บทที่ 2 พาฉันเข้าห้องนอนหน่อยสิคะคุณสามี (ที่รัก) 2
ท่าทางไม่ประสีประสาของเธอ ทำให้ชายหนุ่มเจียนคลั่ง จุมพิตซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนถอนจูบออก เลื่อนปลายจมูกโด่งลงซุกไซร้ ซอกคอขาวผ่อง ขบกัดเบาๆที่แอ่งชีพจร รับรู้ได้ถึงอาการสั่นระริกของร่างที่เขากอดแนบแน่น วินาทีนั้นเองที่ชยากรเริ่มกลับมามีสติอีกครั้งมือใหญ่ปลดปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ พร้อมกับผลักร่างงามอย่างแรงจนเธอเซ และด้วยความที่ขายังคงไร้เรี่ยวแรงอยู่ เธอจึงทรุดลงนั่งกองบนพื้นอย่างง่ายดาย ริมฝีปากอิ่มบวมแดงจากรสจุมพิตที่เขาป้อนให้เมื่อครู่ ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นระรัวราวจะปะทุออกมาโลดแล่นข้างนอกได้ทุกเมื่อ
สายตาคมเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง มุมปากยกขึ้นสูงอย่างเยาะหยันยามที่คำพูดประโยคหนึ่งถูกเปล่งออกมาว่า
“แน่ใจเหรอว่าคุณเคยมีอะไรกับผมมาแล้ว”
“นะ แน่ใจ…” หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกัก ริมฝีปากสั่นระริก พวงแก้มฉีดสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาตกลงมองที่พื้นนิ่งเหมือนกลัวจะโดนเขาจับได้
“ขนาดเคยมีอะไรกับผู้ชายแล้ว แต่ยังจูบไม่เป็นเลยนะ แสดงว่าตอนอยู่บนเตียงกับคุณ ผมคงสอนคุณไม่ได้เรื่องสินะ” เขาพูดลอยๆ เล่นเอาเมธาวีถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเบิกตาค้างเมื่อเห็นร่างสูงผลุนผลันกลับเข้าไปในห้องของคุณวิศาลแล้วเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว
“พ่อครับ ผมจะไล่ยัยสิบแปดมงกุฎนี่ออกไปจากบ้าน”
“นี่คุณจะทิ้งฉันง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ” หญิงสาวรีบผุดลุกขึ้นแล้วไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้อย่างอ้อนวอน สร้างความลำบากใจให้ คุณวิศาลอยู่ไม่น้อย
หากจะถามว่าทำไมเขาถึงอยากจะให้เมธาวีอยู่ที่นี่นัก คำตอบก็คือ…เขาเหงา บ้านหลังนี้ดูอึมครึมแห้งแล้งมาหลายปีดีดัก หากชยากรมีแฟนสักคน ที่นี่คงมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ชยากรก็ให้การปฏิเสธเรื่องแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนมาโดยตลอด จนอายุล่วงเข้าวัย 32 ปีแล้ว ลูกชายของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะชอบผู้หญิงคนไหนแบบจริงจังเสียที
และเมื่อเมธาวีมาปรากฏตัวขึ้นพร้อมบอกว่าตั้งท้องลูกของชยากร เขาจึงรู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อย ยังไงซะเขาก็จะต้องให้เธออยู่ที่นี่ด้วยให้ได้ แม้ว่าชยากรจะไม่เต็มใจก็ตาม
“แต่พ่อจะให้หนูเมอยู่ด้วย”
“พ่อครับ ผมเหนื่อยนะ และก็ไม่อยากเถียงกับพ่อด้วย เชื่อผมเถอะนะ เอายัยนี่ไปปล่อยวัดเถอะ เป็นใครก็ไม่รู้…”
