กรงแค้นสลักรัก

173.0K · จบแล้ว
เดย์ไลลา
64
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

Writer : เดย์ไลลา Illust 1 : JenJ Illust 2 : Junya ภาพประกอบ : สนิมกิน พิสูจน์อักษร : Ni-Nid ลิขสิทธิ์เป็นเพียงของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติพุทธศักราช 2558 ห้ามดัดแปลงบทความ คัดลอก และนำไปใช้บางส่วนและนำไปเผยแพร่ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ 2537 พูดคุยกับนักเขียน สวัสดีค่ะ เรากลับมาพบกันอีกครั้งในผลงานเรื่องใหม่ของไรต์กันเสียที ครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวความรักของพระรองแสนดี? ในเรื่อง ‘แพ้ทางร้ายนายคู่หมั้น’ อย่างลูคัส มาเฟียฮ่องกงสุดอันตราย แต่โคตรมีเสน่ห์ หากใครเคยอ่านเรื่องของพี่วิคเตอร์ก็คงพอจะทราบมาบ้างแล้วว่าลูคัสจู่ๆ ก็อุ้มลูกมาเยี่ยมทั้งคู่ ครั้งนี้จะมาเฉลยเรื่องราวปนความแค้นของเขากันแล้ว ส่วนนางเอกของเราคือน้องเรนนี่ คุณหนูสุดเรียบร้อย เพอร์เฟค ของตระกูลหลิน ซึ่งทุกคนต้องไปร่วมลุ้นว่าใครจะเป็นเหยื่อและใครคือผู้ล่ากันแน่ เรื่องนี้จะเป็นแนวสืบสวน โรมานซ์ อ่านง่ายสไตล์เดย์ไลลาเช่นเดิม ทั้งคู่ต้องช่วยกันไขคดีเกี่ยวกับการตายปริศนาของลูกสาวคนโตตระกูลหยาง จึงนำมาซึ่งปมความแค้นระหว่างสองตระกูล หวังว่าผลงานเรื่องนี้จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกท่านได้นะคะ หากผิดพลาดประการใด ไรต์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย เดย์ไลลา คำเตือน นิยายเรื่องนี้มีการกระทำไม่เหมาะสมเรื่องเพศ คำพูดจาหยาบคาย การใช้ความรุนแรง การกระทำผิดกฎหมาย มีการบรรยายฉากร่วมรักอย่างละเอียด พฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบเด็ดขาด เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป เนื้อหาในนิยายเป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น ไม่อิงตามความจริง ไม่ได้มีเจตนาเพื่อยุยง ส่งเสริม ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือมีเจตนามุ่งร้ายต่อตัวบุคคลหรือวิชาชีพใด วิชาชีพหนึ่ง สถานที่ของเรื่องก็เป็นแค่สถานที่สมมติเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

นิยายรักโรแมนติกแก้แค้นนิยายรักนิยายปัจจุบันมาเฟียศัตรูกลายคนรัก

บทที่ 1 ลอบฆ่า

ฮ่องกง

เวลาตี 2 แห่งนครที่ไม่เคยมีวันหลับใหล แม้รอบข้างจะเต็มไปด้วยแสงไฟจากตึกสูงแต่ท้องถนนเวลานี้กลับว่างเปล่า สายฝนปรอยลงมาทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีนัก แต่หนุ่มคนขับก็ยังคงเหยียบคันเร่ง พารถยุโรปสีดำให้ทะยานไปเบื้องหน้าอย่างชำนาญ

เขาทำการหักเลี้ยวพวงมาลัยแซงรถคันอื่นบนถนนลื่นโดยไม่ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังซึ่งกำลังอ่านเอกสารบางอย่างกระเทือนแม้แต่น้อย

แต่แล้วเส้นทางที่ใช้เป็นประจำทุกวันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม เมื่อขับต่อไปอีกสักพักแสงไฟทางเบื้องหน้ากลับมืดลงเป็นทางยาว ให้ความรู้สึกน่าวังเวงอย่างบอกไม่ถูก

ชายทั้งสองคนบนรถเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ สัญชาตญาณเตือนภัยกู่ร้องขึ้นมา ส่งผลให้หนุ่มด้านหลังลดเอกสารในมือลง พร้อมเอื้อมไปกุมกระบอกปืนในเสื้อสูทเอาไว้ ไม่ต่างจากลูกน้องคนสนิท เพราะแม้สายตาเขาจะจดจ้องกับท้องถนนว่างเปล่าเบื้องหน้า แต่มือขวาก็กำอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อมเช่นกัน

“นายครับ”

เสียงทุ้มถูกเอ่ยออกมาเป็นภาษาจีนเรียกเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลังให้เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องไม่คาดฝัน

