บทย่อ
“ชายิกา” สาวไทยที่แฝงตัวในชุดราตรีเปิดไหล่สีแดงสด แท้ที่จริงแล้วหล่อนคือบอดี้การ์ดสาวมือหนึ่งที่อารักขาเครื่องเพชร สถานการณ์เป็นไปด้วยดีไม่มีเหตุร้ายอันใดให้ต้องออกแรง แต่แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงคือการขโมยที่ไม่ใช่เครื่องประดับราคานับล้าน หากแต่เป็นการขโมยตัวบอดี้การ์ดนามชายิกาไปสนองสวาทใครบางคนแม้ว่า “ผู้พันฟาเรลล์ ฟาคิน ไนซ์” จะไม่อยากทำแต่เขาก็ต้องทำ และเมื่อเขาได้เห็นรูปโฉมของหญิงไทยคนนี้เข้าเต็มๆ แล้ว แผนการที่วางไว้ก็ถูกเปลี่ยนกะทันหันทันทีทันใด กลับกลายเป็นว่าเขาขโมยตัวหล่อนไปครอบครองเสียเอง แต่มีหรือที่คนอย่างชายิกาจะยินยอมโดยไม่ดิ้นรนขัดขืน“ผู้พัน...หยุดก่อน...ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”ชายิกากัดเม้มเรียวปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้เสียงครางเพราะความเสียวซ่านหลุดลอดออกมา ขณะเดียวกันก็ยกมือเล็กดันใบหน้าคมเข้มให้ถอยออกห่าง ก่อนเธอจะพ่ายแพ้ไปกับเพลิงสวาทที่กำลังถูกผู้พันหนุ่มปลุกเร้าให้ลุกซ่านเช่นเดียวกัน
บทที่ 1 (1)
แผ่นผืนทะเลทรายของรัฐอัลยาส์ กำลังลุกเป็นไฟ เมื่อชีคอัลซา ฟาคิน ไนซ์ ถูกท้าทายอำนาจจากผู้หญิงที่มีราคาไม่มากไปกว่าราคา ‘อูฐ’ ของพระองค์
ประมุขแห่งรัฐอัลยาส์เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องทำงาน เพื่อรอคอยใครบางคน ซึ่งไม่ลงรอยกับพระองค์สักเท่าไร ทว่าสามารถเรียกใช้งานได้ในทุกเวลาตามที่พระองค์ต้องการ
“บาซีน เจ้าบอกผู้พันแล้วใช่ไหม ว่าเราต้องการให้เขามาหาเราในวันนี้”
ชีคอัลซาตรัสถามองครักษ์สุรเสียงห้วนๆ ดวงเนตรจ้องมองไปยังประตูห้องทำงานแทบตลอดเวลา พระองค์กำลังร้อนรุ่มด้วยความแค้น จนแทบทนรอเวลาไม่ไหว
“กระหม่อมบอกผู้พันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
บาซีนรับคำ พยายามยืนอยู่ให้ห่างจากเจ้าเหนือหัวให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้ว่าเจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้กำลังพิโรธ ซึ่งสามารถระบายความโกรธลงมาบนตัวเขาได้ในทุกวินาที
“แล้วทำไมผู้พันยังไม่มา จากเมืองหลวงไปแคว้นมารีนห่างกันไม่เท่าไร ทำไมผู้พันถึงมาไม่ถึงสักที” ชีคอัลซาตะคอกถามด้วยความหงุดหงิดใจ
และก็มีเสียงหัวเราะฮึๆ ดังมาจากประตูห้อง พร้อมกับร่างใหญ่กำยำ ที่ก้าวเดินช้าๆ แฝงไปด้วยอำนาจที่แผ่รอบตัว เข้ามาในห้องทำงานของชีคอัลซา
“ห่างกันไม่เท่าไรของท่านพี่ มันหมายถึงระยะทางเกือบสามร้อยกิโลฯ เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้พัน ทำไมมาช้านัก”
ไม่มีการทักทายกัน นอกจากการตำหนิในความล่าช้าของอีกฝ่าย
“มาถึงก็โดนท่านพี่เล่นงานทันที ไม่ทักทายกันหน่อยหรือท่านพี่” ผู้พันฟาเรลล์ ฟาคิน ไนซ์ อนุชาต่างพระมารดากับชีคอัลซา เอ่ยสัพยอกเชษฐากลั้วเสียงหัวเราะ
ชีคอัลซายังคงตีสีพระพักตร์บึ้งตึงให้เห็น แต่กระนั้นก็เดินเข้าไปสวมกอดร่างใหญ่ของอนุชาไว้แน่น พอผละออก ก็ตบหนักๆ ลงไปบนบ่าของอนุชาผู้หล่อเหลา
“ดีใจที่ผู้พันยอมมาพบพี่”
