ตอนที่5 แย่ที่สุด?
“อืม”
“งั้นแบบนี้ก็หมายความว่าพวกเสี่ยใหญ่อะไรนั่นต้องตามหาครอบครัวหญ้าอยู่อ่ะสิ แล้วแม่กับน้องจะปลอดภัยไหม พี่เป้ทำไงดี กลับบ้านไปหาแม่กัน” ฉันได้ยินแบบนั้นก็อดห่วงแม่กับน้องขึ้นมาทันที
“ใจเย็นนะหญ้า พวกเสี่ยก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น แค่หาเงินมาใช้ดอกมันได้ มันก็ไม่ค่อยมาวุ่นวายอะไรหรอก มันก็ต้องการแค่เงินเพราะถ้ามันฆ่าคนไปมันก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี เงินสิเป็นใหญ่”
“แต่พี่ก็รู้ว่าช่วงนี้ครอบครัวของหญ้ากำลังแย่ เงินจะกินยังไม่มีเลย ต้นเหตุเกิดจากคนคนเดียวแท้ๆเลย”
“อืม นั่นแหละปัญหาหลัก เงินนี่แหละ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ลำพังขายของที่ร้านก็เงียบลงทุกวันได้แค่ไม่กี่ร้อย แม่หญ้าบ่นกับแม่พี่ทุกวันเลย แต่แม่พี่ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ เพราะเราก็ทำมาหากินเหมือนกัน”
“หญ้าเข้าใจพี่ พี่ยังโชคดีที่พ่อของพี่ไม่เป็นแบบพ่อเลี้ยงหญ้า”
“ครับ อันนี้พี่ยอมรับว่าพี่โชคดี ที่พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างไม่เหมือนพี่”
“เห้อ เหนื่อยใจมากเลย ท้อมาก หญ้าจะหาเงินสักก้อนพาแม่กับน้องหนีเขาไปไกลๆจากที่นี่สักที”
“เงินอ่ะหายากแต่หาได้อยู่ แต่หญ้าคิดว่าหนีไปแล้วมันจะพ้นมือหรอ ถ้าหนีตาชาติได้แล้วมันไม่ใช้หนี้เสี่ยมันก็ตามหาเก็บกับคนในครอบครัวอยู่ดี ตาชาติอ่ะไม่เจอหรอกแต่เสี่ยไม่แน่”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะพี่ฉันต้องหาเงินมากมายขนาดนั้นมาใช้หนี้ที่ฉันไม่ได้สร้างจริงๆหรอ แล้วคนทำล่ะเขาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก” ฉันยิ่งฟังก็ยิ่งโมโหพ่อเลี้ยงของฉันเหลือเกิน
“เเค่นี้ยังไม่คิดไรได้เลย หนี้ท่วมตัวแล้วยังจะหาไถเงินลูกมาเล่นมากินต่อ”
“ใช่ แล้วลำพังหญ้าทำร้านอาหารเงินเดือนไม่กี่พัน ชาติไหนมันจะมีใช้เขาล่ะพี่ หญ้าเองก็ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องเสี่ยนี่ด้วย แค่พวกรอบตลาดมาทวงแม่ก็เครียดมากอยู่แล้ว”
“มันก็พอมีทางหาอยู่บ้างแต่....” พี่เป้มองหน้าฉันด้วยสายตากังวล
“แต่อะไรพี่ อย่าบอกนะให้ฉันขายตัว ไม่เอาหรอกนะ” สมองของฉันคิดแต่เรื่องแบบนี้จริงๆ ที่ว่าจะได้เงินเยอะกว่าตอนนี้
“ไม่ขาย ขายทำไมล่ะ ให้เช่าพอ”
“เห้ยพี่ คิดงี้จริงหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ถึงจะจนแต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีอยู่นะ”
“หญ้าๆ พี่ล้อเล่น ตั้งสติฟังพี่ดีๆนะ” ฉันรวบรวมสติให้นิ่งๆหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ๆ ก่อน
“หื้ม ว่ายังไง หญ้าโอเคละ”
“หญ้าก็ทำงานหาดอกส่งไปก่อน ไม่ไหวก็บอกพี่เดี๋ยวพี่แนะนำงานให้”
“มันไม่ดีจริงๆหรอพี่งานที่พี่ว่า”
“ก็ไม่เชิงหรอก แต่มันเปลืองตัว”
“เอ๊ะ นี่พี่พูดอะไรกันแน่”
“โห้ยย มันไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย เอาเป็นว่าไม่ไหวค่อยว่ากัน เพราะหญ้าเองก็ยังเรียนไม่จบไม่มีวุฒิ คงยังไปทำงานอะไรที่ได้เงินเยอะๆไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“อืม แล้วฉันจะส่งดอกให้เขายังไงได้ล่ะ” ฉันคิดไปมาฉันไม่มีทางหนีหนี้ก้อนใหญ่ก้อนนี้ได้แน่นอน ได้แต่จำใจและหาเงินส่งต่อไปเพื่อให้แม่และน้องนั้นอิสระ
“ถ้าให้เอาเงินให้ตาชาติไปส่งเองคงไม่ถึงมือเสี่ยอีกแน่นอน”
“ใช่”
“เดี๋ยวพี่ติดต่อเขาให้” ว่าแล้วพี่เป้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“ฮัลโหลครับ นั่นเสี่ยใหญ่ไหมครับ”ปลายสายตอบกลับมา
“อ่อ ลูกน้องหรอครับ ผมเป็นญาติของนายชาตินะครับ ที่ขายของอยู่ตลาด...”ปลายสายน่าจะคุยมารุนแรง พี่เป้มองหน้าฉันก่อนจะเปิดลำโพงให้ฟังด้วย