ปืนในมือถูกขึ้นไกไว้เรียบร้อย ขณะสายตาเฉียบคมไล่กวาดมองรอบข้างอย่างระมัดระวัง

“ขับต่อไปก่อน”

“ครับ”

ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงถึงความตื่นตระหนก พร้อมเพ่งสายตาผ่านความมืดที่มีเพียงแสงไฟของรถให้ความสว่างเท่านั้น แต่รอบข้างนั้นมืดสนิทไม่ต่างจากวิ่งในอุโมงค์

สายฝนที่ลงเม็ดหนาขึ้นยิ่งทำให้พวกเขามองอะไรแทบไม่เห็น ทำได้เพียงจดจ่อสติกับการประคับประคองรถต่อไป

และแล้วท้องถนนที่เคยมืดมิดก็สว่างขึ้นจากไฟหน้ารถคันด้านหลัง แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งสองคลายความกังวลสักนิด เพราะพวกมันเร่งความเร็วขึ้นมาใกล้ ทำให้พวกเขาสังเกตได้ว่ามันไม่ได้มีแค่คันเดียว

รถยนต์สีดำติดฟิล์มทึบจนไม่สามารถเห็นด้านในพุ่งทะยานขึ้นมาประกบทั้งด้านซ้ายและขวาด้วยความรวดเร็ว หากแค่นั้นคนขับคงลดความเร็วลงแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีอีกคันจ่อท้ายเอาไว้เพื่อปิดทางหนี ทำให้พวกเขาทำได้เพียงขับต่อไปเท่านั้น

สันกรามได้รูปขบกันแน่นพร้อมระดับความเกรี้ยวกราดทะยานขึ้นสูงกับสถานการณ์ตึงเครียดตอนนี้ ปืนอีกกระบอกที่ถูกซุกซ่อนใต้เบาะถูกหยิบขึ้นมากำแน่น ขณะลูกน้องผู้ภักดีรีบส่งสัญญาณร้องขอกำลังเสริม

ปัง ปัง ปัง

เสียงปืนดังกระหึ่มถูกรัวใส่ประตูรถและกระจกหวังให้ลูกกระสุนสีเงินทะลุเข้ามาเจาะกบาลคนด้านในจากทั้งซ้ายและขวาพร้อม ๆ กัน แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังเมื่อกระจกของรถยุโรปแค่เกิดรอยบุบเท่านั้น

“นาย อีกห้ากิโลเมตรจะมีทางเบี่ยง เราอาจจะสลัดพวกมันได้ตรงนั้น”

“เฮอะ! พวกมันไม่โง่ปล่อยเราไปง่าย ๆ หรอก”

เขาแค่นหัวเราะในลำคอด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม ก่อนจะตัดสินใจลดกระจกข้างลงพร้อมส่งลูกกระสุนปืนตอบโต้กลับไปบ้าง

ปัง ปัง

การกระทำนั้นทำลูกน้องหนุ่มหน้าเครียด แต่เมื่อเจ้านายเปิดฉากตอบโต้แล้ว เขาเองก็ทำได้เพียงช่วยเหลือ

ปืนในมือชี้ตรงไปยังกระจกที่ถูกเปิดแง้มของรถทางด้านขวาก่อน

แม้ทัศนวิสัยจะย่ำแย่จากเม็ดฝนที่เทลงมาและความเร็วของรถที่เคลื่อนตัว แต่จากประสบการณ์ตลอดหลายปี ทำให้เพียงแค่ปลายนิ้วแตะลงไปยังไกปืน ลูกกระสุนก็พุ่งตรงเข้าไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำ

ปัง

รถคันขวาเสียการควบคุมไปเล็กน้อยแต่ก็พยายามจะควบคุมรถต่อ ซึ่งตงหยางก็รีบหักพวงมาลัยชนกระแทกรถคันดังกล่าวให้กระเด็นออกไปนอกเส้นทาง

โครม

แรงปะทะทำให้หนุ่มด้านหลังเสียการทรงตัว ศีรษะพุ่งไปกระแทกกับเบาะ แต่เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ต่อ

“เป็นอะไรไหมนาย”

“ไม่...ทำดีแล้ว เหลืออีกสอง”

สายตาแข็งกร้าวตวัดมองตามแสงไฟจากรถด้านหลัง ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามเร่งความเร็วขึ้นมาตีคู่แทนอีกคันที่ถูกชนจนกระเด็นออกไปนอกเส้นทาง

เสียงปืนดังขึ้นมาอีกระลอกจากทั้งซ้ายและขวา แม้กระจกจะถูกแง้มลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีกระสุนบางลูกพุ่งผ่านช่องแคบนั้นเข้ามาในตัวรถได้อยู่ดี