“ไม่มาได้ยังไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ถูกปืนจ่อหัวอยู่ตอนได้ยินคำสั่งจากท่านพี่ ขืนไม่รีบมาในทันที น้องคงถูกเป่าหัวสมองเละแน่”
ผู้พันฟาเรลล์เหน็บแนมเสียงเย็น พร้อมกับปรายตามององครักษ์บาซีนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้องมองผู้เป็นเชษฐาเขม็ง
ชีคอัลซาหลบตา ไม่มองสบตากับอนุชา นั่นก็เป็นเพราะว่าพระองค์เป็นคนสั่งให้องครักษ์บาซีนทำเช่นนั้น และเพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้อนุชาพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงตรัสบอกเรื่องสำคัญที่พระองค์กำลังร้อนใจอยู่ในขณะนี้
“เลิกสนใจเจ้าบาซีนได้แล้ว พี่อยากให้ผู้พันทำงานสำคัญชิ้นหนึ่งให้พี่”
ผู้พันฟาเรลล์ขยับตัวอย่างอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง นั่นก็เป็นเพราะว่าเขากำลังได้กลิ่นไม่ดี ที่มาพร้อมกับขอร้องแกมออกคำสั่งของเชษฐา
“ท่านพี่จะให้น้องทำอะไรให้หรือพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พันหนุ่มเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ไปฉุดผู้หญิงคนหนึ่งให้พี่”
ชีคอัลซาตรัสตอบสุรเสียงราบเรียบราวกับเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่ได้ยินคำสั่งถึงกับสะดุ้ง
“หาเรื่องให้น้องติดคุกแล้วไหมล่ะท่านพี่”
ผู้พันฟาเรลล์ต่อว่าเชษฐา คิดไว้ไม่มีผิดว่าจะต้องมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้เป็นเชษฐาถึงได้ตามให้เขามาพบเป็นการเร่งด่วน
ชีคอัลซาโบกพระหัตถ์ว่อน ก่อนจะตรัสตอบ “ไม่ต้องกลัวหรอกน่าผู้พัน พี่การันตีว่าไม่มีใครกล้าจับผู้พันฟาเรลล์เข้าคุกอย่างแน่นอน”
“งานนี้น้องขอปฏิเสธ ไม่เล่นด้วยดีกว่า”
ชีคอัลซาตีสีพระพักตร์ไม่พอใจ หลังจากได้ยินคำปฏิเสธจากเชษฐา จึงตรัสถามสุรเสียงขุ่นๆ
“ทำไมผู้พันถึงไม่ช่วยพี่”
“ไม่อยากขึ้นศาลทหาร และการติดคุกทหารมันไม่สนุกเลยน่ะพ่ะย่ะค่ะท่านพี่”
“ผู้พันจะกลัวไปทำไม ในเมื่อพี่ยันยืนว่าไม่มีใครกล้าจับผู้พันอย่างแน่นอน”
‘คนอื่นน้องไม่กลัว แต่น้องกลัวโดนลอบกัดจากท่านพี่ต่างหาก’
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าจับผู้พันฟาเรลล์ ผู้พันแห่งแคว้นมารีน ซึ่งฉลาดเป็นกรด เก่งกาจเรื่องการใช้อาวุธในทุกประเภท แต่กระนั้นผู้พันฟาเรลล์ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอิสตรีของเชษฐา เพราะบุคคลที่เป็นอันตรายสำหรับเขามากที่สุดก็คือคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้
“น้องขอยืนยันคำเดิม ไม่รับทำงานนี้ให้กับท่านพี่ แต่ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง น้องจะส่งลูกน้องมือดีที่สุดให้มารับงานไปจากท่านพี่พ่ะย่ะค่ะ”
“พี่ไม่ต้องการคนอื่น ทหารฝีมือกระจอกพวกนั้นพี่ไม่ต้องการ ผู้พันเป็นทหารมือหนึ่งแห่งรัฐอัลยาส์ พี่ต้องการและไว้ใจฝีมือของผู้พันเพียงคนเดียว”
‘ยุ่งฉิบ...’
ผู้พันฟาเรลล์สบถอยู่ในใจ ไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มไปกับคำชมของผู้เป็นเชษฐา เพราะมันเป็นคำชมที่อาบไปด้วยยาพิษ!
