บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 (2)

“แล้วผู้พันจะทำอย่างไรครับ จะไปลักพาตัวผู้หญิงคนนี้ไหมครับ”

ผู้หมวดอาดีล ยังเดาใจไม่ออกว่าผู้บังคับบัญชาจะตัดสินใจอย่างไร แต่ไม่ว่าผู้พันฟาเรลล์เลือกตัดสินใจแบบไหนเขาและผู้หมวดซารุสก็พร้อมกระโจนร่วมวง ต่อสู้อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้พันผู้อาจหาญในทุกวินาที

ผู้พันฟาเรลล์ถอนหายใจยาว ก่อนจะบอกถึงการตัดสินใจของตนเอง “คงต้องลองเสี่ยงดู เราจะไม่ส่งเครื่องสังเวยให้กับท่านพี่ จนกว่าจะได้เอกสารฉบับนั้นอยู่ในมือ”

“ถ้าผู้พันยังทำตามแผนเดิม พวกผมก็พร้อมลุยเต็มที่ครับ”

ผู้หมวดซารุสบอกเสียงเข้ม ดวงตาทั้งคู่เผยแววเด็ดเดี่ยวให้เห็นว่าพร้อมทำตามที่บอกออกไป

“ขอบใจพวกนายมาก”

ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยจากใจจริง ซึ่งนานๆ ครั้ง ที่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาจะได้ยินคำขอบคุณจากเขา

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันหรือครับ ทำไมท่านชีคทรงต้องการมากถึงกับสั่งให้ผู้พันลักพาตัว เพราะปกติแล้วท่านชีคไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แค่เพียงกระติกนิ้ว ใช้เงินซื้อตัว พวกเธอเหล่านั้นก็รีบกระโจนเข้าหาท่านชีคในทันที”

ผู้หมวดซารุสเอ่ยถามตรงใจกับผู้หมวดอาดีลเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขารู้ว่าคนที่มีอำนาจบาตรใหญ่ มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลอย่างท่านชีคอัลซา ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งให้ไปลักพาตัวผู้หญิงให้กับพระองค์ เพราะบรรดาสาวๆ ที่หิวเงิน ต่างก็พร้อมสำหรับการมาขุดทองจากพระองค์

“เธอชื่อชายิกา เป็นบอดี้การ์ดให้กับพวกนางแบบที่มาเดินแบบโชว์เครื่องเพชรในโรงแรมของท่านพี่ เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา”

ผู้พันฟาเรลล์บอกข้อมูลของหญิงสาวผู้ที่กำลังจะตกเป็นเครื่องสังเวยของชีคอัลซาให้ลูกน้องฟัง

“เธอสวยมากเลยนะครับ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมท่านชีคไม่ใช้เงินซื้อตัวเธอ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งพระองค์ทำเช่นนี้กับผู้หญิงที่ทรงต้องการเสมอ”

ผู้หมวดอาดีลก้มลงมองภาพในมืออีกครั้ง ขณะเอ่ยพูดตามที่รู้มา

แน่นอนว่า ในแต่ละเดือน ชีคอัลซาใช้เงินภาษีของราษฎรรัฐอัลยาส์เป็นจำนวนมาก เพื่อซื้อหาผู้หญิงมาบำเรอรักแบบไม่ซ้ำหน้า

“ผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธเงินของท่านพี่”

ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แต่ผู้หมวดทั้งสองกลับเบิกตาโต ร้องอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน

“ฮ้า!”

