16 เหลงถูกพ่อขายให้นวลจิต
สองร่างที่ขะมุกขะมอมด้วยคราบไคลความสกปรกที่เกาะติดจากการเดินทางรอนแรมในป่าด้วยความเหนื่อยยากเป็นเวลานาน บัดนี้หล่านพาร่างอันระโหยโรยแรงเกาะซบหน้าลงกับประตูรั้วของหลวงราชศักดิ์ เหลงเองก็มีสภาพไม่ต่างจากพ่อ น้ำในกระบอกไม้ไผ่หมดไปเมื่อครึ่งวันก่อนจะมาถึงที่หมาย รวมทั้งหัวเผือกเผา หล่านกินหมดไปแล้ว เหลงเหนื่อยล้าจนต้องนอนแผ่ลงกับดินฝุ่นอย่างคนสิ้นสภาพ
“โอย โอย ทำไมมันเปลี้ยปานนี้ ข้าไม่มีแรงแม้กระทั่งขยับตัว นัง นังเหลงเอ้ย เอ็งยังสาวอยู่ตะโกนเรียกคนในเรือนให้ออกมาหน่อยปะไร”
หล่านออกปากบอกลูกสาวด้วยเสียงส่ำสั่น เหลงฝืนใจกัดฟันชันร่างขึ้น ทว่ากลับหมดแรงทิ้งกายลงนอนคลุกฝุ่นดังเดิม
“พ่อ พ่อ ฉันเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน มันสิ้นแรงจริง ๆ ขอนอนสักประเดี๋ยวเถอะนะ แล้วค่อยว่ากันอีกที”
ลูกสาวผล็อยหลับไปโดยเร็ว ส่วนหล่านหายใจแขม่ว ๆ ชั่วครู่เดียวมีสภาพไม่ต่างจากลูกสาวเช่นกัน ทั้งคู่หลับอยู่หน้าประตูรั้วโดยมีขอนไม้เก่าผุหนุนหัวคนละท่อน
จั่นชักชวนน้อยออกไปถอนสายบัวจากบึงข้างบ้านเพราะรู้ว่าหลวงราชศักดิ์กับนวลจิตชอบกินแกงสายบัวต้มกะทิ เรื่องความรักเอาใจใส่ต่อนายทั้งสอง เมียบ่าวเช่นเธอไม่ยอมละเลย น้อยเองก็เช่นกัน ยกให้นวลจิตอยู่เหนือหัวกว่าหญิงใดในหล้า
“เราจักต้องเก็บให้มากเข้าไว้ เผื่อผัดใส่กากหมูพรุ่งนี้เช้าด้วย เรือนท่านบ่าวไพร่เยอะ จะได้เจือจานแก่กัน”
จั่นกล่าวพลางกระเดียดกระบุงใบขนาดย่อมใส่เอว น้อยคว้างอบใบใหญ่ครอบลงบนหัวที่พองฟูด้วยผมเส้นใหญ่ดกหนา
“ก็ดีเหมือนกันข้าเองก็อยากให้คุณนวลจิตอร่อยลิ้น คงจะมีความสุขโขล่ะ คุณหลวงกลับมาอยู่ใกล้เยี่ยงนี้ บ่าวอย่างเราก็อบอุ่นตามไปด้วย ไม่ต้องหวาดระแวงจักมีพวกขโมยขึ้นบ้าน ไปเถอะนังจั่นออกทางประตูหน้านี่ล่ะใกล้ดี”
สองเมียบ่าวของหลวงราชศักดิ์พากันเดินไปทางหน้าบ้านโดยเร็วพอหลุดพ้นประตูรั้วเท่านั้น ตาทั้งสองคู่เบิกโพลงเมื่อเห็นสองพ่อลูกนอนสลบไร้สติ เรือนร่างมีแต่คราบฝุ่นสกปรก
“เฮ้ย ! นังจั่น ใครวะมานอนตายตรงหน้าเรือน หวาย ผีหลอกแน่ ๆ เลยคืนนี้ อ้าย อี พวกนี้ช่างสรรหาที่ตายจริง ๆ พากันมาหมดลมตรงนี้ได้”
