บทย่อ
เมื่อปมการสูญหายอย่างลึกลับของลูกสาวเศรษฐีชื่อดังคือสาเหตุที่ทำให้‘เธอ’ต้องมาเยือนคฤหาสน์หลังนี้หัวใจที่เข้มแข็งกลับต้องไหวเอนเมื่อได้พบกับ‘เขา’…ผู้ชายที่เธอตู่เอาอย่างหน้าด้านๆว่าเป็นสามี !สามีกำมะลอที่กลับกลายมาเป็นสามีตัวจริง…และปมเงื่อนงำบางอย่างที่เริ่มคลี่คลายลงเธอจะทำอย่างไรเมื่อความลับที่เธอได้มา…มันต้องแลกกับหัวใจของเธอที่อุตส่าห์รักษามานานร่วมยี่สิบสามปี
บทที่ 1 เจอกันครั้งที่3…เธอก็บอกว่าเธอเป็นเมียผม !! 1
บทที่ 1
เจอกันครั้งที่3…เธอก็บอกว่าเธอเป็นเมียผม !!
ณ. บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งเอเชีย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงที่แออัดอัดไปด้วยตึกขนาดใหญ่ที่มีมากมายราวดอกเห็ดหน้าฝน หากทว่าตึกหนึ่งสีน้ำตาลกลับดูเด่นสะดุดตาด้วยตัวสีที่เป็นเอกลักษณ์และป้ายบ่งบอกถึงกิจการของเจ้าของบริษัท
‘ชยากร’ในชุดสูทสีดำสนิทภูมิฐาน ประกอบกับหน้าคมคายบูดบึ้ง คิ้วขมวด ทำให้เขาแลดูคล้ายซาตานร้ายในคราบเทพบุตรเดินก้มหน้าก้มตาลงบันไดชั้นที่31เพื่อมาที่ชั้น30โดยไม่ทันสังเกตเห็นร่างบางของใครบางคนยืนแกว่งพวงกุญแจรออยู่ที่ราวบันไดชั้นที่ 30
ทันทีที่หน้าเรียวเงยขึ้นมาเห็นเขา ร่างบางก็ปราดขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็วจนปะทะเข้าที่อกล่ำๆที่อยู่ภายใต้เสื้อสูทหรูของชายหนุ่มเต็มแรงจนพวงกุญแจร่วงหล่นลงกระทบพื้นเสียงดังแผ่วๆแต่แว่วกังวานในโสตประสาทหู
กริ๊ก !
เสียงหล่นของสิ่งของชิ้นน้อยนั้นดูเบามาก เมื่อเทียบกับเสียงเจ้าของพวงกุญแจที่ดูจะดังเกินความจำเป็น
“ว้าย ! ” นอกจากเสียงอุทานจะแหลมปรี๊ดเหมือนนกหวีดแล้ว เจ้าหล่อนยังทำท่าเหมือนจะหงายหลังตกบันไดอยู่ร่อมร่อ ส่วนขนตาก็กระพือพึ่บพั่บเป็นเชิงอ้อนวอนเป็นนัยๆให้เขา‘ช่วยจับตัวเธอเอาไว้ที’ ตอนนี้เธอกำลังจะแย่เพราะทรงตัวไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ตาคมเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของหญิงสาวแล้วกระชากอย่างแรงจนร่างที่ทำท่าจะหงายหลังหล่นจากที่สูงได้กลับมายืนตัวตรงแน่วเหมือนเดิม
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่นอกจากเขาจะไม่คว้าร่างเธอมากอดแนบอกเหมือนในละครน้ำเน่าหลังข่าวที่เธอชอบดูแล้ว เขายังคว้าคอเสื้อเธอกระชากอีกต่างหาก…ผู้ชายอะไร ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด มากระชากคอเสื้อหญิงสาวที่แสนสวยและบอบบางอย่างเธอได้ยังไงกัน
“ขอบคุณค่ะ” ถึงจะนึกขุ่นเคืองใจ แต่ปากก็ยังอุตส่าห์กล่าวขอบคุณตามบทบาทที่ฝึกฝนมาจากหน้ากระจกจนคล่องปรื๊ด แถมยังฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันทั้งสามสิบสองซี่ แต่ทว่า…
“อือ” ชยากรเพียงรับคำสั้นๆในลำคอเท่านั้นอย่างไม่สนใจ แต่ก็อดที่จะหลุบตาลงมองเธอจนทั่วตัวไม่ได้…เริ่มตั้งแต่พวงผมหยักศกสลวยสีดำสนิทซึ่งถูกมัดเป็นพวงไว้ด้านหลัง ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องแต่มันเยิ้มเหมือนไปวิ่งออกกำลังกายมาสักสิบกิโล ตากลมโตดูจะแฝงเลศนัยบางอย่าง ทำให้เขานึกเดาได้ทันทีว่าเธอคงจะเป็นคน‘กะล่อน’อยู่ไม่น้อย จมูกโด่งเล็ก ปากอิ่มสีชมพูสวย นับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีพอควรเลยทีเดียว แต่…ไม่ใช่สเปคของเขาอย่างแน่นอน !
