14 หลวงราชศักดิ์กลับมาแล้ว 1
สิ้นคำเตือนจากญาติผู้พี่นวลจิตแย้มยิ้มอีกครั้งช่วยให้ใบหน้างามเด่นขึ้นกว่าเดิม แม้จรวยเป็นผู้หญิงด้วยกันยังมีความรู้สึกเพลินเมื่ออยู่ใกล้ ด้วยเหตุนี้หลวงราชศักดิ์ทั้งรักและเกรงใจภรรยาเอกมากเสียจนใคร ๆ พากันพูดว่าหลง ไม่ว่านวลจิตออกความเห็นในเรื่องใดเป็นต้องคล้อยตาม รวมทั้งเรื่องมีเมียบ่าวเพื่อช่วยกันดูแลหลวงราชศักดิ์ให้มีสุขเพิ่มขึ้น
“โถ คิดว่าเรื่องใด พี่จรวยเจ้าคะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนังสองคนนั่นดอก น้องรู้ดีว่ามันไม่กล้าเพราะเป็นบ่าวติดสอยห้อยตามน้องมาจากบ้านคุณแม่ เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ”
“นั่นแหละ น้องก็อย่าใจดีมากนักข่มเอาไว้บ้างมันจักได้ไม่กล้ากำเริบ พี่กลัวซะจริงว่าความใจดีของน้องจักสร้างความทุกข์มาให้ภายหลัง”
ความหม่นหมองในใบหน้าของจรวยแสดงออกมาถึงความเป็นห่วงที่มีต่อญาติผู้น้องซึ่งให้ความเมตตาปรานีแก่เมียบ่าวของสามีมากเกินไปจนต้องเตือน นวลจิตขยับเข้ามาจับมือนุ่ม ๆ ของจรวยเอาไว้แน่น ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มก่อนเอื้อนเอ่ย
“อย่ากังวลใจไปเลย หากว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ล่ะก็ น้องจักยอมรับในชะตากรรมของตนเอง พี่จรวยเราเดินไปดูสวนหน้าบ้านดีกว่าเมื่อเช้าน้องสั่งอ้ายแดงตัดริดแต่งต้นไม้ให้ดูสวย ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปถึงไหนแล้ว”
นวลจิตดึงมือญาติผู้พี่ลุกขึ้นยืนโดยเร็ว จรวยรีบเดินตามข้างหลัง แม้ว่าเป็นญาติกัน แต่ไม่กล้าทำตัวเทียบเสมอ สำนึกว่าตนเป็นบ่าวคนหนึ่งต้องคอยดูแลนวลจิตให้ได้รับความสุข ตรงข้ามกับนวลจิตพยายามดึงจรวยให้เทียบเสมอตัวเองเพราะคิดว่าเป็นพี่ เธอต้องให้ความเคารพยำเกรงพร้อมกับแนะนำผู้ชายที่ดีให้เป็นคู่ แต่จรวยไม่สนใจแม้แต่คนเดียว
ณ บริเวณหน้าบ้านมีพื้นที่กว้าง ดารดาษด้วยไม้ดอกไม้ประดับจัดสรรจำแนกการแต่งเอาไว้เป็นอย่างดีจึงลดหลั่นสวยงามชัดตา ไม้ยืนต้นถูกตัดเป็นพุ่มได้สัดส่วนพอเหมาะ เบื้องล่างส่วนตรงโคนปลูกไม้ดอกเล็ก ๆ เอาไว้และแซมแทรกด้วยหินกลมสีขาว มีตุ๊กตาสัตว์หินสลักวางไว้เพื่อความสวยงาม จรวยปรายตามองไปที่ซุ้มกระดังงามีชิงช้าสายเถาวัลย์ ตรงพื้นเป็นกระดานไม้มะค่าขึงโยงเอาไว้สองตัว
ถัดไปอีกนิดใต้ต้นมะม่วงเปรี้ยวมีโต๊ะหินสกัดหนักแน่นหนาพร้อมกับเก้าอี้หินชุดเดียวกันวางเอาไว้ ทั้งสองจุดนี้เป็นมุมโปรดของหลวงราชศักดิ์ ทำเอาไว้พักผ่อนและทำงานในช่วงเย็น ๆ ห้ามมิให้บ่าวคนไหนขึ้นมานั่ง เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดี ได้แต่เช็ดทำความสะอาด แม้แอบลูบคลำด้วยความชื่นชมบ้างก็ไม่ว่ากัน
