บทย่อ
เมื่อต้องพบกับเมียคืนเดียวที่เขาต้องการหย่าอีกหน หัวใจหินของชายหนุ่มผู้ได้ขึ้นชื่อว่าไม่เคยยอมลงให้กับใคร ถึงกับสั่นไหว และเมื่อได้กอดเธอไว้อีกครั้ง คมอธิปก็บอกกับตัวเองว่า เขาจะไม่มีทางหย่าขาดจากเธอไปตลอดชีวิต การแต่งงานจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเขา แม้เธอจะเป็นแม่สาวร้ายกาจ หิวเงิน และนอกใจเขาก็ตามที! การหย่าที่รอคอยมานานของลันล์ลลิน ทำให้เธอต้องพบเจอกับสามีคืนเดียวที่เคยสร้างความหวาดกลัวให้เธอในคืนแต่งงาน ซาตานร้ายที่พร่าผลาญพรหมจรรย์เธอ และทิ้งเธอไปราวกับเธอเป็นขยะ อีกครั้ง เธอหวังจะหย่าจากคนร้ายกาจ ไม่มีหัวใจอย่างเขา แต่ทว่ายิ่งได้ใกล้ชิด หัวใจกลับเริ่มไหวหวั่น เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอเคยจินตนาการไว้หรือเคยจำได้ และทำให้เธออ่อนไหวไปทุกวัน เขาเป็นซาตานหรือเทพบุตรกันแน่... แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร หากเธอตกหลุมรักเขา ลันล์ลลินก็จะมีแต่ความเจ็บปวด อีกฝ่ายหวังแยกหนี แต่อีกฝ่ายหวังฉุดรั้ง กรงทองในหัวใจของซาตานอย่างคมอธิป กำลังเปิดออก เพื่อจะกักขังเธอไว้ด้วยความรักไปตลอดชีวิต
บทนำ
คฤหาสน์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ตั้งอยู่บริเวณย่านถนนพิมลิโค ซึ่งเป็นแหล่งของผู้มีฐานะดีของอังกฤษพักอาศัยกันเป็นส่วนมาก ทุกสิ่งที่นี่ดูสวยงาม หรูหรา และเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่คนระดับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างคงไคย เพรสตั้น จะใช้เป็นที่พักอาศัย กับบั้นปลายสุดท้ายของชีวิตเขา
เงินทองที่หามาได้มากมายด้วยค่าลิขสิทธิ์ ทำให้เขาสามารถซื้อความสะดวกสบาย ชื่อเสียงที่ได้มาทำให้คงไคยกลายเป็นคนสำคัญ เขาเป็นนักเขียนระดับเบสเซลเลอร์ มีผลงานตีพิมพ์กว่าสามล้านเล่ม และขายลิขสิทธิ์ให้กับอีกหลายประเทศทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมาย และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำให้คงไคย มีชีวิตที่มั่งคั่งด้วยฝีมือของตนเองโดยแท้
เขาตัดสินใจซื้อคฤหาสน์แห่งนี้ เมื่อมีคนบอกขาย เจ้าของเดิมเป็นทายาทท่านลอร์ดผู้หนึ่ง คงไคยหลงใหลสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของมัน และสวนสวยแบบอังกฤษแท้ จึงเซ็นเช็คจ่ายซื้อไปอย่างไม่เสียดมเสียดายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะถูกแย้งว่าให้ต่อรองราคาลงบ้าง เพราะเจ้าของเก่าบอกผ่านอย่างแพงเหลือใจ แต่คงไคยก็ยินดีจ่าย เพื่อความสุขนี้ของตนเอง และเขาก็คิดว่ามันคุ้มค่านัก ที่ทำฝันเล็กๆ ของตนเองให้เป็นจริง
ชายชราวัยแปดสิบห้าปี เงยหน้ามองลูกแพรบนต้นของมันแล้วยิ้มน้อยๆ อดีตในวัยเยาว์ที่ไม่ค่อยสุขสบายนัก ทำให้เขามีความหลังฝังใจมากมาย การที่ต้องเป็นลูกซึ่งถูกมารดาทิ้งไว้กับบิดาชาวไทย ที่อพยพเข้ามาตั้งตัวยังประเทศนี้ เป็นไปอย่างแร้นแค้นลำบากนัก เขาไม่มีเงินซื้อขนมกินเล่นเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป ต้องช่วยบิดาหาเงินตั้งแต่ยังเล็ก เงินทุกปอนด์ที่หาได้ คงไคยมอบให้แก่บิดาจนหมด ของหวานของเขาในยามนั้นเห็นจะเป็นลูกแพรแสนอร่อย ที่ต้องขโมยมาจากบ้านข้างๆ และเมื่อถูกจับได้ว่าขโมย เขาก็ต้องถูกตีจนก้นลาย และเจ้าของบ้านหลังนั้นนั่นเอง เป็นคนหยิบยื่นหนังสืออ่านเล่นเล่มแรกให้กับเด็กชายมอมแมมยากไร้ ปลุกจินตนาการให้เจิดจ้า และช่วยสอนสิ่งต่างๆ ให้อีกมากมาย
คงไคยไม่เคยลืมมิสเตอร์เอ็ด ยกย่องเชิดชูบุญคุณจนเทียบเท่าคมกริชผู้เป็นบิดา เอ็ดเห็นพรสวรรค์ในจินตนาการของเด็กชาย จนช่วยให้นิยายเล่มแรกของคงไคยได้ตีพิมพ์ และนั่นมันก็ทำให้เอ็ดได้รู้ว่า สิ่งที่ตนมองเห็นนั้นเป็นพรจากพระเจ้าชัดๆ นิยัยของคงไคยขายดี และสร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างรวดเร็ว
นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ แล้ว มันก็สร้างรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิให้แก่ตนเองได้เสมอ ชายชราถอนหายใจอย่างมีความสุข เมื่อยกน้ำชาควันกรุ่นขึ้นจิบ ชาสมุนไพรแท้รสชาติเยี่ยม รับประทานกับชีสเค้กฝีมือของแม่บ้านที่อยู่กับเขามานาน มันยิ่งทำให้บ่ายวันนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
มือเหี่ยวย่นวางแก้วกระเบื้องเคลือบลง พร้อมกับหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดค้นดูอีเมล ที่เขาทำเป็นกิจวัตรประจำตัว เพื่อเช็คเรื่องข้อมูลต่างๆ แล้วกดอ่านข่าวสารไปเรื่อยเปื่อย คิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นข่าวเกี่ยวกับใครบางคน จนต้องสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อระงับโทสะที่เริ่มกรุ่นพุ่งขึ้นมา ข่าวคราวเกี่ยวกับโคล นักเขียนรุ่นน้อง ที่อยู่ในวงการวรรณกรรมอังกฤษมายาวนานพอๆ กับคงไคย หากแต่ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดังเท่า ทำให้ความหลังบางอย่างกรุ่นขึ้นมาทันที และมันทำให้เขากำลังคิดถึงหลานชายคนเดียวของตน และเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับ คมอธิป เรย์ เพรสตั้น
“นายท่านคะ มีจดหมายมาถึงนายท่านค่ะ”
เสียงดังขึ้นข้างตัว ทำให้คงไคยตื่นจากภวังค์ของตนเอง คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางแม่บ้าน ซึ่งนำซองจดหมายใส่ถาดสีเงินมาให้เขาด้วยตนเอง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วมองอย่างพินิจ นึกสงสัยว่าใครกันที่ยังส่งจดหมายในยุคแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะใช้วิธีอื่นในการติดต่อสื่อสารเสียมากกว่า ตัวหนังสือภาษาไทยที่เขียนไว้ข้างหลังซองจดหมายสีน้ำตาลหนาหนักนั่น ยิ่งทำให้หน้าตาของคงไคย ดูเคร่งเครียดสงสัยมากกว่าเดิม
“จริงสินะ ที่ฉันมัวแต่ทำงาน จนหลงลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไว้ได้ยังไงกันหนอ”
เสียงทุ้มหนักบ่นกับตนเอง ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมา เบอร์โทรศัพท์ที่ชายชราจำได้จนขึ้นใจถูกกดโทรออก หวังว่าปลายสายจะรับสายของเขา คงไคยแทบจะเผลอยิ้มออกมา เมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ ตอบกลับมาอย่างสุภาพ
“ครับปู่”
“เรย์ ปู่มีเรื่องสำคัญจะให้เราทำ ไปเมืองไทย ไปรับเมียของเรามาที”
“อะไรนะครับ!” ฝ่ายนั้นอุทานออกมา แล้วนิ่งเงียบ คงไคยเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยย้ำไปอีกหน
“เมียของเราอย่างไรเล่า ลืมไปแล้วหรือยังไงกันเจ้าเรย์ หนูลัน ลันล์ลลิน เพรสตั้น เมียของแก หลานสะใภ้ของปู่ ไปเป็นธุระติดต่อ พาเขามาหาปู่ที่นี่ที อย่าชักช้านักล่ะ”
“แต่ว่า...”
“อย่าให้เกินสองอาทิตย์นะเรย์ ขอบใจมากหลานรัก”
คงไคยตัดบท ก่อนจะกดวางสายเสีย เขาถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อรอแล้วทางนั้นไม่ได้โทรศัพท์กลับมา แบบนี้ก็แสดงว่าคมอธิปยอมทำตามที่เขาร้องขอ
ลันล์ลลิน เพรสตั้น สาวน้อยคนนั้น ศรีสะใภ้ของเขา ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ เมียจำเป็นของหลานชายที่ไม่ได้ข่าวคราว และติดต่อกันอีกเลย เกือบห้าปีเต็มแล้วสินะ...
ชายชราเม้มริมฝีปาก เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานละมุน รอยยิ้มหวานบาดใจ ของสาวน้อยวัยใส เจ้าหล่อนอายุเพียงยี่สิบปีสินะ เมื่อเข้าพิธีวิวาห์กับพ่อหลานชายตัวแสบ ตอนนี้คงจะเป็นสาวสะพรั่งแล้ว เขาอยากจะพบเธออีกครั้ง เพื่อไถ่ถอนอิสระให้ถ้าหากแม่สาวน้อยคนนั้นต้องการ และมอบสิ่งล้ำค่านี้แก่เธอ...
แม่สาวน้อย...เจ้าสาวจำยอม...สะใภ้เพรสตั้น