“นี่ฉันเป็นคนนะคะ ไม่ใช่หมาใช่แมวจะได้เอาไปปล่อยวัดกันได้ง่ายๆ” หญิงสาวค้อนควับ ในขณะที่คุณวิศาลพยักหน้าหงึกหงัก เห็นด้วย
“นั่นสิ นี่เมียแกทั้งคนนะ”
“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่มีเมีย”
“แล้วที่ยืนหัวโด่อยู่นี่เป็นใครกัน” ชายสูงวัยชี้นิ้วมาทางเมธาวี ในขณะที่ชายหนุ่มยักไหล่สั้นๆพลางตอบว่า
“เป็นใครก็ไม่รู้ครับ”
“นี่! หลายครั้งแล้วนะที่คุณพูดจาแบบนี้กับฉัน ทำเหมือนจำคนชื่อน้องเมไม่ได้ ทั้งๆที่สามเดือนก่อน คุณยังบอกว่ารักฉันอยู่เลย” หญิงสาวตัดพ้อเสียงเครือ ในขณะที่จิราซึ่งยืนมองเหตุการณ์มานานได้เอ่ยขอตัวเงียบๆว่า
“ดิฉันขอตัวไปดูเด็กจัดโต๊ะอาหารก่อนนะคะ”
หลังจากลับร่างของแม่บ้านสาวแล้ว ชยากรก็หันมาโวยวายใส่หญิงสาวเสียงลั่นทันที
“คนบ้าอะไร แก่ป่านนี้แล้วยังเรียกตัวเองว่าน้อง”
“ฉันยังไม่แก่นะ อย่ามาว่าเมียตัวเองแบบนี้สิ” พูดแล้วก็ทำปากยื่นอย่างแง่งอน
“ผมยังไม่มีเมีย”
“ทำแล้วจะไม่รับผิดชอบเหรอ” มือเรียวท้าวเอวฉับ เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับฟิวส์ขาด
“ทำอะไร ห๊ะ! ผมไปทำอะไรคุณตอนไหน”
“ทำเป็นจำไม่ได้นะ ตอนนั้นคุณฉีกเสื้อผ้าฉันกระจุยกระจาย บอกว่าต้องการฉันมากจนทนไม่ไหว พอได้ฉันแล้วก็มาทำความจำเสื่อม คิดจะปัดความรับผิดชอบล่ะสิ”
“ผมไม่ได้ซาดิสม์ขนาดจะไปฉีกเสื้อผ้าใครกระจุยแบบนั้นนะ” เขาพูดลอดไรฟัน
“แต่คุณก็ทำมาแล้ว ฉันต้องเสียตัวให้คุณ แถมอุ้มท้องอีก” คราวนี้ไม่พูดเปล่า หยาดน้ำตายังเอ่อคลอหน่วยราวกับว่าเจ้าตัวกำลังเจ็บปวดอย่างเหลือแสน แต่ทว่า…ให้ตายเถอะ ถ้าชยากรตาไม่ฝาด เขารู้สึกว่าจะเห็นแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ในดวงตาเศร้าๆของเธอนะ !
“นางมาร! เธอมันเจ้าเล่ห์ สิบแปดมงกุฎ” เขาตะคอกใส่หน้าเธอเสียงกร้าว ตาคมลุกวาบอย่างโกรธจัด แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับหัวเราะด้วยท่าทางชอบอกชอบใจ
นานเท่าไหร่แล้วนะ…ที่คุณวิศาลได้เห็นแต่ใบหน้าที่เฉยชาของลูกชาย เพิ่งมีวันนี้นี่แหละ…ที่เขารู้ว่าชยากรเองก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกโกรธโมโหก็ตาม
“หัวเราะอะไรครับพ่อ” ชายหนุ่มหันไปถามเสียงห้วน
“จะไม่ให้หัวเราะได้ไงกันเล่า ดูแกสองคนสนิทสนมกันดีนี่นา พ่อเองก็ดีใจ ไม่ได้ยินเสียงแกโวยวายลั่นบ้านแบบนี้มานานมากแล้ว”
“สนิท? นี่ผมกับยัยสิบแปดมงกุฎคนนี้ดูสนิทกันมากเลยเหรอครับ สนิทตรงไหน ถ้าสายตาพ่อยังแจ๋มแจ๋ว พ่อคงจะดูออกว่าผมไม่ชอบแม่นี่และก็กำลังโกรธมากๆด้วย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง พลางทำหน้า กึ่งบึ้งกึ่งยิ้มแต่ค่อนๆไปทางมึนตึงมากกว่าจะเริงร่า
“เอาล่ะๆ เลิกทะเลาะกันซะที พ่อจะพักผ่อนแล้ว ออกไปเคลียร์กันนอกห้องไป”