13 หลวงราชศักดิ์กลับมาแล้ว
ตั่งตัวใหญ่ตรงส่วนขาทั้งสี่สลักเป็นรูปหัวสิงห์ซึ่งตั้งเอาไว้บนบ้านเรือนไทยไม้สักทองหลังใหญ่ มีร่างอรชรผิวเนื้อนวลใยนั่งอยู่ด้วยมาดนางราชสีห์ผู้สง่างาม ใบหน้ารูปไข่รับกับผมสยายตกถึงกลางหลัง คิ้วโก่งเรียวดำขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาคมกลมโตวาววับ แพขนตายาวงอนดำหนาเพิ่มเสน่ห์ให้ชวนมอง จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มระเรื่อด้วยสีเลือดฝาดของผู้ที่อยู่ดีมีสุข
สไบสีไพลถูกปล่อยชายยาวจนถึงข้อแขนตวัดเฉียงพาดบ่าทางด้านซ้าย ผ้าถุงยกดอกพื้นเขียวหัวเป็ดเพิ่มความโดดเด่นด้วยเข็มขัดพลอยสี ลำคอระหงนั้นสวมใส่สายสร้อยยาวตกมาถึงกลางอกมีจี้พลอยซีกรูปหยดน้ำคล้องอยู่ส่วนปลายสุด เครื่องประดับบนเรือนกายเฉดสีเข้ากับกำไลทองรูปพญานาคนัยน์ตาทำด้วยทับทิมสยามสีแดงเข้ม ตามลำตัวฉลุด้วยลวดลายวิจิตรมีพลอยซีกต่าง ๆ ประดับตกแต่งได้ลงตัวอย่างสวยงาม ใกล้กันนั้นลดหลั่นลงมาที่พื้น ร่างของหญิงวัยใกล้เคียงกันแต่ความสวยด้อยกว่า ตัดผมทรงดอกกระทุ่มกับใบหน้าค่อนข้างแป้น นุ่งห่มแค่เพียงผ้าแถบคาดอกสีน้ำตาลกับผ้าซิ่นสีเขียวเข้ม นัยน์ตาวาวจับจ้องอยู่ที่นวลจิตด้วยความรักเทิดทูน ห่างจากกันไปอีกสองวา บ่าวหญิงหน้าตาเข้าทีสองคนนุ่งผ้าแถบสีคล้ำกับผ้าโจงกระเบนสั้นเสมอเข่านั่งก้มหมอบคอยให้การรับใช้จากนายหญิง
“วันนี้น้องนวลจิตของพี่สวยเป็นพิเศษเชียวนะ”
จรวยหญิงผมทรงดอกกระทุ่มมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่เอ่ยขึ้น หลังจากพิจารณาการแต่งตัวของญาติผู้น้องที่แต่งงานออกเรือนกับหลวงราชศักดิ์ จรวยยังคงติดตามมาดูแลไม่ห่าง เพราะเป็นคำสั่งของคุณหญิงเนื้อนวลผู้เป็นป้ามอบหมายให้มาอยู่เป็นเพื่อน เธอจึงเป็นทั้งพี่และญาติสนิทในเวลาเดียวกัน
“เจ้าค่ะพี่จรวย น้องต้องแต่งตัวรอรับคุณหลวงจักกลับมาจากการทำสงคราม น้องเป็นห่วงเหลือทน เกือบเดือนแล้วกินไม่ได้นอนไม่หลับ ได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองท่านให้ปลอดภัยจากอริราชศัตรู”
ไม่เพียงแค่น้ำเสียงหวานกังวานเท่านั้น นวลจิตยกมือทั้งสองข้างขึ้นพนมมือไหว้เหนือหน้าผาก จั่นกับน้อยพร้อมใจกันยกมือขึ้นไหว้เหมือนนายหญิง จรวยต้องไหว้ตามอีกคน ภริยาหลวงราชศักดิ์ผู้งดงามหัวเราะเบา ๆ
“น้องนวลจิตขันสิ่งใดรึจ๊ะ”