น้อยเกิดอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด รีบขยับถอยหลังเข้าไปในรั้วบ้าน จั่นพูดไม่ออก ปากสั่นขยับขึ้นลงแต่ไม่มีเสียง ชั่วประเดี๋ยวเดียวของเหลวไหลเปรอะราดตามขาลงมาเปียกพื้น น้อยเหลือบเห็นรีบกระถดถอยห่างออกมา
“อีนังจั่นบ้า เอ็งทำอันใดของเอ็งวะ กลัวจนเยี่ยวราดเชียวรึ อ้ายแดง อ้ายแดงโว้ย มานี่ปะไร เร็ว ๆ เข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
แม้ว่าจะกลัวสักเพียงใดแต่น้อยมีสติดีกว่าจั่นยกมือป้องปากไปทางเรือนเรียกหาแดงบ่าวผู้ชายตัวดำให้เข้ามาหา ครู่เดียวร่างบึกล่ำใหญ่วิ่งหน้าตั้งตาพองมายืนอยู่ตรงหน้า
“นังน้อยเอ็งเป็นอันใด เรียกเสียเรือนแทบแตก ถ้าคุณท่านได้ยินเอ็งไม่แคล้วโดนเอ็ดแน่”
“อ้ายแดงบ้า เอ็งไม่ต้องมาสั่งสอนข้าดอก ไป เร็วเข้าออกไปนอกรั้ว ญาติเอ็งมานอนตายอยู่นั่น”
เพียงได้ยินอ้ายแดงสะดุ้งโหยงตาเหลือกโพลง เจ้าคนนี้เป็นประเภทขี้ขลาดตาขาว เรื่องผีอย่ากล่าวให้ได้ยินเป็นอันขาด ต้องซุกซบหัวมุดลงใต้ผ้าห่มด้วยความกลัว
“เฮ้ย ! ญาติอันใด ข้าตัวคนเดียวเอ็งก็รู้ ไม่เอาแล้วโว้ยมีคนมานอนตายหน้าเรือนอย่างนี้ข้าเผ่นก่อนล่ะ”
อ้ายแดงทำท่าหันหลังกลับ แต่น้อยรีบดึงผ้าเตี่ยวเอาไว้จนเกือบหลุด มือใหญ่ของมันตะครุบเอาไว้โดยเร็ว ตามด้วยเสียงร้องห้ามดัง ๆ
“นังน้อย ปล่อย ผ้าข้าจักหลุด เดี๋ยวตาเอ็งเป็นกุ้งยิงนาโว้ย”
“เออ ปล่อยก็ได้ เอ็งอย่าเพิ่งไปซีวะ เข้าไปดูให้แน่ก่อนว่าใครมานอนอยู่ตรงนั้น บางทีอาจจะไม่ตายก็ได้นะ อ้าว นังจั่น หายกลัวได้แล้ว ไปตามคุณพนมมาโดยเร็วจักได้พิสูจน์ว่าตายหรือว่ายังมีลมหายใจ เร็วๆ เข้าโว้ย”
ในที่สุดบรรดาบ่าวในเรือนต่างพากันมามุงดูร่างสองพ่อลูกที่ยังคงนอนนิ่งเพราะความเมื่อยล้าโดยมีพนมเป็นหัวหน้าในการพิสูจน์ ครู่เดียวเมื่อฝอยน้ำพ่นออกมาจากปากพนมกระเซ็นตกลงไปสัมผัสกับร่างกาย สองพ่อลูกมีอันสะดุ้งพรวดลุกขึ้นพร้อมกัน
“เฮ้ย ! ผีลุกแล้วโว้ย”
อ้ายแดงอุทานเสียงดังถอยกรูดไปข้างหลัง สองบ่าวสาวในเรือนมีอาการหวาดกลัวเช่นกัน ตรงข้ามกับพนมยังคงตรึงเท้าอยู่กับที่ หล่านกราดสายตามองหน้าทุกคนอย่างงุนงง ส่วนเหลงลุกนั่งด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน
“เอ็งเป็นใคร มานอนอยู่ตรงหน้าเรือนนายท่านของข้าได้อย่างไร”