22 ผีตายทั้งกลมมาเฝ้าเหลง
เมื่อได้ยาหอมร้อน ๆ ดื่มเพียงหนึ่งจอก อาการลมสว้านของนวลจิตก็เริ่มคลายลง ใบหน้าซีดเซียวขาวราวกับกระดาษเมื่อครู่ ๆ เริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง หลวงราชศักดิ์ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง ฝ่ามือใหญ่บีบสัมผัสเนื้อนุ่มไปมา จากเมื่อครู่เย็นชืดกลายเป็นอุ่นละมุนเข้ามาแทนที่
ตุ่มรับหน้าที่นวดเฟ้นตามเนื้อตัวแข้งขา ช่วยเร่งให้นวลจิตรู้สึกสบายเนื้อคลายกังวลไปบ้าง แต่ภาพปีศาจร้ายที่โผล่หน้าคร่าตาให้เห็นจะ ๆ เมื่อชั่วครู่ ยังคงติดตราอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา
“คุณพี่เจ้าคะ ช่วยน้องด้วยเถิด น่ากลัวเสียเหลือเกิน”
ร่างนวลจิตสั่นสะท้านอยู่ภายใต้วงแขนของสามีผู้มีใบหน้าเครียดขรึม ด้วยกังวลว่าภรรยาจะได้รับอันตรายจากสิ่งที่สร้างความหวาดผวา ตั้งแต่อยู่เคียงคู่เป็นสามีภรรยากันมา หลวงราชศักดิ์ไม่เคยเห็นนวลจิตกลัวสิ่งใดเท่านี้มาก่อน
เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ใครกล้าหาญทำให้นวลจิตประหวั่นพรั่นพรึงได้ถึงเพียงนี้
“น้องนวลจิต ไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น พี่อยู่เคียงข้างเจ้าตลอดเวลา นังตุ่ม พนม แล้วนังคนใหม่ออกไปได้แล้ว ข้าจักดูน้องนวลจิตเอง”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
พนมและบ่าวหญิงทั้งสองคลานเข่าถอยหลังออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องนอนให้แนบสนิทเช่นเดิม หลวงราชศักดิ์โอบกอดร่างอรชรแน่งน้อยเอาไว้แนบแน่น จมูกจูบซับความหอมจากนวลหน้าผากนูนด้วยความเสน่หา
“บ่าวไพร่ออกไปหมดแล้ว เจ้ามีสิ่งใดจะกล่าวก็บอกแก่พี่มาเถิดไม่ต้องเกรงผู้ใดจักได้ยิน”
หลวงราชศักดิ์กระซิบถามตรงกกหู นวลจิตสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แต่ไม่คลายลำแขนออกจากแผ่นหลังสามี รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเมื่อได้ซบหน้าลงกับอกกว้างแข็งแรง ถ้าไม่มีหลวงราชศักดิ์ในเวลานี้เธอคงคว้าผ้าห่มคลุมโปงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ภาพปีศาจร้ายน่าเกลียดยังตามหลอกหลอนไม่อาจสลัดลบไปจากความทรงจำได้ง่าย ๆ
“คุณพี่เจ้าขา น้อง น้องกลัวเหลือเกิน”
ภรรยายังคงพูดซ้ำคำเดิมกับความกลัวที่เกิดขึ้น หลวงราชศักดิ์ขมวดคิ้วดกหนาดำเข้าหากัน ได้แต่สงสัยว่าภรรยากลัวอะไรกันแน่
“น้องนวลจิต บอกพี่มาเถิด อย่ากลัว”
“เจ้าค่ะ ตอนที่คุณพี่หลับ น้องนอนไม่หลับ มายืนตรงหน้าต่าง น้องเห็นผีเจ้าค่ะ น่ากลัวมาก มันโผล่มาตรงหน้าต่าง คุณพี่เจ้าขา มันมองน้องเหมือนโกรธแค้นมาเป็นแรมปี”
