3 นังเหลงสาวงาม
เพียงเท่านี้ดวงตาทั้งสองข้างของหนุ่มผิวคล้ำกระตุกเบิกกว้าง กำปั้นขวาทุบลงบนอกซ้ายอันเปลือยเปล่าจนเกิดเสียงดังสามครั้ง
“เป็นบุญของอ้ายผวนได้คนดีมีวิชาเป็นอาจารย์ ฉันจักไม่ลืมพระคุณอาจารย์ไปตลอดชีวิต ขอบพระคุณอาจารย์”
ผวนก้มกราบอาจารย์ขนอมอีกครั้ง สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ผู้อยู่ในชุดขาวผมมวยไม่น้อย รู้ว่าอย่างน้อยก็มีอีกหนึ่งคนที่รักและบูชายกย่องให้อยู่เหนือหัว ความจริงใจของไอ้หนุ่มบ้านนอกผู้นี้ อาจารย์ขนอมยินดีถ่ายทอดวิชามนต์ต่าง ๆ ให้แก่มัน แต่ต้องรอให้ถึงเวลาอันสมควรเสียก่อน เพราะรู้ว่าผวนยังไม่พร้อม ในใจยังใฝ่หาอิสตรีนามว่าเหลงสาวงามวัยเริ่มสาว ต้องรอให้จิตใจสงบกว่านี้ถึงจะเป็นทายาทสืบทอดมนตร์ดำได้
ความจริงแล้วเหลงเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง หากว่าปล่อยผมให้สยายยาวโดยไม่ตัดสั้นเป็นทรงดอกกระทุ่มเหมือนทุกวันนี้ เพราะความยากจนต้องสวมใส่ผ้าแถบเก่าๆ กับโจงกระเบนสั้นเต่อมอซอจนมองหาสีเดิมไม่เจอ เนื้อผ้ามอมแมมเจือคราบดำด่างเกาะติด ผิวนั้นเล่ามีปื้นคราบไคลเกาะแน่นอาบน้ำแต่ละครั้งต้องหาส้มมะขามเปียกมาขัดถูเป็นนานกว่าจะเกิดนวลใย เพราะความเร่งรีบเกรงว่าพวกพม่าจะผ่านมาเห็นแล้วทำมิดีมิร้ายก็ต้องรีบอาบรีบถู เนื้อตัวจึงไม่ค่อยเกลี้ยงเกลาเท่าที่ควร
“นังเหลงเอ้ยนี่มันก็จวนจักมืดแล้ว อ้ายผุดน้องเอ็งมันไปมุดหัวอยู่ที่ใดวะ ยังไม่เข้าเรือนอีก ประเดี๋ยวเถอะเจออ้ายพวกพม่าโพกหัวมันจักได้ทำร้ายเอา พ่อมันนี่ก็เหลือเกินนอนหลับขวางประตูอยู่ได้ คนจักเดินเข้าออกช่างยากลำบากแท้”
เพ็ญถามหาผุดน้องชายคนเดียวของเหลง ด้วยเสียงไม่สบายใจนักเมื่อรู้ว่าเวลานี้ความมืดกำลังจะมาเยือนแต่เด็กน้อยยังไม่เข้าบ้าน ความจริงแล้วผุดนั่งแอบอยู่บนต้นขนุนหน้าบ้านนั่นเอง ความมืดที่ปกคลุมเป็นเกราะกำบังสายตาอย่างดี
“ฉันก็ไม่เห็นมันเลยตั้งแต่กลับมาจากเก็บผักบุ้งในคลอง อ้ายนี่ไม่รู้จักกลัวอันใด กลางค่ำกลางคืนมีผีออกหากินมากมาย เขาว่ามีคนตายทั้งกลมเอาไปฝังที่ป่าช้าวัดป่าใหญ่ด้วยนะแม่ ท่าจะเฮี้ยนน่าดู ฉันยังไม่กล้าลงเรือนเลย ต้องเอาไหมารองเยี่ยวในห้องด้วยซ้ำไป”
ลูกสาวกลัวผีเสียจนขี้ขึ้นสมอง สารภาพความจริงว่าเอาไหน้ำปลาเก่าที่เคยวางแหมะเอาไว้ตรงโคนกอไผ่ขึ้นมารองปัสสาวะในเวลากลางคืน เรียกเสียงหัวเราะจากมารดาออกมาจนได้
“ฮ่า ฮ่า นังเหลงเอ็งนี่ก็สำคัญนะ ข้าเห็นเอ็งขัดถูไหตั้งนานแล้วหิ้วขึ้นบ้าน ข้าจักถามว่าเอามาทำไมก็ลืมเสียฉิบ ที่แท้เอามารองเยี่ยวเองรึ”
“จ้าแม่ ฉันกลัวผีนี่นาหรือว่าแม่กล้าลงไปเยี่ยวล่ะ มืด ๆ ดึก ๆ ฝันไปเถอะพ่อจักลุกลงไปเป็นเพื่อนแม่น่ะ”
ลูกสาวรู้นิสัยหล่านเป็นอย่างดีถ้าหลับแล้วยากที่จะตื่นขึ้นมาง่าย ๆ ถ้าใครไปปลุกจะต้องเอะอะโวยวายจนถึงขั้นตบตี หากมีเหตุต้องตื่นกลางดึก แม่ลูกไม่กล้ารบกวนหัวหน้าครอบครัว ได้แต่มองด้วยความน้อยใจ ความหวังอยู่ที่ผุดหากว่าเติบโตขึ้นคงจะเป็นที่พึ่งให้แก่แม่และพี่สาว
“ข้ารู้น่าว่าพ่อเอ็งเป็นคนเช่นไร ไม่ปลุกให้เสียอารมณ์ดอกวะ เออ นังเหลงเอ็งเอาไหไปตั้งใกล้ๆ กับตรงข้านอนนะ”
