

บทที่ 4 ใต้เงื้อมมือปีศาจ
คฤหาสน์ลูคัส
รถยนต์สีดำวิ่งด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตัดผ่านย่านกลางกรุงที่คึกคักมุ่งหน้าสู่ย่านบ้านพักอาศัยของเหล่าเศรษฐีซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว
อย่างที่ทราบกันดีว่าราคาที่ดินบนเกาะฮ่องกงนั้นแพงยิ่งกว่าทอง ขนาดคนรวยยังทำได้เพียงแค่ซื้อห้องในคอนโดหรู ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็ต้องแก่งแย่งจองห้องเช่าราคาแสนแพงสวนทางกับขนาดห้องที่เล็กไม่ต่างจากรูหนู คนที่จะสามารถมีบ้านหลังใหญ่รวมถึงสนามหญ้ากว้าง ๆ มีแค่มหาเศรษฐี เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ระดับประเทศเท่านั้น
หญิงสาวนั่งตัวสั่นชิดขอบประตูรถ แทบจะสิงมันเข้าไป ดวงตาเปื้อนคราบน้ำตากวาดมองบรรยากาศไม่คุ้นชินด้านนอก ก็เห็นบ้านหรูหลายหลังตั้งเรียงติดกัน ถูกแบ่งกั้นด้วยกำแพงสูงเพื่อความเป็นส่วนตัว ก่อนรถจะเลี้ยวผ่านมุมถนนแล้วเธอก็มองเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ยังสุดทาง
บานประตูเหล็กดัดสีเงินดูทั้งหนาและหนักค่อย ๆ เปิดออกจากกันให้รถของพวกเขาผ่านเข้าไป หญิงสาวจึงเพิ่งสังเกตว่ามีรถยนต์หน้าตาคล้ายกับคันที่เธอนั่งมา ขับตามมาด้วยอีกสองคัน
เลือดในกายเธอเย็นเฉียบพร้อมระดับความเครียดพุ่งขึ้นสูงเมื่อเข้าใกล้ตัวคฤหาสน์หลังสวยมากยิ่งขึ้น
ริมฝีปากบางถูกเม้มแน่นเข้าหากัน ขณะเจ้าของบ้านก้าวลงไปจากตัวรถเมื่อรถจอดนิ่งสนิท แม้หญิงสาวอยากจะวิ่งหนีไปตอนนี้ แต่หนทางรอดก็ช่างน้อยนิด เพราะนอกจากกำแพงสูงร่วมสองเมตรนั่นแล้ว ยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวทยอยลงมาจากรถคันที่เหลืออีก
“ลงมา” เสียงเย็นแต่ดุดันเอ่ยสั่งออกมา
“...”
“เรนนี่! ลงมา!”
สาวเจ้าของชื่อสะดุ้งกับเสียงตวาดลั่น ท่าทางเกรี้ยวกราดของเขายิ่งทำเธอไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว แม้แต่การหายใจก็ดูเป็นเรื่องยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น
มาเฟียหนุ่มไม่ใจเย็นพอที่จะรอคอยให้เธอขยับ ยื่นมือเข้าไปกระชากร่างบอบบางจนเธอแทบจะปลิวออกมานอกรถ
“อึก...ฉันเจ็บ”
“หึ แค่นี้มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บที่ฉันต้องเจอ...ตามมานี่!”
ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปบีบต้นแขนขาวพร้อมออกแรงกระชากเธอมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ใหญ่ ไม่ได้มีความสงสารร่างน้อยที่ตัวสั่นระริก หรือใบหน้าสวยราวนางฟ้าจะเต็มไปด้วยเม็ดน้ำตาแม้แต่น้อย
เรนนี่ถูกเหวี่ยงลงไปนอนจุกยังกลางโซฟายาวกลางห้องรับแขกอย่างไม่ไยดี ราวกับเธอเป็นแค่ตุ๊กตาไร้ค่าตัวหนึ่งเท่านั้น
ตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวถูกดูแลดีไม่ต่างจากเจ้าหญิง ทุกคนล้วนเอาใจใส่และปฏิบัติด้วยความเคารพ การถูกตวาด ตะคอก หรือการกระทำหยาบกระด้างเช่นนี้เป็นสิ่งที่เรนนี่ไม่เคยต้องเจอมาก่อน
หญิงสาวพยายามหยัดตัวขึ้นมา นัยน์ตาสีดำสั่นวูบพยายามมองใบหน้าหล่อเหลาของมัจจุราชผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ
“อึก...ขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ” เสียงหวานพยายามอ้อนวอนอีกครั้ง
“เสียใจ เพราะหลังจากนี้เธอต้องอยู่แต่ในคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้น”
“อึก ไม่นะ นายเข้าใจผิด พี่ชายฉันไม่ได้ทำอะไรลูน่า”
พรึ่บ!