เล่าเพียงเท่านี้นวลจิตเอามือปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยความกลัว คล้ายดั่งไม่อยากเห็นสิ่งที่กล่าวถึงเมื่อครู่ หลวงราชศักดิ์ตกใจต่อสิ่งที่ได้รับรู้ ถ้าไม่ได้ออกจากปากภรรยาจะไม่เชื่อเด็ดขาดว่าสิ่งที่นวลจิตเล่ามานั้นเป็นความจริง
“ผีรึ มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“เจ้าค่ะ คุณพี่อาจจักเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่น้องเห็นจริง ๆ เจ้าค่ะ ตาน้องก็ไม่ได้ฝาดด้วย เห็นเต็มสองข้าง โอ น่ะ นั่นเสียงหมาหอน”
นวลจิตผวาร่างกอดรัดสามีเอาไว้แน่นเมื่อเสียงหมาหอนดังขึ้นรอบ ๆ บ้าน ตามด้วยสายลมพัดกรูผ่านเข้ามาทางหน้าต่างปะทะร่างทั้งสองจนเย็นเยียบ หลวงราชศักดิ์รับรู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น รีบลุกไปปิดหน้าต่างลงกลอนจนแน่นหนาแล้วประคองร่างภรรยาเอนลงนอนแนบข้าง ปลอบประโลมด้วยรอยจูบพร่างพรมไปทั่วแก้ม
นับแต่เหลงขัดสีคราบขี้ไคลออกจากตัวเอง ความชวนมองที่ปรากฏขึ้นสร้างความไม่พอใจแก่สองเมียบ่าวของหลวงราชศักดิ์ พยายามกีดกันทุกอย่างไม่ให้เจอหน้า เกรงว่าเหลงจะถูกเลื่อนอันดับจากบ่าวก้นครัวเป็นเมียลับอีกคน ทั้งสองจึงหาทางกดเหลงให้อยู่แต่ในครัว ไม่ยอมให้โผล่ไปไหน พนมทหารรับใช้ผู้ใกล้ชิดของหลวงราชศักดิ์มักแวะมากินข้าวในครัวบ่อยครั้งเพราะถูกใจในตัวเหลง และยังมีอ้ายแดงบ่าวผู้ชายอีกคน พยายามผูกสมัครกับเหลงเพื่อขอความรัก
แต่เหลงยังเฉย ๆ ไม่ใส่ใจกับผู้ชายคนไหน เพราะรู้ว่าต้องทำงานเพื่อให้คุ้มค่าจ้างของนวลจิตที่มอบแก่พ่อ บางทีจะได้กลับบ้านเร็วเมื่อทำงานล้างหนี้สินจนหมด ถ้าได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวคงจะมีความสุขมากกว่านี้
“เหลง เอ็งเป็นอันใดไปรึ นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่เดิมนานแล้วนะ ตั้งแต่ข้าแผ้วหญ้าจากมุมโน้น จวบคืบมาถึงตรงนี้แล้ว เอ็งยังนั่งที่เดิมอีก”
อ้ายแดงถามพลางจ้องหน้างามลออของบ่าวสาวคนใหม่ด้วยความสนใจ เหลงถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ภาพสงคราม การหลบหนี ความทุกข์ยากของพ่อแม่และน้องยังฝังติดอยู่ในความทรงจำ น่าแปลกไม่คิดถึงผวนผัวคนแรกที่ได้เสียกันเพราะฤทธิ์น้ำมันพราย
“พี่แดง ฉันกำลังคิดถึงทางบ้าน บัดเดี๋ยวนี้มีแต่ความทุกข์ยาก ไหนจักคอยหลบหนีพวกศัตรูแผ่นดิน ไหนยังความอดอยากอีก ฉันเวทนา เกรงว่าจักเกิดอันตราย ฉันอยากกลับไปอยู่บ้าน”
เหลงกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอบริเวณเบ้าตาคู่งาม แดงอยากจะเข้าไปหาโอบประคองกอดให้คลายความกังวล