34 เหลงจะกลับบ้านเมียบ่าวดีใจ
ข่าวเหลงเดินทางกลับไปหาพ่อแม่สร้างความดีใจให้กับน้อยและจั่น จนต้องปิดครัวเลี้ยงฉลองที่นางมารได้ถูกกำจัดไป
“ป้าตุ่ม หยุดทำงานได้แล้ว มากินแกงอ่อมหอยขมดีกว่า ฉันอุตส่าห์ทำเองกับมือเชียวนะ”
จั่นเรียกแม่ครัวฝีมือเอกมาร่วมวงกับอาหารพื้นบ้านที่มีรสชาติจัดจ้านถูกใจ นาน ๆ ครั้ง จะได้จัดทำโดยที่ไม่ต้องยกขึ้นไปบนเรือนใหญ่เพราะนวลจิตไม่กินเนื้อหอยขม
“ท่าทางเอ็งมีความสุขไม่น้อยเลยนะ นังจั่น”
แม่ครัวร่างอ้วนใหญ่ทรุดนั่งลงบนกระดานพื้นครัวซึ่งอยู่ด้านหลังเรือนใหญ่ เพื่อกันไม่ให้กลิ่นควันอาหารไม่ฟุ้งเข้าไปรบกวนห้องหับต่าง ๆ
“แน่ล่ะ วันนี้ฉันมีความสุขมาก นังเหลงไง มันกลับบ้านป่าไปแล้ว ไม่รู้ว่าจักกลับมาอีกเมื่อไหร่ ต่อไปจากนี้คุณหลวงคงเรียกใช้ฉันกับพี่น้อยถี่ขึ้นบ้างล่ะ”
จั่นบอกความจริงว่าริษยาเหลงที่ถูกเรียกใช้งานบ่อยกว่าตัวเอง จนบางครั้งน้อยใจอยากจะต่อว่าหลวงราชศักดิ์ที่ไม่มีความยุติธรรม แต่ไม่กล้าเพราะรู้นิสัยดีว่าเป็นคนตรง พูดจาไม่ถนอมน้ำใจ รักชอบก็บอกเสียเดี๋ยวนั้น ขนาดนวลจิตยังไม่กล้าหือ เมื่อหลวงราชศักดิ์ต้องการอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น
“เอ๊ะ ! ที่เอ็งเคยบอกนังเหลงว่าคุณหลวงเรียกเอ็งขึ้นห้องบ่อย ๆ ก็ไม่จริงรึ”
ตุ่มจำคำพูดของจั่นได้ดี ทุกครั้งที่เข้ามาในครัว มันข่มเหลงด้วยคำพูดเป็นทำนองว่า เป็นที่โปรดปรานของหลวงราชศักดิ์ ทำให้เหลงช้ำชอกใจ นอกจากจะเป็นเมียบ่าวยังต้องทำงานหนักรับใช้ทุกคน ตื่นตั้งแต่เช้า กว่าจะเข้านอนก็กินเวลาไปเกือบสองยาม ทำให้ร่างกายทรุดโทรม ตุ่มเองก็เวทนาแต่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลืออะไรได้ นอกจากมองเพียงอย่างเดียว
“ฉันก็โกหกให้นังเหลงมันน้ำลายหยดเท่านั้นเอง ความจริงแล้ว คนอย่างนังเหลงเหมาะกับอ้ายแดงมากกว่า”
จั่นพาดพิงถึงอ้ายแดงคนสวน ซึ่งมีทีท่าว่าสนใจเหลง เมื่อรู้ว่าเหลงตกเป็นเมียของหลวงราชศักดิ์ ทำให้มันคิดมาก จนต้องหมกตัวอยู่แต่ในสวนไม่ยอมเข้ามาในครัว นอกจากป้าตุ่มเป็นคนเอาอาหารไปส่ง เรื่องนี้บ่าวทุกคนรู้ดี แต่ไม่มีใครกล้าพูด
ทุกคนกลัวว่าอ้ายแดงจะถูกลงโทษเพราะไปเผลอแอบรักเมียบ่าวของเจ้านาย หวายคงได้ลงหลังจนสลบ เงียบเอาไว้เป็นดีที่สุด
“เอ็งจักพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะ นังจั่น คนเรามีสิทธิ์ที่จักรักชอบผู้ใดย่อมได้ สุดแท้แต่ฝ่ายที่เราต้องใจ มีใจให้เราหรือไม่ อ้ายแดงมันไม่ผิดหรอก พอรู้ว่านังเหลงตกเป็นของคุณหลวง มันก็ร่นถอยไปน่าเวทนาเสียจริง”
ตุ่มเห็นใจแดงที่ต้องกลืนน้ำตา นอนอกกลัดหนอง ไม่กล้าสู้หน้าใคร เพราะบ่าวไพร่ในบ้านต่างรู้ดีว่าแดงมีใจให้เหลง เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น บ่าวหนุ่มต้องขอหลบไปเลียแผลใจตามลำพัง จะโผล่หน้ามาเห็นก็ต่อเมื่อถูกเรียกใช้ วัน ๆ หมกอยู่กับสวนจนโล่งเตียนสะอาดตา
“เออ ช่างมันเถอะ ป้าตุ่มฉันหิวแล้ว กินข้าวกันดีกว่า”
น้อยรีบเปิบข้าวใส่ปากด้วยความหิวเช่นกัน จั่นและตุ่มเตรียมตัวจ้วงข้าวแกงตรงหน้าด้วยความหิว เพียงครู่เดียวอาหารทุกอย่างราบเรียบไม่มีเหลือ
เหลงเดินลัดเลาะฝ่าป่าแหวกพงหนามเข้าไปตามทางเกวียนเล็ก ๆ มุ่งสู่บ้านที่จากมา ยังดีที่จำทางมาได้ แต่กระนั้นความเหนื่อยและรกชัฏของป่าทำให้ต้องนั่งพักบ่อยครั้ง เชื่อว่าพรุ่งนี้บ่าย ๆ คงถึงบ้าน เท่ากับว่าคืนนี้เหลง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องนอนค้างกลางป่าเพียงลำพังผู้เดียว ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุน่ากลัวอะไรขึ้นบ้าง อาวุธสักชิ้นก็ไม่มีมาป้องกันตนให้พ้นจากอันตราย
ความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อความมืดโรยตัวเข้ามา เสียงนกและสัตว์กลางคืนกู่ร้องก้องกังวาน แลทั้งยุงป่าพากันยกพวกถาโถมเข้าใส่ กัดเนื้อจนคันยุบยับ เหลงเหลียวมองรอบตัวเจอแต่ความมืดรายรอบ จนต้องจุดไต้ขึ้นแล้วก่อกองไฟขับไล่ความมืด ร่างบางห่อเข้าหากัน คว้าผ้าขาวม้ามาคลุมไหล่ช่วยให้บรรเทาความหนาว
ความกลัวต่อสัตว์ร้ายกินเนื้อเข้ามาเกาะกุมหัวใจ ตรงนี้เป็นทางผ่านเชื่อว่าสัตว์ร้ายกลางคืนจะต้องเดินผ่านมาตรงนี้อย่างแน่นอน เมื่อมีกองไฟเกิดขึ้นมันก็คงไม่กล้าเข้าใกล้และถอยร่นออกไป เหลงตัดใบไม้มาปูลงบนดินเมื่อเห็นว่าหนาพอสมควรจึงล้มตัวลงนอน แต่ไม่อาจข่มตาหลับได้เพราะเสียงสัตว์ร้ายมันดังก้องหู ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะพุ่งเข้าหาตัว