12 ผีก็มา พม่าก็บุก 2
“โอ๊ยผี ไม่รู้ว่ามันจักตามมาหลอกหลอนอันใดข้านัก ข้าไม่เคยทำอันใดมันเลย พี่หล่านช่วยฉันที ฉันเห็นผีตายทั้งกลมมานั่งอยู่บนขื่อ เมื่อครู่มันแหวกอกออกลูกมันจักพุ่งเข้าใส่ โอย น่ากลัวจริง ๆ”
เพ็ญร้องเสียงหลงหลังจากเล่าจบ ลูกทั้งสองพากันขยับเข้าหาแม่ แต่ไม่กล้ามองขึ้นไปบนขื่อ ต่างจากหล่านเป็นคนจิตใจแข็งไม่กลัวสิ่งใด แหงนหน้าขึ้นมองเจอกับความว่างเปล่า แต่เชื่อว่าเพ็ญไม่โกหก จึงลุกเดินไปที่หิ้งพระยกมือขึ้นสวดมนต์ชั่วครู่ แล้วหยิบเอาด้ายสายสิญจน์คล้องกับพระเครื่ององค์หนึ่งส่งให้เมีย
“นึกถึงคุณพระคุณเจ้าเอาไว้แล้วคล้องคอซะ ไม่มีดวงวิญญาณใด ๆ ทำร้ายเอ็งได้อีก เอ็งสองคนเหมือนกันหากว่ากลัวก็นอนใกล้ ๆ แม่ ข้าง่วงนอนขอนอนก่อนล่ะ”
หล่านล้มตัวลงนอนโดยเร็ว ลูกทั้งสองกลัวจนตัวสั่น พากันกอดแม่เอาไว้ไม่กล้าเงยหน้ามองขึ้นไปบนขื่อ เพ็ญรวบรวมความกล้าไหว้พระสวดมนต์แล้วคล้องพระไว้กับคอ ความกลัวลดหายไปเพราะเชื่อในพระพุทธคุณช่วยให้คนดีรอดพ้นจากวิญญาณร้าย
“พวกเอ็งสองคนไม่ต้องกลัวดอกมีแม่อยู่ทั้งคน ในตัวแม่มีพระด้วยผีใดๆ ไม่กล้าเข้ามากล้ำกรายหรอกวะ นอนเถิดนะ”
เพ็ญโอบกอดลูกชายหญิงเอาไว้ในอ้อมแขน มองไปที่ผัวน้ำตาแห่งความน้อยใจไหลออกมา เมื่อรู้ว่าพึ่งไม่ได้ ผัวชิงหลับไปก่อนปล่อยให้ตนและลูกผจญกับความน่ากลัวจากผีท้องโต ไม่รู้ว่ามันจะแสดงฤทธิ์เดชอีกเมื่อไหร่ ได้แต่ท่องบทสวดมนต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกพ้นห่างไกล ลำพังตัวเองไม่เท่าไหร่ ห่วงแต่ลูกเมื่อรู้ว่ามีผีวนเวียนอยู่ในบ้านความกลัวไม่ต้องพูดถึง จึงพากันซบหน้าอยู่กับอกแม่ นอนตัวสั่นระริก เพ็ญกลัวอย่างเดียว ว่าถ้าหากตนตายไปใครจะปกป้องคุ้มครองลูกทั้งสอง
เสียงโห่ฮาจากทัพพม่าดังแว่วมาไกล ๆ เพ็ญลุกขึ้นนั่งเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เหลงกับผุดลุกขึ้นตามไปด้วย ต่างพากันกอดเอวแม่ไว้แน่น
“แม่เสียงใครมาโห่ร้องกันในยามค่ำคืน ท่าจักอยู่ห่างจากนี่ไม่เกินหนึ่งชั่วข้าวเดือดนะ”
“พม่าไงลูก คงตั้งทัพไม่ไกลจากเรือนเรา โอย แม่กลัวพวกมันจะบุกเข้ามาในหมู่บ้านแล้วปล้นสดมภ์ผู้คนแม่จักทำเช่นไร กลัวผีก็กลัว แล้วยังพ่อพวกเอ็งอีกนอนหลับไม่รู้เรื่อง ไปเถิดลูกไปซ่อนตัวในป่า อย่างน้อยก็มีหลุมพรางตาพวกมันไม่ให้เห็นเรา”
เพ็ญเตรียมเก็บข้าวของใส่ผ้าผืนยาวสามศอก ลูก ๆ ทั้งสองต่างเตรียมหัวเผือกมันที่เผาจนสุกติดตัวไปด้วย ผุดอดเป็นห่วงพ่อไม่ได้เข้าไปปลุกอยู่นาน หล่านลืมตาเห็นลูกเมียกำลังออกจากประตู ร่างดำสูงใหญ่ลุกพรวดโดยเร็ว
“เฮ้ย พวกเอ็งจักไปไหนกันวะ ทิ้งข้านอนผู้เดียวรึไง”
“ฉันปลุกพ่ออยู่นานแล้ว พ่อขี้เซาเองนี่ ไปเถิดพ่อฉันได้ยินเสียงพวกพม่ามันโห่ร้อง คงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ดอก เราไปหลบอยู่ในหลุมก่อน โน่นชาวบ้านพากันวิ่งหนีไปกันแล้ว”