“เป็นสวนที่งามนัก พี่เคยไปเรือนของผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาหลายที่ไม่เคยเห็นสวนใดงามเท่าที่เรือนของน้องพี่”
จรวยเอ่ยชมจากใจจริงหลังจากแลไปรอบ ๆ สวนสวย เห็นบ่าวผู้ชายหุ่นล่ำแข็งแรงคนหนึ่งกำลังพรวนดินถอนหญ้าอยู่ไม่ห่างจากกันสักเท่าไหร่ นวลจิตทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หินสกัด วางมือนุ่มสวยจับทับกัน พลัน ! ดอกลั่นทมสีนวลปลิวหมุนคว้างตกลงมาบนโต๊ะโดยเร็ว จรวยเห็นเข้าสะดุ้งโหยงเพราะเชื่อว่าเป็นดอกไม้ไม่ดีไม่นิยมปลูกเอาไว้ในบริเวณเรือน
“ต๊าย ! ดอกลั่นทม มาจากที่ใดกัน ทำไมถึงมาตกหล่นอยู่ที่นี่ ดอกพรรค์งี้ใครเขาจักปลูกให้เป็นที่สิงสู่ของภูตผี”
จรวยตั้งท่ารังเกียจดอกลั่นทมสีขาวพร้อมกับใบหน้าแป้นกวาดตามองไปรอบ ๆ หาแหล่งที่มาของดอกไม้ที่ใคร ๆ พากันพูดว่าเป็นดอกไม้ผี และเป็นที่รู้กันว่าต้นลั่นทมจะปลูกอยู่ในวัดเท่านั้น นวลจิตเพ่งมองกลีบดอกด้วยความสนใจ
“ความจริงลั่นทมเป็นดอกไม้ที่สวย กลิ่นก็หอม น้องแปลกใจเสียจริงทำไมต้องเอาไปปลูกในวัดด้วยนะ น้องคิดว่าคนเรานั่นแหละเป็นผู้กำหนดว่าต้นไม้ดอกไม้ชนิดใดเป็นมงคลหรืออัปมงคล”
“อ้าว ! น้องนวลจิตนี่ช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง ตั้งกะพี่จำความได้ ปู่ย่าตายายเล่าให้ฟังว่า ต้นลั่นทมห้ามปลูกในเรือนเพราะจักทำให้เกิดความระทมทุกข์แก่ผู้ที่อยู่อาศัยก็ต้องเอาไปปลูกในวัดแทน บางคนก็เล่าว่าวันดีคืนดีเห็นผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ใต้ต้นลั่นทม มันก็เท่ากับว่าเป็นต้นไม้ผี น้องนวลจิตอย่าจับเชียวนะ”
จรวยห้ามไม่ให้นวลจิตจับต้องดอกไม้ไม่เป็นมงคลเกรงว่าจะทำให้ชีวิตระทุมทุกข์เศร้าไปกับสิ่งไม่ดี นวลจิตจึงไม่กล้าแตะต้องได้แต่นั่งมองนิ่งเฉย จรวยตะโกนเรียกบ่าวคนสวนเสียงดัง
“อ้ายแดง อ้ายแดง เอ็งมานี่สักประเดี๋ยว”
“ขอรับ คุณจรวยมีอันใดจักใช้บ่าวขอรับ”
อ้ายแดงบ่าวในเรือนเบี้ยคุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทางนอบน้อม น้ำเสียงแหบพร่าชวนหัวเสียจนนวลจิตแอบยิ้ม สายตามองไปที่ญาติผู้พี่อยากจะรู้ว่าจะให้แดงไปทำอะไร จรวยขยับกายเล็กน้อยสายตาคมวาวตวัดมองบนโต๊ะ จับจ้องมองอยู่ที่ดอกลั่นทมสีขาวสะอาดตา สลับกับบ่าวชายที่มีเพียงผ้าเตี่ยวสีน้ำตาลนุ่งเพียงผืนเดียว