ทั้งคู่ย่อตัวต่ำลงให้พ้นวิถีกระสุน ก่อนจะจ่อปืนยิงโต้กลับไปอีกครั้ง

รถทั้งสามคันพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงผ่านทางหลวงพร้อมเสียงปืนดังสนั่นอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง แม้ตงหยางจะพยายามควบคุมรถสุดกำลังแล้วก็ตาม แต่การถูกรถอีกสองคันกระแทกชนไม่หยุดหย่อน พร้อมกระสุนปืนรัวเข้าใส่ สุดท้ายรถยุโรปก็หมุนคว้างไร้การควบคุม ก่อนจะแฉลบพุ่งชนราวกั้นถนน

โครม

เสียงชนดังลั่นไปทั่วบริเวณ รถทั้งสองชะลอตัวก่อนจะจอดสนิทอยู่ไม่ไกลจากรถคู่กรณี

ประตูรถถูกเปิดออกทั้งสี่บาน ตามมาด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่พร้อมอาวุธครบมือก้าวลงมา หวังปลิดชีพคนบนรถตามคำสั่ง

สายฝนอาบชโลมร่างพวกเขาจนเปียกชุ่ม แต่ก็ไม่ได้ทำให้สายตาของเหล่านักฆ่าเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ต่างจ้องตรงไปยังรถยุโรปสภาพยับเยินตาไม่กะพริบ

ปัง

ก่อนที่พวกเขาจะตั้งตัว กระสุนก็พุ่งออกจากรถคันดังกล่าวอีกครั้ง ทะลุผ่านกะโหลกหนึ่งในชายโชคร้ายราวกับจับวางจนล้มลงไปกองกับพื้นไม่ต่างจากใบไม้ที่ร่วงจากต้น คนที่เหลือต่างรีบยกปืนขึ้นระดมยิงกลับทันที

เสียงปืนดังก้องบริเวณท้องถนนมืดอยู่เกือบห้านาที แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนด้านในรถจะยอมจนมุม

ใบหน้าพวกเขาต่างเคร่งเครียด เริ่มรู้สึกว่าภารกิจครั้งนี้อาจจะล้มเหลว

เหล่ามือสังหารจากแปดคน ตอนนี้เหลือเพียงสี่หันหน้ามองกันเลิ่กลั่กเพราะไม่อาจจะจัดการเป้าหมายได้ ขณะกำลังปรึกษากันผ่านสายตา ก็มีแสงไฟจากรถปริศนาพุ่งเข้ามา

ชายหัวหน้ากำลังจะโล่งใจ คาดว่ารถคันนั้นคือรถของพวกเขาตามมาสมทบ แต่จู่ ๆ ลูกน้องข้างกายก็ล้มลงไปขาดใจตายบนพื้นด้วยความเงียบกริบ ทำดวงตาเขาเบิกกว้าง เพ่งมองรถนั่นดี ๆ

แสงไฟจากสองดวงเพิ่มมาเป็นสี่ หก และแปดตามลำดับ ตอกย้ำให้เขามั่นใจว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่พวกตัวเองแน่ ๆ

“ถอย!” เสียงเข้มตะโกนแข่งกับเสียงปืน ทำลูกน้องที่เหลืออีกสองคนเริ่มแตกตื่น หมุนกายวิ่งกลับไปยังรถตนเองรวดเร็ว ไม่ใส่ใจศพเพื่อนร่วมงานที่กองเต็มพื้นถนนแม้แต่น้อย

ห่าลูกกระสุนจากรถที่เพิ่งมาใหม่รัวใส่พวกเขาไม่ยั้ง ทำให้ไฟท้ายรถแตก ยางข้างหนึ่งเกิดระเบิด แต่รถคันหนึ่งก็สามารถขับหนีไปได้และทิ้งคนขับโชคร้ายเอาไว้ในรถที่ไม่อาจจะขยับไปไหนได้

กลุ่มคนมาใหม่แต่งกายด้วยเสื้อสูทสีดำสนิทกรูกันออกมาจากรถ บางส่วนก็พุ่งเข้าไปปิดล้อมรถคนร้าย อีกส่วนก็รีบเข้ามาช่วยผู้เป็นนาย

ไม่กี่นาทีทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ ประตูรถยุโรปที่พุ่งชนราวกั้นถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มในวัยยี่สิบแปดปี สายตาเขาเย็นยะเยือกขณะมองซากศพคนร้ายบนพื้น

“นายครับ บาดเจ็บตรงไหนไหม”

“กูไม่เป็นไร ไปดูตงหยางเถอะ น่าจะถูกยิงต้นแขน”