“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าปฏิเสธเงินก้อนโตจากท่านชีคอัลซา”

ผู้หมวดซารุสเอ่ยเป็นคนแรก และผู้หมวดอาดีลก็เอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน

“ผู้หญิงคนนี้ท่าจะบ้า หรือไม่ก็กินยาผิดซอง ถึงกล้าปฏิเสธเงินของท่านชีค”

“บ้าหรือไม่บ้า เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอปฏิเสธท่านพี่ไปแล้ว เห็นท่านพี่บอกว่า เธอปฏิเสธต่อหน้าสาธารณะชนซะด้วยสิ”

“ท่านชีคเลยแค้นที่ถูกหักหน้าใช่ไหมครับ” ผู้หมวดอาดีลเอ่ยถาม คาดเดาว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น

“แหม! ผมละอยากเห็นสีหน้าของท่านชีคตอนนั้นจริงๆ อยากรู้ว่าพระองค์จะทำหน้าอย่างไร ตอนถูกผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธความต้องการของพระองค์”

“แต่เราอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นมากกว่า...ซารุส เราอยากเห็นตอนเธอเล่นงานท่านพี่ อยากรู้ว่าเธอปฏิเสธท่านพี่อย่างไร”

ดวงตาสีนิลของผู้พันฟาเรลล์ไหววาบ อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวในโลก ที่กล้าต่อกรกับชีคอัลซา

“ผู้พันจะลงมือทำงานเมื่อไรครับ ผมพร้อมแล้วนะครับ”

ผู้หมวดซารุสเอ่ยถามด้วยความใจร้อน พลางหันไปมองเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเผยความตื่นเต้นให้เห็นกับการลงมือทำงานในครั้งนี้

“นั่นนะสิครับ ผู้พันจะเริ่มเมื่อไรครับ ผมคันไม้คันมืออยากทำงานแล้วน่ะครับ อยากได้แคว้นมารีนมาเป็นของพวกเราเร็วๆ ด้วย”

“เราจะลงมือในคืนวันสุดท้ายที่มีการแสดงโชว์เครื่องเพชร”

ผู้พันฟาเรลล์บอกแผนการที่ตนเองคิดไว้ และผู้หมวดอาดีลก็ถามต่อในทันที

“จะไปลักพาตัวเธอที่ไหนครับ ในห้องนอนของเธอยังงั้นหรือครับ”

“ไม่! แบบนั้นมันง่ายเกินไป ไม่สมศักดิ์ศรีทหารอย่างพวกเรา” ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยตอบ ดวงตาไหววาบนึกสนุกไปกับแผนการที่ตระเตรียมไว้แล้ว

“เอ่อ...คือ...ผมมันสมองขี้เลื่อย นึกไม่ออกว่าผู้พันจะไปลักพาตัวเธอตอนไหน ผู้พันกรุณาชี้แจงให้ลูกน้องทราบหน่อยได้ไหมครับ”

ด้วยความที่ว่าเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว พอได้ยินผู้พันบอกเช่นนั้น ผู้หมวดซารุสก็แสร้งเอ่ยถามผู้บังคับบัญชา และรู้ว่างานนี้ต้องมีอะไรตื่นเต้นให้เล่นสนุกแน่ๆ

และก็เป็นเช่นดั่งที่ผู้หมวดซารุสคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อเห็นผู้พันฟาเรลล์กระตุกยิ้มอยู่ตรงมุมปาก แล้วเอ่ยตอบว่า

“เราจะไปฉุดเธอ ตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่”

“หมายความว่า ตอนที่เธอกำลังอารักขาพวกนางแบบยังงั้นหรือครับ” ผู้หมวดอาดีลเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจและเข้าใจตรงกัน

ผู้พันฟาเรลล์พยักหน้ารับ พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม “ใช่ เราจะทำแบบนั้น จะไปฉุดผู้หญิงคนนี้หลังเวที ตอนที่เธออยู่เฝ้าพวกเครื่องเพชรราคาหลายสิบล้านพวกนั้น”

“เอ่อ...จะดีหรือครับผู้พัน ผมคิดว่าคงมีตำรวจเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพวกบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่บริษัทขายเครื่องเพชรจ้างให้มาดูแลเฝ้าขุมทรัพย์ของเขา”

ผู้หมวดอาดีลค้านออกมาพอเป็นพิธี ทั้งๆ ในใจนั้นนึกสนุกอยู่ไม่น้อยกับภารกิจในครั้งนี้

