20 นวลจิตเจอผี 1
“ฉันก็แค่เตรียมตัวเอาไว้ก่อน ปุบปับท่านเรียกจักได้ไม่ต้องเอาตัวเหม็นควันฟืนไฟให้ท่านรำคาญจมูก”
“ย่ะ นังรอบคอบ นี่นังจั่นเองมุดหัวอยู่แต่ในรูดั่งนี้จะรู้อันใด บางคราอาจจักมีอีนังม้าป่าตีนปลายแอบวิ่งแซงเอ็งกับข้าไปก่อนหน้านี้ก็ได้นะโว้ย”
น้อยแสดงอารมณ์โกรธด้วยการกระแทกบั้นท้ายบานเบอะลงกับพื้นแรง ๆ กำปั้นทั้งสองข้างทุบลงบนหน้าขาจนเกิดเสียงดังปับ จั่นมองงุนงง ไม่เข้าใจในคำพูดของเมียบ่าวคนรองจากนวลจิต ดวงตากลมวาวใสแจ๋วยังคงจ้องหน้าอูม ๆ ไม่วางตา
“ฉันมันคนโง่เขลาเบาปัญญาไม่เข้าใจคำพูดพี่ดอก”
“โอ๊ย ! นังนี่มัวแต่ทำหน้าทึมทื่ออยู่เยี่ยงนี้ เดี๋ยวก็ได้อดกินของอร่อย เอ็งรู้หรือไม่ อีนังคนป่าเหลงน่ะ พอมันอาบน้ำขัดถูตัวจนสะอาด ลงแป้ง ลงขมิ้นแล้วนะ งามลออเชียวล่ะ ข้ากลัวซะจริงว่าคุณท่านเห็นเข้าจักอดใจไม่ไหว สงสารแต่คุณนวลจิตต้องช้ำใจอีกหน”
น้อยแจงข้อกังขาของจั่นจนสิ้น จั่นมองหน้าน้อยยิ้มอย่างรู้ทัน คนที่ร้อนรนมากกว่าใครคงจะเป็นน้อยคนเดียวเท่านั้น จั่นรู้ดีว่านวลจิตเป็นผู้หญิงใจกว้าง ยอมให้บ่าวใช้ผัวร่วมกับตัวเองเป็นเวลาเกือบสามปีล่วงมาแล้ว
“ถ้าเป็นความต้องการของคุณท่านล่ะ ใครจักกล้าขัด”
จั่นรู้ดีว่าหลวงราชศักดิ์เป็นคนค่อนข้างตามใจตัวเอง หากต้องการสิ่งใดแล้วจะต้องเอาให้ได้ แต่น้อยกลับส่ายหน้าดิก
“ก่อนที่มันจะงาบคุณหลวงไป เราก็ต้องตัดตอนส่งมันไปเป็นนังกะลาก้นครัวซะ เอ็งมีความเห็นเช่นไร”
“ตามใจพี่เถอะ ถ้าพี่คิดว่าป้องกันมันไม่ให้เจอหน้าคุณท่านได้ล่ะก็จัดการทำซะเอง เอ วันนี้อากาศอบอ้าวคล้ายฝนจักตก ข้าเหนียวตัวอีกแล้ว เห็นทีต้องไปลูบเนื้อลูบตัวอีกสักครา”
ว่าแล้วจั่นลุกขึ้นยืนโดยเร็ว น้อยต้องเอามือยันพื้นก่อนดันตัวเองลุกขึ้นบ้าง เมียบ่าวทั้งสองของหลวงราชศักดิ์พากันมาที่ตุ่มดินเผาใบใหญ่หลังเรือน สำหรับบรรจุน้ำกินน้ำใช้ บ่าวทุกคนต้องใช้ตุ่มใบเดียวกันและช่วยกันตักน้ำมาเติมให้เต็ม ขณะที่สองบ่าวเดินจวนเกือบจะถึงอยู่ร่อมร่อ
พลัน ! เสียงครางฮือ ๆ แทรกความเงียบสงบดังขึ้น สองบ่าวยืนตัวแข็งทื่อ มองหน้ากันไปมา โดยเฉพาะจั่นเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมอง จับมือค่อนข้างอวบของน้อยเอาไว้แน่น
“พะ พะ พี่น้อย ดะ ได้ยินเสียงอะไรไหม”
จากคนพูดคล่องเร็วปรื๋อ กลับเปลี่ยนเป็นติดอ่างโดยอัตโนมัติตามด้วยร่างกายสั่นเทิ้มคล้ายคนเป็นไข้ป่า ทำให้ร่างน้อยพลอยสั่นสะท้านไปด้วย น้อยยังไม่ทันจะอ้าปากตอบด้วยซ้ำ ต้องสะดุ้งใจหายหักวาบตกลงไปอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาตอกย้ำความกลัวให้หนักไปอีก