จรวยข้องใจที่จู่ ๆ นวลจิตหัวเราะออกมา นานแล้วไม่ได้ยินเสียงแห่งความรื่นสำราญของญาติผู้น้อง นับตั้งแต่สามีออกรบกับพม่าซึ่งเป็นหน้าที่ไม่มีใครหลบหลีกได้
“น้องขันนี่เจ้าคะ พอน้องยกมือพนมไหว้ เจ้าสองคนนั่นก็ทำตามรวมทั้งพี่จรวยด้วย ความจริงไม่ต้องก็ได้ให้น้องทำผู้เดียวเถอะ ว่าไงเจ้าจั่น เจ้าน้อยดีใจไหมคุณหลวงจักกลับมาแล้ว พนมเพิ่งส่งม้าเร็วมาบอกข้าเมื่อเช้านี้เอง”
สตรีผู้งดงามหันไปถามสาวใช้ทั้งสองซึ่งเป็นเมียบ่าวของหลวงราชศักดิ์เช่นกัน สองบ่าวเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน น้อยกล้ากว่าจั่นรีบตอบเสียงดังฟังชัดขึ้นว่า
“ดีใจที่สุดเจ้าค่ะ คุณหลวงปลอดภัยกลับมา บ่าวสวดมนต์ไหว้พระทุกคืนเลย”
น้อยพูดออกมาจากใจจริง แม้เป็นเพียงเมียบ่าวแต่ก็มีสิทธิ์เป็นห่วงและเคารพเทิดทูนหลวงราชศักดิ์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ความเมตตาของนวลจิตที่มีต่อบ่าวไพร่ในเรือนสร้างความจงรักภักดีให้แก่ทุกคนถึงขั้นยอมตายแทนได้ ทั้งน้อยและจั่นยกนวลจิตเอาไว้เหนือหัวไม่กำแหงเทียบเท่า ต่างสำนึกตัวดีว่าเป็นแค่เมียบ่าวเท่านั้น
“พอแล้วย่ะนังน้อย เอ็งกับนังจั่นเข้าไปในครัวได้แล้ว ช่วยนังตุ่มเตรียมสำรับกับข้าวเอาไว้ต้อนรับคุณหลวง ท่านกลับมาจักได้กินได้ทันท่วงที”
จรวยออกคำสั่งเพราะกลัวว่าคำพูดซื่อ ๆ ของน้อยจะกระทบกระเทือนจิตใจของนวลจิตเพราะมีผัวคนเดียวกัน เรื่องนี้นวลจิตรู้ดีได้ยิ้มให้กับญาติผู้พี่ ความใจดีของเธอในบางครั้งจรวยต้องท้วงติงกลัวว่าบ่าวไพร่จะหย่อนความเคารพ
“ถ้าคุณหลวงมาถึงพี่จรวยต้องอยู่กินข้าวด้วยกันนะเจ้าคะ”
นวลจิตเอ่ยชวนให้จรวยอยู่ร่วมสำรับด้วย แต่หญิงหน้าแป้นส่ายไปมาก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจเป็นที่สุด
“ไม่ดีกว่าน้องนวลจิต นาน ๆ ผัวเมียเจอกันทีพี่ต้องการให้อยู่ด้วยกันตามลำพังดีกว่า น้องนวลจิตจ๊ะ พี่ขอท้วงสักนิดเถอะ อย่าถือโทษโกรธพี่เลยนะ”
จู่ ๆ จรวยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักพร้อมกับกวาดตาเหลียวมองไปทั่วตัวเมื่อไม่พบใครจึงหันมามองใบหน้าแจ่มจรัสเบื้องหน้าซึ่งมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อย
“มีอะไรหรือจ๊ะพี่จรวย”
“เรื่องนังจั่น นังน้อย พี่ว่าอย่าใจดีกับมันมากนักเดี๋ยวจะเหลิง หมดความยำเกรงในตัวน้อง ยกตนเทียบเท่า คราวนี้ล่ะน้องจักยุ่งยากใจ”