สิ้นคำพูด ร่างใหญ่โตก็พุ่งเข้ากดเรนนี่จนจมไปกับโซฟา พร้อมมือใหญ่บีบลำคอแน่นจนลมหายใจของเธอติดขัด
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความกลัวกับท่าทางเกรี้ยวกราดนั้น ได้แต่อ้าปากพะงาบ พยายามหุบเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด แตกตื่นสุดขีดเมื่อชายหนุ่มออกแรงบีบมากยิ่งขึ้น ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ กระซิบเสียงน่ากลัวให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“อย่ามาเรียกชื่อพี่สาวฉันห้วน ๆ คนจากตระกูลหลินต้องรับผิดชอบในการตายของพี่ฉัน”
ใบหน้ากระจ่างใสบัดนี้แดงวาบจากการขาดอากาศ มือเล็กยกขึ้นดันร่างใหญ่ให้ออกห่างซึ่งก็เหมือนจะไร้ประโยชน์ เนื่องจากขนาดรูปร่างทั้งสองต่างกันมาก
และในที่สุดลูคัสก็ปล่อยมือออก
“แค่ก แค่ก แค่ก”
เรนนี่ไอโขลกอย่างหนักทันทีที่เป็นอิสระอีกครั้ง รีบสูดรับอากาศเข้าเต็มปอด เม็ดน้ำตาร่วงผล็อย ช้อนมองใบหน้าเย็นชาของคนด้านบนอย่างตัดพ้อ
“อึก...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ตอนฉันไม่อยู่ ตอนนั้น อึก...มันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่”
“แล้วเธอล่ะ รู้อะไรมาบ้าง”
เขายังคงนั่งทับร่างของเธอเอาไว้ ใช้สายตาเย้ยหยันหลุบมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอาการสับสน
“ฉะ...ฉันรู้แค่ลูน่า...อึก คุณหนูตระกูลหยางเสียชีวิตจากการจมน้ำ” เรนนี่รีบแก้ไขสรรพนามทันทีที่สายตาคมตวัดมอง
“แล้วไงอีก”
“ที่บ้านบอกว่าอาจเป็นอุบัติเหตุ เพราะไม่พบร่องรอยการต่อสู้”
“เฮอะ! ไอ้พวกฆาตกรมันจงใจปิดความเลวตัวเองน่ะสิ” ลูคัสแค่นหัวเราะอย่างรังเกียจ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตยังคงจับจ้องใบหน้างามไม่คลาดสายตา
“ละ...แล้วอะไรที่ทำให้นายคิดว่าพี่ดีแลนมีส่วนในเรื่องนี้ล่ะ”
“เพราะไอ้เลวนั่นมันเป็นคนทำยังไงล่ะ! มันไม่ยอมเอาหลักฐานกล้องวงจรปิดในบ้านมาให้ตำรวจ อ้างว่าไฟล์หาย บ้านหลังนั้นก็มีมันคนเดียวที่เข้าออกได้ ถ้าไม่ใช่มันจะเป็นใครไปได้อีก!”
เสียงตะคอกดังลั่นตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ ความโกรธแค้น เกลียดชังปะทุออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขารู้ดีว่าเรนนี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเธอเองก็เป็นคนของตระกูลนั้น และจะเป็นหมากชั้นดีที่ทำลายตระกูลหลินให้ย่อยยับได้
“ยินดีต้อนรับสู่นรกเรนนี่...หลังจากนี้เธอต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตระกูลเธอทำกับพี่สาวฉัน”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
อีกด้าน
สนามบิน
ใบหน้าเคร่งเครียดของทายาทนักธุรกิจใหญ่ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากไม่อาจจะติดต่อน้องสาวเพียงคนเดียวได้
พวกเขาเดินทางมาถึงสนามบินร่วมชั่วโมงแล้ว แต่กลับไร้วี่แววของสาวที่ต้องมารับ
ฝ่ามือใหญ่กดต่อสายหาเบอร์ของหญิงสาวซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะยอมรับสาย หัวคิ้วขมวดแน่น พร้อมอาการกระสับกระส่ายหนักอึ้งในอก
“รับสิเรนนี่ เธออยู่ไหน”
“นายครับ! เกิดเรื่องแล้ว!”