“เอ่อ ผมเข้าใจครับ แต่ลูกเมียเขาไม่รู้อะไรด้วยเลยนะครับ ว่าเป็นหนี้เท่าไหร่”
“ผมไม่สนนะ ผมให้เวลาคุณบอกนายชาติให้ติดต่อผมมาภายใน3วันอย่าให้ผมไปตามถึงบ้านเจอด้วยตัวเอง คุณจะมาอ้างว่าลูกเมียไม่รู้ไม่ได้ ถ้าผมไม่ได้เงินผมก็จะเอาของในบ้านที่มีค่ามาใช้เป็นดอกแทน”น้ำเสียงปลายสายดุดันเเฝงไปด้วยความน่ากลัว
“แล้วตอนนี้เขาได้ใช้ดอกบ้างหรือยังครับ”
“ใช้เดือนเดียว พอเดือนต่อมาหาต้นไม่ได้ ดอกก็ไม่ส่งแถมยังไม่โผล่หัวมาให้เห็นอีก วันนี้ผมไปตามหาเขามาแต่ไม่เจอถือว่าโชคดีนะที่มีธุระก่อน ฝากบอกเขาด้วยล่ะ ถ้าไม่ใช้ดอกเดือนละหมื่นไม่รวมต้นที่นี้ลูกเมียอยู่บ้านไม่ได้แน่” พี่เป้มองฉันมาด้วยสายตาที่กังวลไม่ต่างจากฉันเลย เดือนละหมื่นฉันจะหาได้ยังไงกัน
“แล้วถ้านายชาติไม่มีใช้หนี้ล่ะครับ เสี่ยจะฆ่าเขาไหม”
“หึหึ เป็นคำถามที่ไม่ค่อยได้ยินเลยนะ ผมบอกคุณเลยนะว่าผมอ่ะ ไม่ฆ่าคนหรอกถ้าไม่จำเป็น ถึงมันตายไปผมก็ไม่ได้คืนอยู่ดี ธุรกิจผมคือเงิน ไม่ใช่ชีวิตคน ถึงมันตายเมียมัน ลูกมันก็ต้องหามาใช้”
“หมายความว่าถ้านายชาติเขาไม่ใช้หนี้ เสี่ยต้องตามเก็บกับเมียเขาน่ะสิ”
“อืม ผมเก็บแน่ ผมถือว่าครอบครัวพวกคุณเป็นคนเดียวกัน แล้วอย่าคิดจะพากันหนีล่ะ ยังไงก็ไม่พ้น อ้อ ก่อนวางสาย ผมจะทิ้งเลขบัญชีส่งไปในข้อความเบอร์ของคุณ เพราะอีกสองวันครบกำหนดส่งดอก ให้ใครลูกเขาหรือคุณก็ได้โอนมาแล้วแจ้งมาที่เบอร์นี้ให้ผม”
“แต่เสี่ยครับ มันไม่ยุติธรรมกับลูกเมียเขาเลย เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยนะ ลูกเขาก็กำลังเรียน กำลังมีอนาคตไม่ควรมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้”
“ผมไม่สน เข้าใจนะสวัสดี”
“เอ้า วางสายเฉย”
“ฮึบ ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะ” น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็ไม่สนใจอยู่ดี ฉันต้องทนรับใช้หนี้สินก้อนนี้แทนเขาจริงๆหรอนี่
“หญ้า!!” พี่เป้ดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นฉันอยู่ดีๆก็ร้องไห้ออกมา
“ฮึก ... หญ้าเป็นห่วงแม่กับน้องจังพี่”
“อืมพี่เข้าใจ ทางเดียวที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นคือเงินนะหญ้า ตั้งสติแล้วหาวิธีกัน พี่อยู่ข้างๆหนูนะ” พี่เป้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆฉัน และเช็ดน้ำตาให้อย่างไม่รังเกียจ
“ฮื่อ แล้วอีกสองวันหญ้าจะเอาไงไหนไปจ่าย ทำโอยังไม่อยากจะพอเลย”
“ครั้งนี้เดี๋ยวพี่ช่วยก่อนนะ พี่ยังมีเงินอยู่บ้าง เดือนหน้าค่อยว่ากัน”
“ฮึก ไม่เอาหรอกพี่ พี่ทำงานได้เก็บไว้ใช้เถอะ เเค่นี้หญ้าก็รบกวนพี่มากเเล้ว”
“ทำไมพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นกันอย่างงั้นอ่ะ หญ้าก็น้องพี่ทั้งคนนะเว้ย แม่ของหญ้าพี่ก็รักและเคารพท่าน พี่ไม่ทนให้ครอบครัวหญ้าลำบากหรอก นี่เพิ่งเริ่มเองหญ้าไม่ไหวหรอก เอาไปก่อนพี่ไม่เดือดร้อนหรอก”
“ฮึบ หญ้าขอบคุณพี่มากๆเลยนะ ไว้หญ้าทำใจได้หญ้าจะหางานที่ได้เงินมากๆกว่านี้ รอให้หญ้าสุดก่อนจริงๆ” ฉันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วนี่ถ้าตายแล้วหมดหนี้ ฉันจะทำจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันต้องไหว ชีวิตฉันต้องสู้เพื่อแม่และน้อง
“ครับ กลับกันยัง”
“จ้ะ” และคืนนั้นพี่เป้ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่งฉัน ไม่สิ !! ฉันไปส่งพี่เป้เพราะมอเตอร์ไซค์เป็นของฉัน แต่พี่เป้ขับ
เมื่อถึงเราแยกย้ายกันถึงบ้านฉันกลับเข้าห้องนอนเงียบๆ พร้อมกับคิดเรื่องบ้าๆพวกนี้จนน้ำตาไหลแทบจะทั้งคืน ทุกอย่างมันแย่ที่สุดจริงๆ