“บรู๋ว์ บรู๋ว์ บรู๋ว์”
สองบ่าวยืนตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋เมื่อได้ยินเสียงหอนโหยหวนของหมาที่รับกันเป็นทอด ๆ จากที่ได้ยินไกล ๆ บัดนี้ใกล้เข้ามาทุกที ดูเหมือนว่าเสียงหอนนั้นดังรอบ ๆ ตัวอีกด้วย จั่นมีความรู้สึกว่าอยากจะกลั้นใจตายเสียเดี๋ยวนั้น
“ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ”
เสียงครางเย็นยะเยือกดังเสริมแทรกกับเสียงหมาหอนมาอีกครั้ง สองสาวหัวใจมดเกิดอาการตัวนิ่งแข็งทื่อคล้ายกับโดนสาปให้เป็นหินไปชั่วขณะ
สายลมกรรโชกโดยเร็ว เสียงใบไม้ถูกพัดปลิดขั้วหลุดร่วงจากต้นดังกราว เบื้องหน้านั่น ยอดไผ่ไหวเอนลู่ลมจนยอดเกือบจรดถึงพื้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ความหวาดกลัวเริ่มเกิดขึ้นมาเมื่อร่างเล็ก ๆ ดำ ๆ ของอะไรบางอย่างกระโดดโลดเต้นบนยอดไผ่ไปมา
บางครั้งมันเอาสองมือเล็ก ๆ โหนยอดไผ่เอาไว้แล้วโน้มลงมาติดพื้น จากนั้นปล่อยมือให้ยอดไผ่ดีดขึ้นไป เจ้าตัวประหลาดนั้นก็ลอยละลิ่วตามไปด้วย ร่างมันหายวับไปบนท้องฟ้าอันมืดครึมครือ จั่นอดรนทนไม่ได้เมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งที่เรียกว่าผิดปกติเกิดขึ้น ปากเริ่มขยับมาได้บ้างแล้ว
“ผี! พี่น้อย มันต้องเป็นผีแน่ ๆ เผ่นเข้าเรือนเถอะ”
มือหยาบกร้านคว้ากระชากข้อมืออวบอูมของน้อยแนบแน่นแล้วดึงให้วิ่งกลับเข้าไปในเรือน ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของใครบางคนดังขึ้น ซึ่งมันเรียกผมบนหัวของบ่าวทั้งสองให้ลุกชันด้วยความกลัวแล้วอุทานออกมาด้วยพร้อมกัน
“ผีหลอก ! ช่วยด้วยผีหลอก”
สองสาวกระโจนแผล็วเข้าไปนอนเบียดกันบนเสื่อผืนเล็กโดยมีผ้าผวยผืนเก่าคลุมโปงเอาไว้ ร่างสั่นระริกติด ๆ กันจนทำให้ห้องนั่นไหวสั่นตามไปด้วย
ความร้อนอบอ้าวที่บังเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน นวลจิตขยับตัวเบี่ยงออกจากร่างบึกบึนของหลวงราชศักดิ์ บัดนี้หลับไปเพราะความอ่อนเพลีย สามวันแล้วที่ต้องปรนนิบัติรับใช้ในฐานะภรรยาที่พึงมอบความสุขให้แก่สามี
นึกถึงเมียบ่าวทั้งสองคน ป่านนี้คงแหงนคอรอคอยเศษเสี้ยวความสุขจากหลวงราชศักดิ์ หวังจะเผื่อแผ่ความเมตตามาให้บ้าง นวลจิตเป็นหญิงรู้ดีว่าทุกข์แค่ไหน ถ้าไม่ได้รับความสุขจากผู้ที่เป็นสามี โดยเฉพาะเมียบ่าวอย่างน้อยและจั่น หญิงทั้งสองไม่รู้เลยว่าความสุขนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่