35 เหลงเจอผีกองกอย
ยิ่งดึก บรรยากาศวังเวงมากยิ่งขึ้น เสียงสัตว์หายไป แต่มีสิ่งหนึ่งดังแทรกขึ้นมาแทน เหลงลุกพรวดขึ้นนั่ง เหลียวมองไปรอบ ๆ ตัว ฟันกระทบกันดังกึกกัก
“กองกอย กองกอย”
เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาทุกที เหลงกลัวจนขนลุกซู่ รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของผีกองกอย ซึ่งเป็นผีป่าชนิดหนึ่ง ความน่ากลัวที่ได้รับรู้มา เหลงรู้ว่าชีวิตไม่อาจรอดแน่ ได้แต่นั่งพนมมือสวดมนต์ให้คุณพระช่วยคุ้มครองให้รอดพ้นจากอันตราย
“นะโม ตัสสะ พะคะวะโต”
ไม่ว่าจะสวดมนต์กี่บท เสียงกองกอยยังคงดังใกล้เข้ามา เพียงชั่วครู่เหมือนกับว่ามันอยู่ล้อมรอบตัว เมื่อลืมตาขึ้นดู ถึงกับตกใจสุดขีดเมื่อเห็นผีร้ายในสภาพผมเผ้ารุงรังตาเรืองแสง ปากบานอ้าแสยะออกจากกัน จนเห็นฟันซี่แหลมขาวน่ากลัว เรือนร่างมันเปลือยเปล่ามีเพียงใบไม้ถือเอาไว้ปกปิดอวัยวะส่วนสำคัญ
“กองกอย”
“กรี๊ด ! ช่วยด้วย”
เหลงกรีดเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว ขยับตัวเข้าหากองไฟ คว้าดุ้นฟืนยกขึ้นกวัดแกว่งไปมา กันไม่ให้ผีร้ายจู่โจมเข้าหาตัว แต่มันก็ยังคงขยับเข้าหาเร็วยิ่งขึ้น ปากมันบานอ้ากว้างออกจากกัน เผยให้เห็นความสยดสยองของฟันคม
“อย่า อย่าเข้ามานะ ข้ากลัวแล้ว”
ในช่วงแห่งความกลัวสุดขั้วหัวใจ ผีกองกอยนั้นทำท่าจะกลับเข้ามา จุดประสงค์ของมันคือกัดลำคอให้ขาดกระจุย
พลัน ! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น จนเหลงสะดุ้งเอามือปิดหู หลับตาทั้งสองข้าง รับรู้แต่เพียงว่าชีวิตคงหาไม่ โดยไม่รู้ว่าผีตายทั้งกลมที่อาจารย์ขนอมให้คอยติดตามดูการเคลื่อนไหวของเธอ ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วกระโจนเข้าใส่ผีกองกอยจนหน้าผงะหงายล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
เสียงต่อสู้ของผีร้ายดังลั่นสนั่นป่า เหลงลืมตาขึ้นดูเห็นความสยดสยองที่ปรากฏถึงกับเป็นลมหมดสติไปด้วยความกลัวท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของผีผู้เพลี่ยงพล้ำ
อาจารย์ขนอมหัวเราะชอบใจเมื่อนังผีตายทั้งกลมเข้ามารายงานว่าได้เข้าไปช่วยเหลงให้รอดพ้นจากผีกองกอยกลางป่าจนมันล่าถอยจากไปในสภาพเนื้อตัวขาดรุ่งริ่ง
“เจ้าทำงานได้ดีมาก นังท้องโต ทนต่อไปอีกนิดเถอะวะ ข้าจักปล่อยดวงวิญญาณเจ้าให้เป็นอิสระ ไม่ต้องมาทนทุกข์คอยรับใช้อีกต่อไป”
ความดีของผีร้ายยังมีปรากฏให้เห็นอาจารย์ขนอมไม่อยากกักขังดวงวิญญาณมันอีกต่อไป รอให้งานบางอย่างสำเร็จลุล่วงคงต้องปล่อยมันไป นังผีร้ายได้รับรู้ก้มลงกราบกรานหมอผีเรืองอาคมด้วยดวงตาอ่อนแสงลงกว่าเดิม
“ข้าจักรอวันนั้น ขอเพียงแต่อย่าใช้มนตราบีบบังคับข้ามากเกินไป มันทรมาน ลูกข้ามันก็แทบทะลักออกนอกพุงอยู่แล้ว”
ผีท้องโตอุทธรณ์ความทุกข์ทรมานต่อการที่ถูกอาคมกำกับเอาไว้ ทำให้ต้องอยู่ในการควบคุมของอาจารย์ขนอม ถ้าหากมันพ้นจากมนต์ตรงนี้จะได้ไปอยู่ในที่ต้องไม่ต้องถูกบังคับให้ทำโน่นทำนี่ตามใจชอบ
“รอสักพักแล้วเอ็งจักเป็นอิสระ ไม่ต้องกลัว ทนเถอะนะ”
“เจ้าข้า ข้าจักรอวันนั้น”
จากนั้นร่างผีท้องโตค่อย ๆ เลือนหายไป อาจารย์ขนอมนั่งสมาธิต่อ เพื่อให้ความขลังคงที่และเพิ่มวิชาอาคมแก่กล้ายิ่งขึ้น
เพ็ญรู้สึกค่อยยังชั่วหลังจากป่วยหนักมาหลายวัน ป่วยในครั้งนี้เธอได้รับรู้ว่าหล่านยังมีความรักและความห่วงใยไม่น้อย คอยฝนรากยา ป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ จากที่เคยวิ่งเทียวเข้าบ่อนถั่วโป เป็นต้องหันหลังละทิ้งไปโดยปริยาย
“แม่ ยังเช้าอยู่เลย ลุกขึ้นทำไมเล่า นอนพักก่อนไม่ดีรึ”
ผุดดันหน้าอกแม่ให้ล้มตัวลงนอนดังเดิม เพ็ญยิ้มเจื่อน ๆ เพราะรู้สึกปร่าในโพรงปาก หลังจากไม่ได้อมเกลือบ้วนปากมาหลายวัน รำคาญเสียจนต้องฝืนลุกขึ้นมา เหลียวหากระบวยกะลามะพร้าวด้ามยาวซึ่งใช้เป็นประจำ
“แม่อยากสีฟัน”
“เดี๋ยวฉันจักไปเอาเกลือกับน้ำมาให้ แม่นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ”
ลูกชายกระโจนผลุงจากไปโดยเร็ว ครู่เดียวทุกอย่างที่ต้องการมาวางอยู่ตรงหน้า เพ็ญค่อยเอานิ้วจุ่มน้ำแล้วคลุกเกลือเม็ดป่นขัดเช็ดถูกตามซอกไรฟันจนสะอาดจึงบ้วนปากตบท้ายเสียหนึ่งครั้ง ลูกชายยื่นผ้าผวยเก่าให้เช็ดปาก
“อ้าว! นังเพ็ญ ลุกได้แล้วรึ”
หล่านเอ่ยถามหลังจากเข้าป่าไปแต่เช้าตรู่ได้ไก่ป่ามาสองตัวพาดวางมาบนบ่า เพ็ญยิ้มให้ผัว แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้า ๆ รับรู้แล้วว่าวันนี้ได้ชิมรสอาหารอันโอชะ