บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

นัยน์ตาคมกริบสีสนิมแสนเย็นชา จมูกโด่งงดงาม รวมถึงริมฝีปากหยักลึกสีสดนั่น ตามไปหลอกหลอนในฝันอันพร่าเลือนของลันล์ลลิน หญิงสาวสูดกลิ่นแอมโมเนียเข้าไปเต็มที่ก่อนจะสำลักเบาๆ แล้วค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา ทุกอย่างยังคงพร่าเบลอ เมื่อเธอลืมตาตื่น

“ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว! คุณครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ”

เสียงห้าวเอ่ยภาษาไทยแปร่งเพี้ยนเล็กน้อย อุทานอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าคนที่ตนปฐมพยาบาลอยู่ฟื้นขึ้นแล้ว ผู้ชายร่างท้วมที่กำลังใช้พัดโบกให้เธออย่างเอาเป็นเอาตาย และใช้สำลีชุบแอมโมเนียมาพยาบาลเธอ กำลังมองจ้องเธอด้วยนัยน์ตาสีฟ้าจัด พร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่ตกกระ

“เอ่อ...ฉันเป็นอะไรไปคะ”

เธอเอ่ยถามออกมาอย่างเบลอๆ ชายร่างสูงที่ยืนหันหลังกอดอกให้คนทั้งคู่ หันขวับมามองแม่สาวตัวเล็กเจ้าปัญหา หล่อนฟื้นแล้วแบบนี้ เขาจะได้ไม่มีความผิดอะไร ที่ทำให้เจ้าหล่อนเป็นลมเพราะเห็นหน้าของเขาเข้า

“เป็นลมน่ะสิ แล้วมีอาการอะไรอีกหรือเปล่า เราจะได้ไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”

น้ำเสียงห้าวทุ้มนั่น นัยน์ตาคมดุที่เห็นตรงหน้า มองยังไงก็ไม่ใช่ภาพหลอน หัวใจของลันล์ลลินเต้นระรัวขึ้นมาอีกหน เธอเม้มริมฝีปากแน่น เบิกตามองเขาค้างอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเห็นผีก็ไม่ปาน!

“คุณ...คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

อาการของเจ้าหล่อนทำให้คมอธิป ปรี่เข้าไปทรุดนั่งข้างๆ อย่างเป็นห่วง จิมมี่เองก็ใช้พัดในมือพัดแรงขึ้นอีกหน่อย แล้วเอ่ยเสียงละล่ำละลัก

“ช็อกไปหรือเปล่า? พาไปหาหมอกันเถอะว่ะเรย์ อาการดูไม่น่าไว้วางใจ”

“เอ่อ...” เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ ขณะที่มองจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตา

“คุณเรย์ คุณคมอธิป เรย์ เพรสตั้น”

“เอ...ครับ”

ชื่อของเขาที่ออกมาจากปากจิ้มลิ้มของแม่สาวตัวเล็กนี่ ทำให้คมอธิปขมวดคิ้ว เขามองเธออย่างพินิจ ไปตามใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตากลมใสเหมือนนางกวางที่กำลังไหวระริกด้วยความหวาดกลัว จมูกโด่งปลายรั้น ริมฝีปากอิ่มเต็ม หล่อนสวยมาก...เมื่อมองเต็มตาแบบนี้ นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงเพื่อซ่อนประกายตาบางอย่างของตนเอาไว้

“คะ...คุณ...มาได้ยังไงกันคะ”

“เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ?”

คำถามกลับนั่นเรียกเอาสติของลันล์ลลินกลับคืนมาได้เต็มร้อย เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองเขาเต็มตาอีกหน เขาดูราวกับไม่เคยเจอะเจอเธอมาก่อนเลยจริงๆ ถึงได้มองจ้องอย่างฉงนแบบนั้น

ให้ตายเถอะ! นี่เขาจำเธอไม่ได้หรือนี่

“รู้จักกันสิคะ” หญิงสาวกลืนน้ำลาย พลางนั่งตัวตรง มือประสานกันแน่น พร้อมกับมองจ้องเขาอย่างไม่ยอมหลบหนนี้

“ดิฉันคือ ลันล์ลลิน เพรสตั้น ภรรยาของคุณ”

........................................................................................................................................................................................................

นี่น่ะหรือ...ยัยเด็กร้ายกาจคนนั้น...

นัยน์ตาสีสนิมเหล็กมองกวาดไปทั่วใบหน้าหวานนั่นอีกหน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่า ภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายของตน ใช้นามสกุลเดียวกับเขา จะเป็นสาวสวย ตาหวาน ดูน่ารักบาดใจมากถึงขนาดนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับเธอช่างพร่าเลือนนัก แต่เมื่อได้มาพบกันอีกคราว เขาก็แทบจะถอนสายตาจากเธอไม่ได้

“สวัสดี ลันล์ลลิน”

น้ำเสียงนั้นฟังเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อเอ่ยทักทายภรรยา ที่เขาไม่ได้เจอมาเกือบห้าปีเต็ม ก่อนจะควบคุมตนเองได้ แล้วคมอธิป ก็กลายเป็นชายหนุ่มผู้เย็นชา ทนายความผู้นิ่งขรึมได้อย่างฉับไว

“ฉันมีธุระกับเธอ คุณปู่ของฉันท่านต้องการให้ฉันพาเธอไปที่ลอนดอน”

“เอ...เรื่องอะไรหรือคะ?”

เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองคนพูด ก่อนจะหลบตาคมกริบที่มองมาวูบ โอย...สายตาคู่นี้ที่เธอเคยจำได้ ว่ามันน่ากลัวเพียงไหน ในคืนนั้น...แต่ตอนนี้ มันไม่เหมือนกับในความทรงจำของเธอเลย

นัยน์ตาของเขาสีสวยแปลก ยามมองเธอมันส่องประกายวับ ทั้งดูดุดันและน่ามองไปพร้อมๆ กัน ใบหน้าคมสันที่เธอเคยจำและมันหลอกหลอนเธอมาตลอด ในความทรงจำนั้นพร่าเลือน ไม่ชัดเจนนัก คมอธิปตัวจริง กับคมอธิปในจินตนาการนั้นแตกต่างกันนักหนา เขาดูหล่อเหลา คมคาย น่ามองไปทุกอริยาบถ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ร่างสูงในชุดเสื้อยืด สวมทับด้วยแจ๊กเกตยีน กางเกงยีนสีเข้มพอดีตัว รองเท้าผ้าใบราคาแพง แม้จะแต่งกายเรียบง่าย แต่ชายผู้นี้ก็ยังดึงดูดสายตาให้มองจับจ้องมายังเขาได้ เพราะบุคลิกและหน้าตาที่โดดเด่นนี้

“ฉันรู้แค่ว่าปู่ต้องการให้เธอไปคุยธุระกับท่านที่โน่น แล้วเธอก็ต้องเดินทางไปกับฉันด้วย ไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันวันมะรืน จริงสิ...คืนนี้ฉันจะพักที่บ้านของเธอ ขอตัวไปเก็บของก่อนนะ”

คนพูดกล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับออกคำสั่ง แล้วก็ไม่ทันฟังคำตอบ ว่าลันล์ลลินจะตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก็เดินก้าวยาวๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของร้านที่กันไว้เป็นสถานที่พักผ่อนของเจ้าของร้านเสียแล้ว

“เดี๋ยว...อ้าว...”

เธอได้แต่มองตามแล้วอ้าปากค้าง จิมมี่เจ้าของร้านเบอเกอรี่ ยังคงมองจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเป็นประกาย ซึ่งเมื่อคล้อยหลังเพื่อนแล้ว เขาก็ลากเอาเก้าอี้ มานั่งตรงหน้าเธอ แล้วเอ่ยถามทันที

“คุณเป็นเมียของนายเรย์มันหรือครับ หมอเล่าให้ผมฟังว่า มาตามหาเมียที่นี่ โอ...ให้ตายสิ! พวกคุณแต่งงานกันตอนไหนครับนี่ มันไม่ยอมชวนผมเลย หรือว่าหวงเมียกันนะ ก็คุณน่ะน่ารักมากๆ”

“คือ...”

ลันล์ลลินยิ้มแหย ไม่รู้จะบอกเล่าเรื่องราวอย่างไรดี ก็ฟังแล้วเรื่องของเธอไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงเสียหน่อย จิมมี่หนุ่มอารมณ์ดีชวนเธอคุยต่อโดยไม่รอคำตอบ

“ผมล่ะไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าเสือร้ายอย่างนายเรย์จะยอมแต่งงานได้ ในบรรดาเพื่อนที่เรียนกฏหมายมาด้วยกัน หมอนี่หล่อที่สุด หวงความโสดมากที่สุด แล้วก็มีสาวๆ มากที่สุดด้วย มันบอกผมว่าแต่งงานจดทะเบียนกับคุณนานแล้ว แปลกมากที่พวกเราไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของมันเลย เอ...นี่เพื่อนสนิทอย่างอีวาน กับริโอ ที่ซี้กับหมอนั่นสุดๆ ได้เชิญมางานหรือเปล่านะ?”

“จะมายุ่งอะไรเรื่องของฉันวะ จิมมี่ จะแต่งหรือจะหย่า ก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกพวกนายนี่หว่า ขอบใจมากสำหรับที่นอน ไว้ถ้านายกลับไปลอนดอน จัดการเรื่องเมียนายเมื่อไหร่ ฉันจะรับว่าความให้ฟรีๆ” เสียงทุ้มเอ่ยขัด ก่อนที่เพื่อนเขาจะพล่ามอะไรมากไปกว่านี้ จิมมี่และลันล์ลลินหันไปทางต้นเสียง คมอธิปยืนทำหน้านิ่งพร้อมกับสัมภาระในมือ นัยน์ตาคมดุนั่นทำให้เพื่อนหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปตบบ่าเบาๆ อย่างหยอก

“ไม่ยุ่งก็ได้วะ ว่าแต่ฟรีจริงๆ นะ ฉันจะได้กล้าไปยื่นเรื่องต่อศาล กลัวแมรี่ฟ้องหมดตัวว่ะ”