แม่ทำเสียงกระซิบกระซาบข้างหู ท่าทางเหมือนมีลับลมคมในกลัวว่าใครผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน ทำเอาลูกสาวงุนงงจนต้องกระซิบถามออกไปบ้าง
“ทำไมล่ะแม่”
“อ้าว ถามได้ข้าก็กลัวผีเป็นเหมือนกันนี่หว่า เวลาข้าปวดเยี่ยวจักได้ขอถ่ายเบาด้วยคน บรื๋อ ผีตายทั้งกลมน่ากลัวนะโว้ย”
เพ็ญเผลอพูดเสียงดังออกไป ท้ายสุดรีบเอามือประกบปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น กลัวว่าจะได้ยินถึงผีในหลุม หลังจากคุยกันชั่วครู่ จึงออกปากชักชวนลูกสาวให้ปิดหน้าต่างบ้านโดยเร็ว พักเดียวสองแม่ลูกงับหน้าต่างปิดลงจนหมด ทว่า เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากยอดขนุน
“แม่ พี่เหลงช่วยฉันด้วย ฉันกลัว ฮือ ฮือ”
เสียงร้องซ้ำ ๆ ติดกันหลายครั้ง เพ็ญมองหน้าลูกสาว ตาวาวกระตุกวาบเมื่อรู้ว่าลูกชายคนสุดท้องไม่ได้ไปที่ไหน แต่อยู่บนยอดขนุนนี่เอง
“นังเหลง เสียงน้องเอ็งนี่หว่า ค่ำมืดป่านนี้ดันทะลึ่งปีนต้นขนุน แล้วไงล่ะ มันขึ้นไปได้ทำไมถึงลงไม่ได้วะ”
เพ็ญตะโกนถามผุดดัง ๆ ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงร้องฮือ ๆ เหลงต้องบอกให้น้องค่อย ๆ ไต่ลงมา ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ๆ พร้อมกับสุมไฟให้แสงสว่าง ครู่เดียวผุดลงมาเหยียบพื้นโดยปลอดภัย ร่างผอมกอดแขนพี่สาวเอาไว้แน่น
“พี่เหลง ฉันกลัวผีตายทั้งกลม คืนนี้ให้ฉันเยี่ยวลงไหด้วยคนนะ”
เด็กชายหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เหลงพยักหน้าหงึกสงสารน้องจับใจ
“ฮื่อ เอ็งอย่าเยี่ยวหลายทีนักล่ะ ไหมันจักเต็มเสียก่อน พี่ว่าเอ็งไปหาข้าวกินซะวันนี้พี่โชคดีตกปลาตะเพียนได้สามตัว เอามาพอกเกลือปิ้งไว้ในเตาน่ะ ดูดี ๆ ล่ะ ก้างมันหลายอยู่”
“จ้าพี่เหลง พี่เหลงมานั่งเป็นเพื่อนฉันในครัวนะ ฉันกลัว”
เด็กน้อยยังคงหวาดกลัวต่อคำพูดของแม่กับพี่สาว แม้เวลากินข้าวต้องมีคนนั่งเฝ้าเป็นเพื่อน เหลงนึกโมโหพ่อ ปรายตามองร่างเปลือยดำมืด ซึ่งมีแค่เพียงผ้าเตี่ยวนุ่งผืนเดียว เสียงกรนดังลั่น เมื่อมองไปที่แม่เห็นว่าส่ายหน้าแบบปลง ๆ ที่มีผัวแต่ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากกินเหล้ากับเข้าบ่อนหาความสำราญให้แก่ตัวเองเพียงผู้เดียว ปล่อยให้ลูกเมียหากินกันเอง ในยามศึกสงครามเช่นนี้ยากที่จะลืมตาอ้าปากได้ง่ายเพราะแต่ละคนต่างก็กลัวศัตรู ไม่มีกำลังใจทำงานนอกจากเข้าป่าลงคลองหาอาหารประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวัน ๆ
ณ ป่าช้าวัดป่าใหญ่ตรงหน้าเนินดินซึ่งเป็นหลุมศพของหญิงตายทั้งกลม อาจารย์ขนอมและผวนได้จัดทำพิธีลนน้ำมันพรายอยู่ภายใต้สายสิญจน์ล้อมกรอบเอาไว้เป็นการป้องกันภูตผีร้ายไม่ให้เข้ามาทำอันตราย
สองมือของอาจารย์ขนอมพนมไว้กึ่งกลางระหว่างอก ปากหนาขยับขึ้นลงตามด้วยเสียงพึมพำสูงต่ำ ความเงียบและมืดรอบตัว ทำให้ผวนเริ่มหวาดกลัวต่อความรู้สึกวังเวง ชายหนุ่มพยายามระงับความกลัวเอาไว้ นึกถึงพระคุณเจ้าให้ช่วยคุ้มครอง เหลือบมองแสงจากเปลวเทียนไหวเอนไปตามแรงลม เมื่อความรู้สึกถึงความเย็นที่พัดรุนแรงมากขึ้นทุกที ผวนรู้แล้วว่าต่อจากนี้ไปจะต้องผจญกับสิ่งที่ชวนขนพองสยองเกล้า