“น้องไม่ได้เก่งถึงเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่าถ่อมตนสิผู้พัน” ชีคอัลซาค้านออกมา ก่อนจะตรัสถามต่อด้วยสุรเสียงห้วนๆ “ตกลงผู้พันจะรับทำงานนี้ให้กับพี่ไหม”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ” รู้ว่าเป็นการสร้างความขัดเคืองใจให้กับเชษฐา แต่ผู้พันฟาเรลล์ก็ปฏิเสธในทันที “น้องต้องขอโทษด้วย ที่ไม่อาจทำงานชิ้นให้กับท่านพี่ได้”
ร่างใหญ่ล่ำสันโค้งคำนับให้กับเชษฐาหลังจากเอ่ยพูดจบแล้ว พอเงยหน้าขึ้นสบกับดวงเนตรแข็งกร้าวซึ่งกำลังจ้องมองมาด้วยความไม่พอใจ ก็เอ่ยตัดบทอีกครั้ง
“น้องขอกลับก่อนน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“เดี๋ยวผู้พัน” ชีคอัลซาตรัสเรียก พลางก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าผู้พันผู้หล่อเหลา แล้วตรัสถามซ้ำว่า “แน่ใจว่าจะไม่ทำงานให้กับพี่”
“แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พันฟาเรลล์ตอบเสียงเข้ม
ชีคอัลซากระตุกยิ้ม จากนั้นก็ตรัสถึงอามิสสินจ้างที่จะได้รับจากการทำงานในครั้งนี้ ซึ่งพระองค์มั่นใจว่าผู้พันฟาเรลล์ไม่มีทางปฏิเสธได้แน่
“ไม่รับทำงานให้พี่ ถึงแม้ว่าพี่จะยกแคว้นมารีนให้กับผู้พันยังงั้นหรือ”
แคว้นมารีนเป็นแคว้นเล็กๆ มีพื้นที่ติดกับทะเลทรายอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของรัฐอัลยาส์ แคว้นมารีนมีมารดาของผู้พันฟาเรลล์เป็นหัวหน้าแคว้น แต่พอท่านเข้าพิธีอภิเษกกับพระบิดาของชีคอัลซา ตามกฎต้องมีการรวมแคว้นมารีนให้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐอัลยาส์ แต่! เมื่อสิ้นท่านแม่แล้ว
ผู้พันฟาเรลล์ต้องการแยกแผ่นดินผืนนี้ให้เป็นอิสระจากการปกครองของรัฐอัลยาส์ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าแคว้นมารีนถูกชีคอัลซาเอารัดเอาเปรียบในทุกด้านเป็นเวลามาช้านานแล้ว
ผู้พันฟาเรลล์ถึงกับนิ่งเงียบไปกับสิ่งที่ได้ยิน ทอดดวงตาสีนิลจ้องมองเชษฐาเขม็ง ขณะเอ่ยถามต่อเพื่อความมั่นใจ
“ท่านพี่พูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่จะยกแคว้นมารีนให้กับน้อง”
“คนอย่างพี่เคยพูดเล่นหรือผู้พัน ผู้พันพาผู้หญิงที่พี่ต้องการมาส่งให้ถึงห้องนอนเมื่อไร ผู้พันก็รับเอกสารในการครอบครองแคว้นมารีนไปได้เลย”
ผู้พันฟาเรลล์หลุบดวงตาลง ให้ตายเถอะ! เขาไม่ชอบดวงเนตรของเชษฐาเวลาจ้องมองเยาะหยันอย่างคนที่ถือชัยเหนือกว่า
“น้องอยากได้ความมั่นใจว่าท่านพี่จะยกแคว้นมารีนให้กับน้องคืน หากน้องทำงานนี้สำเร็จแล้ว”
ผู้พันฟาเรลล์ไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องการให้เชษฐาเล่นตุกติกกับตนเอง เพราะฉะนั้นต้องเอ่ยต่อรอง และมีหลักฐานยืนยันในคำพูดของชีคอัลซาเสียก่อน เขาถึงจะยอมทำงานนี้
“ไม่มีปัญหา หากผู้พันต้องการเช่นนั้น”
ชีคอัลซากระตุกยิ้ม เดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนข้อความลงไปบนกระดาษแผ่นบางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนำมาโชว์ให้อนุชาดู
“กระดาษแผ่นนี้เป็นหลักฐานว่าพี่จะยกแคว้นมารีนให้กับผู้พัน มีลายเซ็นและตราประจำตัวของพี่กำกับเรียบร้อย ผู้พันไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเบี้ยวผู้พัน”
ผู้พันฟาเรลล์ยื่นมือใหญ่หมายจะคว้าเอกสารสำคัญแผ่นนี้มาอยู่กับตัว แต่ก็ถูกชีคอัลซากระชากกลับ แล้วเดิน ตรงไปยังตู้เซฟ เก็บเอกสารสำคัญให้ปลอดภัยอยู่ในเซฟใบนี้
“เก็บเอกสารไว้ในเซฟก่อน ได้ตัวผู้หญิงมาเมื่อไร ผู้พันก็เอาเอกสารฉบับนี้ไปได้เลย”
‘บ้าชะมัด! ท่านพี่ฉลาดแกมโกงจริงๆ’
ผู้พันฟาเรลล์สบถอยู่ในใจ เก็บอาการโกรธขึงไว้ภายในใจ แม้เขากับชีคอัลซาจะใช้ราชกุล ฟาคิน ไนซ์ ร่วมกัน แต่เขาเป็นอนุชาต่างพระมารดา นิสัยแตกต่างกันลิบลับ และที่สำคัญเขารู้ว่าเชษฐาไม่เคยมอบความจริงใจให้กับเขา เพราะชีคอัลซาไม่เคยรักใครไปมากกว่าตัวเอง
“ตกลง น้องยอมทำงานชิ้นนี้ให้กับท่านพี่”
ผู้พันฟาเรลล์รับคำเสียงเข้ม จากนั้นก็ย้ำถึงข้อตกลงที่มีร่วมกัน
“ทันทีที่ได้ตัวผู้หญิงไป ท่านพี่ต้องส่งมอบเอกสารให้กับน้อง และสัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในแคว้นมารีนอีกเป็นอันขาด”