“อืม...แต่ถ้าพูดมาก ถามมากเกี่ยวกับเรื่องฉันอีก ก็ราคาเต็ม”

“งก” จิมมี่แกล้งว่า แล้วก็หัวเราะร่วน

“รู้งี้เป็นทนายเหมือนนายดีกว่า แต่ดันมารักการทำขนมเข้า แถมรักเมืองไทยด้วย ปริญญาที่เรียนมาเอาแขวนไว้เล่นๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลยสักนิดเลยฉัน ไว้จะติดต่อไปนะเรย์ โชคดีนะครับคุณลันล์ลลิน อ้อ...ต้องบอกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เก่งเทพมากครับ ที่ทำให้นายเรย์คนนี้ ยอมจดทะเบียนสมรสด้วยได้”

“ถ้าพูดมาก ฉันจะเก็บนายสิบเปอร์เซ็น”

คมอธิปว่า มือหนาคว้ามือบางของคนข้างๆ มาจับไว้ เล่นเอาเจ้าของมือนิ่มสะดุ้งเฮือก แล้วเงยมองหน้าเขา สายตานั้นไหวระริก แฝงไว้ด้วยความหวาดเกรง เมื่อสบเข้ากับสายตาแบบนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พูดคุยกับเพื่อนอีกสองสามประโยค ก็กึ่งจูงกึ่งลาก ‘ภรรยา’ ออกมาจากร้านของจิมมี่

“รถของเธออยู่ไหน? ฉันอยากพักผ่อน”

“ทางโน้นค่ะ”

เธอหลุบตามองมือของคมอธิปที่ยังจับมือเธอไว้ ชายหนุ่มเองก็มองตามสายตานั้นเช่นกัน ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ลันล์ลลินเม้มริมฝีปาก ความหวาดกลัวเขายังคงเกาะกุมหัวใจ เขาเป็นฝันร้ายของเธอมาตลอดห้าปี ตอนนี้มายืนข้างๆ มีตัวตน มีชีวิตแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้นไปอีก

“มีปัญหาอะไร กับการที่ฉันจะจับมือเธอหรือยังไงกัน ลันล์ลลิน”

เสียงทุ้มเอ่ยห้วนๆ เล่นเอาคนตัวเล็กบางสะดุ้ง หญิงสาวยิ้มแหย มือน้อยกระตุกจะดึงหนีเขาทันที หากแต่คมอธิปกลับจับไว้แน่น และบีบเน้นอย่างจงใจ

“เธอมีชื่อในทะเบียนสมรสของเรา มันคงจะไม่เสียหายอะไรกระมัง ที่ผัวจะจับมือเมีย หึๆ จริงสินะ ก็ฉันไม่เคยเจอเธอมาตั้งหลายปีนี่ คงลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามี”

วาจาเชือดเฉือน รวมถึงสีหน้าของคนข้างๆ มันช่างชวนให้โมโห นึกอยากจะตวัดมือตบสักเพี๊ยะเข้าจริงๆ สิน่า ร่างสูงโน้มตัวลงใกล้เธอจนได้กลิ่นกายชายหอมอ่อนๆ กลิ่นน้ำหอมเฉพาะที่เขาใช้หอมเย็นชื่นใจนัก เธอถึงกับตัวแข็งเมื่อเสียงทุ้มนั้นกระซิบข้างหู

“จริงสินะ ฉันน่าจะเรียกร้องสิทธิ์บ้าง ในเมื่อเธอได้จากคุณปู่ฉันไปตั้งเยอะ ไหนจะอิสระภาพของฉันอีก คืนนี้...”

“รถของลันอยู่นั่นค่ะ”

เธอสะบัดมือออกจากเขา ใจเต้นตึกตักรุนแรง จนกลัวว่ามันจะโลดออกมา คมอธิปยอมปล่อยเธอแต่โดยดี ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากได้รูป เมื่อเห็นปฏิกิริยาจากภรรยาของตัวเอง ลันล์ลลินก้าวยาวๆ ตรงไปที่รถ โดยไม่ยอมหันมามองเขาอีกแม้แต่น้อย เขาก้าวทันเธอ แล้วเปิดประตูไปนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีสบายๆ แต่กลับทำให้นั่งตัวเกร็ง เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ใกล้ๆ ราชสีห์ ที่ดูสง่างาม น่าเกรงขาม และพร้อมจะ ‘ขย้ำ’

ในรถเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด ทั้งคู่ไม่มีใครสนทนากันเลยแม้แต่คำเดียว คมอธิปปรับเบาะเอนแล้วหลับตาลงทำทีราวกับหลับ ส่วนลันล์ลลินเองก็ขับรถไปเกร็งไป หัวใจเต้นราวกับตีกลอง เมื่อต้องมาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายในฝัน...ฝันร้ายของตนเอง

นี่คือการพบปะกันครั้งแรก ของคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงห้าปีเต็ม วิวาห์ที่เป็นข้อผูกมัด ดึงให้เขาและเธอ ต้องมาข้องเกี่ยวกัน อย่างไม่ประทับใจและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel