บทที่ 3 (1)
โรงแรมเดอะคิงสตาร์...
การเดินแบบโชว์เครื่องเพชรมูลค่านับสิบล้านในวันสุดท้าย เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แม้จะมีการเดินโชว์มาหลายวันแล้ว แต่ความผิดพลาดก็ยังคงเกิดขึ้นเสมอ
เหลือเวลาอีกสิบนาที บรรดานางแบบที่สวมเครื่องเพชรมูลค่าแพงลิบลิ่ว ก็จะปรากฏโฉมบนแคทวอล์กแล้ว ทันทีที่นางแบบออกมาเดินโชว์ บรรดาบอดี้การ์ด ทั้งที่อยู่ด้านหลังเวที และด้านข้างแคทวอล์ก ต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างหนัก
หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ยืนแฝงตัวรวมอยู่กับแขกที่มาดูโชว์และประมูลซื้อเครื่องเพชรก็คือ ‘ชายิกา’ เพื่อให้ดูกลมกลืนกับบรรดาแขกไฮโซกระเป๋าหนัก บอดี้การ์ดสาวจึงอยู่ในชุดราตรีเปิดไหล่สีแดงสด ขับผิวให้ดูยองใยชวนพิศ งดงามกว่านางแบบบางคนด้วยซ้ำไป
ชายิกาหลุบสายตามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนเล็ก เวลานับถอยหลัง เหลืออีกห้านาที ตามเสียงประกาศของพิธีกรบนเวที หญิงสาวเงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองรอบๆ บริเวณ นอกจากจะสังเกตว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่าแล้ว หญิงสาวยังกวาดสายตามองหาผู้ปกครองรัฐอัลยาส์ ที่ต้องการใช้เงินซื้อตัวเธอไปเป็นนางบำเรอ เมื่อหลายวันที่ผ่านมา
“ดี! ที่ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ถ้าวันนี้คิดจะมาเอาเงินฟาดหัวฉันอีก ท่านชีคก็ท่านชีคเถอะ ฉันจะเล่นงานกลับคืนอย่างหนัก”
ชายิกาพึมพำเสียงลอดไรฟัน โล่งอกที่ไม่เห็นชีคอัลซามาร่วมงานในวันนี้ หญิงสาวกวาดดวงตากลมโตมองรอบๆ บริเวณอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าชีคอัลซาไม่ได้เสด็จมาอย่างแน่นอน ก็มุ่งสมาธิ เตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ของตนเอง เมื่อนางแบบคนแรกได้เดินมาบนแคทวอล์กแล้ว
ในขณะชายิกากำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง ทีมปฏิบัติงานของผู้พันฟาเรลล์ก็เตรียมพร้อมสำหรับการลงมือ ‘ฉุด’ บอดี้การ์ดสาวเช่นเดียวกัน
“ผู้พันครับ เราเห็นเธอแล้วครับ”
ผู้หมวดอาดีล ซึ่งแฝงกายเข้ามายืนอยู่ในบริเวณห้องเดินแบบ ได้รายงานให้ผู้บังคับ
บัญชาทราบ ผ่านไมค์อันเล็กที่ติดแนบไว้กับใบหู
“เหยื่อของเราใส่ชุดสีอะไร ผู้หมวด”
ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยถาม ขณะรอเวลาสำหรับการลงมือทำงาน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน
“สีแดงเปิดไหล่ครับ”