เสียงลูกชายเร่งด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว หล่านรีบคว้าผ้าขาวม้าขึ้นมาพาดคอ แล้วเดินตามลูกเมียไปในป่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้าน มีเพื่อนบ้านหลายคนอุ้มลูกจูงหลานวิ่งผ่านหน้าไป เหลงนึกเป็นห่วงผวนกลัวว่าไม่รู้ตัว อยากไปหาติดตรงพ่อแม่จะขัดขวาง ได้แต่ส่งใจไปให้เขาปลอดภัย
คืนนั้นทั้งหมดหลับในหลุมพราง กระทั่งเช้าจึงตื่นขึ้นมา พวกผู้ชายลักลอบเข้าไปในหมู่บ้าน เสียงด่าทอดังขึ้น เหลงวิ่งออกไปดูพบว่าบนกระท่อมข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย
“ไอ้พวกริยำ มันจักทำลายกันไปถึงไหน ดูรึเรือนข้าไม่มีทรัพย์อันใดสักอย่าง มันยังขึ้นมาเหยียบย่ำ รอยตีนเต็มไปหมด ยังดีนะที่ไม่เผาไม่เช่นนั้นก็คงพาลูกเมียไปมุดอยู่ในรูดิน”
หล่านเจ็บใจเมื่อรู้ว่าพวกพม่าเข้ามารื้อค้นข้าวของในบ้านจนกระจุย เหลงออกไปเรียกแม่กับน้องชายกลับเข้ามา
“พวกมันผ่านมาแล้วก็ไป ป่านนี้คงไปไกลโขแล้ว ฉันจักไปหาปลาเก็บผักนะแม่”
เหลงเตรียมตัวไปหาคนรัก หากไม่ได้พบหน้าเหมือนว่าใจจะขาดตาย หล่านไม่ยอม ห้ามลูกเสียงดัง
“ไม่ได้นะนังเหลง เอ็งต้องเตรียมตัวเข้ากรุงกับข้า ไปหาคุณนวลจิตเมื่อคืนข้าพูดกับแม่เอ็งแล้ว ให้เตรียมจัดผ้าผ่อนเอาไว้ใส่สักสองวันกับน้ำและมันเผา”
เหลงอ้าปากค้างต่อสิ่งได้รับรู้ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกรวดเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน นึกถึงผวนขึ้นมา อยากไปล่ำลาต่อการจากไป เพ็ญนึกกลัวผีกับทัพพม่า เมื่อรู้ว่าต้องอยู่สองคนกับลูกชายอันตรายมีรอบตัว
“อย่าเพิ่งไปเลยนะพี่ ฉันกลัวว่าพวกพม่ามันจักย้อนมา รึว่ามีทัพใหม่มาสมทบมันอาจทำร้ายฉันกับอ้ายผุดนะพี่”
“เฮ้ย กลัวทำไม มันคงไม่ย้อนมาแล้วล่ะ ไปนังเหลงเตรียมตัวข้าจักรออยู่ข้างล่าง”
เห็นลูกเมียทำท่ากังวลไม่อยากให้ไป หล่านเร่งลูกสาวด้วยเสียงดังๆ ผุดเข้ามาเกาะแขนเหลงเอาไว้ ไม่อยากให้พ่อกับพี่จากไปไกล ความกลัวจากเมื่อคืนทำเอาขวัญหนีออกจากตัวไปชั่วขณะ แม้ว่าพ่อไม่เคยให้ความช่วยเหลือแต่ยังใจชื้นเมื่อเห็นทุกคนอยู่รวมกัน
“พี่เหลงข้ากับแม่จักอยู่เช่นไร กลัวจริง ๆ ทั้งผีทั้งคน”
“ข้าเองก็ไม่รู้จักช่วยเอ็งกับแม่อย่างไร เป็นคำสั่งพ่อก็ต้องทำตาม ถ้ากลัวนักไปขออาศัยนอนบ้านป้าแตงข้าง ๆ กันนี่ก็ได้ แกเองก็อยู่ตัวคนเดียว คงต้องการเพื่อนบ้างล่ะ เออนี่ อ้ายผุดข้าสั่งความเอ็งไว้ ให้เอ็งไปบอกพี่ผวนนะว่าข้าไปบ้านคุณนวลจิตเดี๋ยวก็มา”
เหลงแอบกระซิบกับน้องชายให้ไปบอกคนรักว่าไม่อยู่ อีกไม่นานจะกลับมา ผุดไม่รู้ว่าพี่สาวกับผวนได้กลายเป็นคนเดียวกันไปแล้ว จึงได้แต่พยักหน้าพร้อมกับรับปากว่าจะไปผวนโดยเร็ว เหลงถอนใจยาว หอบผ้ากับเผือกมันเผากระเตงลงจากบ้านด้วยใจห่อเหี่ยวโดยมีสายตาของเพ็ญมองตามด้วยความเป็นห่วง