“แต่ว่า...” ลูกน้องกำลังจะเอ่ยแย้งออกมาเมื่อเห็นรอยแผลบนศีรษะของเจ้านาย แต่อีกฝ่ายก็ขัดขึ้นมาก่อน

“จัดการพวกนี้ให้เรียบร้อย กูจะกลับบ้าน”

“ครับ ๆ”

เขาโค้งตัวให้ชายหนุ่มด้วยความเคารพและนำทางไปยังรถอีกคันที่เพิ่งมาถึง

สายตาคมกริบของเขาตวัดมองไปยังคนร้ายที่เพิ่งถูกลากลงจากที่นั่งคนขับอย่างเย็นชา ก้านนิ้วยาวเสยเส้นผมเปียกลู่จากเม็ดฝนขึ้นลวก ๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งยังเบาะหลังของรถ

ไม่ต้องมีคำสั่งใด ๆ พวกลูกน้องทุกคนก็รู้ถึงความต้องการเจ้านายว่า ‘ต้องเค้นคอคนร้ายให้ถึงที่สุด’

คฤหาสน์ตระกูลหลิน

ชายหนุ่มทายาทตระกูลก้าวลงจากรถเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ใหญ่ด้วยสภาพเปียกปอนพร้อมรอยแผลบนศีรษะที่ยังคงมีเลือดซึม ตั้งใจว่าจะไปทำแผลให้เรียบร้อยและค่อยรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้บิดามารดารับทราบพรุ่งนี้ แต่ว่าเมื่อเท้าเขาสัมผัสพื้นบ้าน เสียงหวีดร้องของมารดาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ดีแลน! เป็นยังไงบ้างลูก แม่ได้รับรายงานว่าลูกถูกลอบยิง”

สีหน้าของนายหญิงแห่งตระกูลหลินซีดเซียว รีบพุ่งเข้ามาดูอาการของลูกชายคนโตด้วยความเป็นห่วง

สายตาที่เคยแข็งกร้าวอ่อนลงยามมองหน้าของแม่

“ผมไม่เป็นไรครับ”

“แต่นี่มันครั้งที่สามแล้วนะ! มันชักจะเกินไปแล้ว”

หลินเจียอีหวีดร้องเสียงดังด้วยความโกรธอัดแน่นเต็มทรวงอก แม้รู้ดีถึงภาระหน้าที่ของลูกชาย แต่คนเป็นแม่ไม่อาจจะทนเห็นลูกต้องเผชิญอันตรายนับครั้งไม่ถ้วนได้

“คุณคะ! เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ!” เจียอีหันไปตวาดใส่สามีซึ่งกำลังมองดูสภาพสะบักสะบอมของลูกชายด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวไม่ต่างกัน

“สรุปว่าไงดีแลน พวกไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกชาย แม้ลึก ๆ เขาจะรู้ตัวคนร้ายดีก็ตาม

“ก็มันนั่นแหละจะมีใคร”

ร่างสูงไหวไหล่ตอบกลับอย่างเหนื่อยอ่อน ส่งผลให้ทั้งบิดามารดาได้แต่ทำหน้าเครียดจัดอย่างไม่รู้จะจัดการปัญหานี้อย่างไรดี

“เราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ เหรอ เรื่องในครั้งนี้ลูกไม่ผิดนะ ทำไมเขาไม่เข้าใจ!”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ในเมื่อมันไม่ฟัง เราก็ทำได้แค่เตรียมตัวรับดี ๆ”

ลูกชายพยายามปลอบคนเป็นแม่ให้ใจเย็นลง แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้นักเนื่องจากปัญหาความบาดหมางในครั้งนี้มันเกินจะเยียวยา

“คุณคะ!” เจียอีหันไปเรียกสามีตนอีกครั้งหวังว่าอีกฝ่ายจะมีวิธีอะไรบ้าง แต่สีหน้าหนักใจของหลินเฟยหลงก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าเขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน

ผู้นำตระกูลหลินถอนหายใจยาว อกซ้ายหนักอึ้งกับความขัดแย้งในครั้งนี้

“ตั้งแต่อาหมิงตายไป หนทางจะคุยกับทางนั้นก็เหมือนจะริบหรี่ไปด้วย”

“แต่หลักฐานยืนยันของตำรวจก็ออกมาแล้วว่าดีแลนไม่ได้มีส่วนในการตายของหนูลูน่า ทำไมเขาต้องมาคอยจองล้างจองผลาญลูกเราขนาดนี้”

คำพูดของนายหญิงทำให้สีหน้าของทุกคนย่ำแย่ลงอีกครั้ง เนื่องจากสาเหตุทั้งหมดมาจากการตัดสินใจของทั้งตระกูล แทนที่จะนำพาความสงบสุขมาให้ทุกคน กลับลงท้ายด้วยโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด