ พี่ชื่ออะไรคะ ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ หนูชื่อมินะคะ” มิราตีพูดด้วยความตื่นเต้น
“พี่ชื่อสมิง ยินดีที่ได้รู้จักสาวน้อย”
ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนบ้าก็คงไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอก เด็กแบบนี้ใครจะไปยิ้มหวานให้ลง แต่ก็ฝืนๆ ไปก่อนเถอะ แค่วันนี้วันเดียวเองสมิง