เสียงตะโกนร้องของลูกน้องพร้อมร่างคนสนิทวิ่งกระหืดกระหอบกลับมารวมตัวกันหน้าสนามบิน ทำดวงตาคมกริบเย็นยะเยือก
“ได้เรื่องอะไร”
“ผมไปแจ้งเจ้าหน้าที่สนามบินเรื่องคุณหนูแล้วครับ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ย้อนกล้องวงจรปิดดู…”
ฝ่ามือใหญ่บีบกำแน่นจนเส้นเลือดตามท่อนแขนปูดโปน
“แล้วไง” ดีแลนถามต่อด้วยน้ำเสียงอันตราย โทสะในกายมันกำลังเดือดปุด ๆ เร่งให้ลูกน้องรีบคายสิ่งที่เพิ่งรับทราบมาโดยเร็ว
“มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณห้าคนมาดักคุณหนูเอาไว้ แล้วบังคับขึ้นรถยนต์ไปก่อนพวกเรามาถึงแค่ห้านาทีครับ”
“มันเป็นใคร!”
ตงหยางหลับตาข่มความโกรธที่มีไม่น้อยไปมากกว่าเจ้านาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบประสานดวงตาอินทรีตรง ๆ
“ไอ้ลูคัสครับ!”
“ไอ้สารเลวนั่น!”
สันกรามขบกันแน่นพร้อมระดับโทสะทวีตัวขึ้นสูง แต่ถึงแบบนั้นฝ่ามือใหญ่ก็อดที่จะกดต่อสายหาน้องสาวซ้ำ ๆ ไม่ได้ ก่อนจะหันไปสั่งเหล่าลูกน้องที่ยืนนิ่งรอรับคำสั่ง
“พลิกแผ่นดินตามหาแหล่งกบดานมันให้เจอ!”
“ครับนาย!”
ร่างสูงบีบกำโทรศัพท์ในมือแน่น หมุนกายกลับขึ้นรถ จิตใจร้อนรุ่มครุ่นคิดถึงแผนการชิงตัวน้องสาวกลับมา
และในขณะที่เกือบจะถอดใจ ปลายสายที่เขาเฝ้ารอคอยก็ยอมกดรับจนได้
“เรนนี่!” ดีแลนตะโกนเรียกชื่อน้องสาวด้วยความร้อนใจปนยินดี “เธออยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น ปลอดภัยดีใช่ไหม”
(หึ ยังปลอดภัยอยู่...ตอนนี้น่ะนะ)
เสียงทุ้มแหบห้าวดังออกมาจากอีกด้านของโทรศัพท์ ทำเส้นขมับของชายหนุ่มตึงเปรี๊ยะ กัดฟันกรอดตะคอกกลับ
“ไอ้ลูคัส! มึงทำอะไรน้องกู!”
(ดีใจจังที่เห็นมึงแสดงอารมณ์อื่นออกมาบ้าง ไม่เห็นเหมือนตอนพี่สาวกูตายเลยนี่!)
“เรนนี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องลูน่า อย่าลากเธอมายุ่ง!”
(จะไม่เกี่ยวได้ไง ในเมื่อเรนนี่ก็เป็นคนตระกูลหลิน)
“มึงจะทำอะไรกันแน่! ถ้าอยากฆ่าฉันก็มาสิวะ อย่าดึงน้องสาวกูมาเกี่ยว!”
(แบบนั้นมันง่ายไปหน่อย...ในเมื่อตัวต้นคิดเรื่องการแต่งงานจนสุดท้ายลูน่าต้องตายก็คือพวกมึง ถ้าผลกรรมทั้งหมดมาตกที่น้องสาวมึงบ้าง ก็คงจะแฟร์ดี)
“หยุดนะ! อย่าทำอะไรน้องกูนะ”
(สวย ๆ แบบนี้กูไม่ปล่อยให้ตายง่าย ๆ หรอก...จริงไหม)
(อึก...ขอร้อง)
“เรนนี่!”
ใจคนเป็นพี่ลุกไหม้เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาของน้องสาวลอยแทรกเข้ามา
“มึงต้องการอะไร บอกกูมา กูจะทำตามทุกอย่าง”
(กูอยากให้พวกมึงลิ้มรสชาติของความเสียใจบ้าง เหมือนที่กูและพ่อกูเจอ)
(กรี๊ดดดดดดดดดดดดด)
“เรนนี่!!”
ดีแลนตะโกนเรียกชื่อน้องสาวลั่นรถ ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวด้วยความแตกตื่น และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่โทรศัพท์ของเธอจะถูกตัดสายทิ้งไป
“นายครับ เกิดอะไรขึ้น!” ตงหยาง ลูกน้องคนสนิทรับหน้าที่คนขับรถรีบหันมาถามเจ้านายด้วยความร้อนรนไม่ต่างกัน
“ไปตามหาไอ้ลูคัสให้เจอ! ลากคอมันออกมาให้ได้ แล้วกูจะฆ่ามันทิ้งเอง!”