ผู้หมวดอาดีลเอ่ยรายงานต่อ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองบอดี้การ์ดสาวเขม็ง ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ
“อุแหม่ ยิ่งดูใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้สวยคมบาดตาบาดใจจริงๆ เลยครับผู้พัน”
“อย่าปลาบปลื้มไปเลย ผู้หมวด เพราะความสวยนี่แหละ ที่นำภัยมาให้กับเธอ”
ผู้พันฟาเรลล์นึกภาพไม่ออกว่าผู้หญิงที่เขารู้จักแค่เพียงชื่อ จะงดงามมากเพียงใด แต่หากชายิกาไม่งดงามจนไปแตะตาชีคอัลซาเข้า เธอก็ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อกามารมณ์ของพระองค์
“ซารุส นายอยู่ประจำที่หรือยัง” ผู้พันฟาเรลล์ถามลูกน้อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถี รออยู่ด้านนอกโรงแรม
“ครับผู้พัน ผมเตรียมพร้อมแล้วครับ”
ผู้หมวดซารุสรับคำเสียงเข้ม ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานกลั้วเสียงหัวเราะ ผ่านไมค์อันเล็กที่แนบติดกับใบหูเช่นเดียวกัน
“ผู้หมวด เครื่องสังเวยของท่านชีคสวยมากเลยหรือครับ”
“สวยระดับนางงามเลยล่ะ เจ้าซารุส แต่ตาดุไม่ต่างจากนางเสือเลยว่ะ”
ผู้หมวดอาดีลตอบกลั้วเสียงหัวเราะร่วน จ้องมองชายิกาเขม็งขณะเอ่ยตอบออกไป
“อยากเห็นหน้าชะมัด ว่าจะสวยและตาดุมากแค่ไหน”
“อีกไม่นานหรอก ซารุส เดี๋ยวนายก็ได้เห็นแล้ว” คราวนี้เป็นผู้พันฟาเรลล์ที่เอ่ยบอกลูกน้อง
ใช่ว่าจะมีแค่เพียงผู้หมวดซารุสที่อยากเห็นเหยื่อรายนี้ ตัวผู้พันฟาเรลล์เองก็อยากเห็นหน้าของชายิกาเช่นเดียวกัน เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวงดงามมากเพียงใด เชษฐาของเขาถึงต้องการเธอจนเข้าขั้นคลั่ง
“อีกไม่กี่นาทีก็คงได้เห็นเครื่องสังเวยของท่านพี่แล้ว”
ผู้พันฟาเรลล์พึมพำบอกกับตัวเอง จากนั้นก็รอเวลาสำหรับการลงมือฉุดชายิกา ซึ่งภารกิจของเขากำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
การเดินแบบและประมูลซื้อเครื่องเพชรราคาแพงลิบลิ่ว สิ้นสุดลงในอีกสองชั่วโมงต่อมา ชายิกาเดินประกบบรรดานางแบบไปทางด้านหลังเวที และเข้าไปในห้องแต่งตัว ขณะนางแบบถอดเครื่องเพชรเก็บใส่กล่อง เพื่อเตรียมนำส่งมอบกับผู้ที่ชนะการประมูล บอดี้การ์ดสาวก็มอบรอบๆ ห้องแต่งตัว สังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
“ชายิกา ถอดสร้อยคอให้ฉันหน่อยสิ”
นางแบบคนหนึ่งจิกเสียงเรียกใช้ เมื่อไม่สามารถถอดสร้อยคอทับทิมล้อมเพชร ซึ่งเป็นเครื่องเพชรที่มีมูลค่าแพงที่สุด ที่จัดแสดงในคืนนี้ ได้ด้วยตนเอง
ชายิกาเดินตรงไปหานางแบบคนดังกล่าว ทว่าไม่ทันได้ทำตามคำสั่ง ไฟในห้องก็ดับลง ความมืดเข้ามาครอบคลุมในทันที
“กรี๊ดดดด!!!”
เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความมืด บรรดานางแบบที่อยู่ในห้องต่างก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“หยุดร้อง นั่งลง แล้วอยู่นิ่งๆ”
ชายิกาตะโกนออกคำสั่งแข่งกับเสียงร้องกรีดของบรรดานางแบบ คว้าปืนพกออกมาถือไว้มั่น พยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืด
“บ้าชะมัด! มองไม่เห็นอะไรเลย”
ชายิกาสบถออกมาเบาๆ ห้องแต่งตัวที่ถูกครอบคลุมไปด้วยความมืด เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเธอ ซึ่งตอนนี้มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเสียงหวีดร้องเพราะความหวาดกลัวของบรรดานางแบบ
“ดูแลเครื่องเพชรให้ดีที่สุด”
ชายิกาออกคำสั่งกับบรรดานางแบบอีกครั้ง เพราะคิดว่าคนร้ายพุ่งเป้ามาที่อัญมณี
ราคาแพง หญิงสาวจึงตะโกนบอกออกไปเช่นนั้น ซึ่งบอดี้การ์ดอีกหลายคน รวมทั้งบรรดานางแบบ ต่างก็กอดเครื่องเพชรไว้แน่น
แต่! สิ่งที่ชายิกาคิดนั้นผิดมหันต์ เมื่อมีเสียงห้าวทุ้มดังขึ้นอยู่ข้างหลังใกล้ๆ กับใบหูของเธอ
“ใครบอกว่าจะมาขโมยเครื่องเพชรกันเล่า ผมมาขโมยตัวคุณต่างหาก ‘ชายิกา’ ”
ผู้พันฟาเรลล์กระซิบเสียงเย็นอยู่ทางด้านหลังเหยื่อ แม้ภายในห้องจะตกอยู่ในความมืดมิด แต่เขาและผู้หมวดอาดีล ก็มองเห็นทุกอย่าง เพราะสวมแว่นตาสำหรับมองกลางคืนอยู่
ชายิกาตัวแข็งทื่อ ขนหัวลุกชันด้วยความหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงที่กระซิบเย็นยะเหยือกอยู่ทางด้านหลังเท่านั้น แต่เป็นเพราะความเย็นของปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่ตรงขมับของเธอด้วย
“พวกแกต้องการอะไร!”
ชายิกาเค้นถามเสียงแข็ง ทั้งๆ ที่หวาดกลัวจับใจ ไม่กล้าขยับเขยื้อนตัว เพราะกลัวจะถูกคนร้ายลั่นปืนยิงในทุกวินาที
“กรี๊ดด ช่วยด้วย”
แม้จะมองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่เห็น แต่พอได้ยินเสียงของชายิกาเค้นถามไปเช่นนั้น บรรดานางแบบทั้งหลาย ต่างก็หวีดเสียงร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว
“หุบปาก! ถ้าไม่ถูกยิงไส้ทะลัก ก็หยุดหุบปากให้สนิท!”
ผู้หมวดอาดีลเล่นบทโหด ตะคอกสั่งเสียงเหี้ยม ซึ่งก็ได้ผลชะงัก บรรดานางแบบพากันยกมือปิดปากกอดกันแน่น ตัวสั่นงันงกเพราะความหวาดกลัวสุดขีด
และเมื่อกวาดสายตาเห็นบอดี้การ์ดหญิงอีกสองคน กำลังชักปืนออกมาส่ายสะเปะสะปะในความมืด เพราะมองไม่เห็น ผู้หมวดอาดีล ซึ่งได้เปรียบกว่า ก็ก้าวเดินเร็วๆ ด้วยฝีเท้าแผ่วเบาเข้าไปอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเอาปืนจ่อไปตรงกลางลำตัวของหนึ่งในบอดี้การ์ดสาว
“ถ้าเป็นผม จะเก็บปืนไว้เหมือนเดิม ก่อนจะถูกยิงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว”
บอดี้การ์ดสาวทั้งสองรีบทำตามคำขู่อย่างรวดเร็ว พวกเธอเสียเปรียบที่มองอะไรไม่เห็น เพราะฉะนั้นถ้าอยู่นิ่งเงียบตามที่ถูกสั่ง คงเป็นการดีที่สุด
“แก...แกต้องการอะไร”
ชายิกาถามซ้ำด้วยความหวาดกลัว เธอเสียเปรียบในทุกด้าน เพราะมองไม่เห็น ในขณะที่ศัตรูมองเห็นทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนี้เป็นมืออาชีพ และคงทำการโจรกรรมเครื่องเพชรมาหลายครั้งแล้ว
ผู้พันฟาเรลล์ไม่ได้ตอบคำถามในทันที ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด เขาถึงสูดลมหายใจลึก ซึมซับเอากลิ่นกายสาวหอมรวยระรินเข้าปอด เลือดในกายแล่นพล่านไปกับกลิ่นกายหอมละมุนของชายิกา
เจ้าของเสียงห้าวทุ้มลดใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาลงต่ำกว่าเดิม จนริมฝีปากร้อนรุ่มเกือบสัมผัสกับติ่งหูเล็ก จากนั้นก็กระซิบตอบอีกครั้ง