ชายหนุ่มเลื่อนสายตาลงมาถึงหน้าอกอวบงามที่ดันเสื้อยืดออกมาท้าทายสายตา เอวเล็กคอดกิ่ว และสะโพกผายตึงที่เห็นเด่นชัดเพราะเธอนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวรัดรูป
ถึงแม้ว่าจะสำรวจเธอจนครบทุกสัดส่วน แต่เขาก็ใช้สายตามองเธอเพียงแว่บเดียวเท่านั้นจนเธอแทบจะไม่รู้สึกว่าโดนเขามองแปลกๆเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเมินหน้าหนี แล้วเดินเลยเธอลงบันไดหนีหายไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้เมธาวียืนยิ้มค้างอยู่เพียงผู้เดียว
33 วินาทีผ่านไป
ดวงตากลมโตเริ่มกระพริบปริบๆเมื่อสติเริ่มกลับมาดังเก่า…ตอนแรกที่ซักซ้อมอยู่หน้ากระจก เธอหมายมั่นปั้นมือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะชวนเขาคุยยังไง แต่พอมาเจอเขาตัวจริง เธอกลับเอาแต่ยืนนิ่งอึ้ง คำพูดที่เตรียมท่องไว้เมื่อหลายวันก่อนก็พลอยลืมไปเสียหมด ใครจะไปกล้าคุยกับเขา…ดูสีหน้าเขาก่อนเถอะ เรื่องหล่อน่ะหล่อแน่อยู่แล้ว แต่ไอ้คิ้วขมวดเป็นปมเหมือนผูกโบว์ ปากงอๆ จมูกโด่งเชิดๆนั่นสิที่ทำให้เธอเกิดอาการกรามค้าง ไม่กล้าพูดด้วยมากไปกว่านี้
เธอก้มลงหยิบพวงกุญแจบนพื้น ก่อนจะนำมันมาควงเล่นชั่วครู่ จากนั้นจึงยัดกุญแจใส่ลงในกระเป๋าสะพายย่ามที่สะพายไว้ข้างตัวพร้อมหยิบรูปถ่ายยับย่นใบหนึ่งขึ้นมาดู
ผู้ชายในรูปที่เธอกำลังดูอยู่นั้น…กำลังยืนหันหน้าเข้าหากล้องเหมือนเต็มใจให้ถ่ายรูป หน้าของเขาคมสันได้รูปสมชายชาตรี คิ้วเข้มยาวพาดขนานดวงตาคมกริบสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสันเหมือนเทพบุตรกรีก ริมฝีปากได้รูปเหยียดเป็นเส้นตรงอย่างไร้อารมณ์
ภาพหน้าตาที่แสนหล่อเหลาของคนในรูปช่างดูเหมือนกับผู้ชายที่เธอ‘จงใจ’ชนเมื่อครู่ไม่มีผิด และเธอก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนละคนกันเสียด้วยสิ
ชยากร โกสิทธิติยพงศ์ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้โด่งดังซึ่งประสบความสำเร็จในด้านการงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ทว่าในด้านความรัก…กลับอับโชคเพราะคู่หมายได้หายตัวไปทั้งๆที่ใกล้จะถึงวันวิวาห์ และคงเป็นเพราะจุดบอดในเรื่องของหัวใจกระมัง เขาจึงมีสีหน้าเย็นชาจนคล้ายคนไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาแบบนี้
ปากอิ่มเหยียดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างหมายมาด ดวงตาเป็นประกายวาววับ ยามที่เก็บรูปใบนั้นลงไว้ที่เดิมก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเข้าลิฟต์ด้วยทีท่าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว
‘นับจากวันนี้เป็นต้นไป…คุณจะได้เจอกับฉันอีกนาน อยากรู้นักว่า…คุณจะทำหยิ่งเฉยชาเหมือนคนไร้ความรู้สึกแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน !!’