“ดีสิ อาดีล ยิ่งมีคนเยอะสิ ยิ่งดี พวกเราจะได้อาศัยตอนชุลมุน หลบหนีออกมาได้ง่ายๆ”

“ให้ผมไปเอาพิมพ์เขียวของโรงแรมมาดูไหมครับ เราจะได้หาลู่ทางหลบหนีไว้ก่อน”

ผู้หมวดซารุสเอ่ยถาม ทำท่าจะลุกขึ้นไปทำตามที่เอ่ยบอกออกไป แต่ถูกผู้พันฟาเรลล์ยกมือห้ามไว้

“ไม่ต้องหรอก ซารุส เราเข้าออกโรงแรมของท่านพี่เป็นประจำ รู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน ให้หลับตาเดินเข้าไปในโรงแรมยังได้เลย”

เมื่อผู้หมวดซารุสทรุดตัวลงนั่งตามเดิม ผู้พันฟาเรลล์จึงบอกแผนการลงมือปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนฟังโดยละเอียด

ด้วยปฏิบัติภารกิจร่วมกันนับสิบๆ ครั้งผู้พันฟาเรลล์จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก ผ่านไปสิบนาที ผู้พันหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามลูกน้องใต้อาณัติทั้งสองคน

“พวกนายเข้าใจที่เราบอกแล้วใช่ไหม”

“ครับผู้พัน ผมเข้าใจแล้วครับ” ผู้หมวดซารุสรับคำเป็นคนแรก

“ผมจะเตรียมรถตั้งแต่วันนี้เลยครับผู้พัน” ผู้หมวดอาดีลหมายถึงรถยนต์กันกระสุน ซึ่งจะนำมาใช้เป็นพาหนะสำหรับภารกิจนี้

“บอกลูกน้องทุกคนให้ระวังตัว จัดเวรเฝ้ายามตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเราไม่มั่นใจว่าระหว่างที่เราไม่อยู่ที่นี่ ท่านพี่จะส่งพวกองครักษ์มาเยี่ยมคนของพวกเราหรือเปล่า”

ผู้พันฟาเรลล์ไม่อาจไว้ใจเชษฐาได้ เพราะบ่อยครั้งที่ประชาชนในแคว้นมารีน และลูกน้องของเขา ถูกคนของเชษฐาลอบกัด และจู่โจมโดยไม่ได้ตั้งตัว

“ครับผู้พัน พวกเราทุกคนรู้ตัวว่าจะต้องระวังองครักษ์ของท่านชีค ที่ทำตัวเป็นหมาลอบกัด ลอบเข้ามาทำร้ายพวกเราตลอดเวลา” ผู้หมวดซารุสรับคำเสียงเข้ม

“ผมจะไม่ยอมให้ชีคอัลซา มีโอกาสทำเช่นนั้นอีก”

น้ำเสียงของผู้หมวดอาดีลเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันแน่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว ลูกเมียของเขาถูกองครักษ์ของชีคอัลซาฆ่าตาย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรชีคอัลซาผู้มีจิตใจอำมหิตได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าองครักษ์ของพระองค์ทำลายหลักฐานทุกอย่างในที่เกิดเหตุ ทว่าเขาและผู้พันฟาเรลล์ต่างก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร!

ผู้พันฟาเรลล์ตบลงไปบนกว้างของผู้หมวดอาดีล เพื่อเป็นการให้กำลังใจ พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่ต่างจากการให้สัญญาว่า

“เราจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับคนของเราอีก”

“ใช่ ผมเห็นด้วยกับผู้พัน ผมจะปกป้องคนของเราด้วยชีวิตของผมเอง”

“ขอบคุณผู้พันมากนะครับ”

ผู้หมวดอาดีลเอ่ยขอบคุณผู้บังคับบัญชา ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมานาน

“ขอบใจนายมาก ซารุส”

ผู้หมวดซารุสฉีกยิ้มให้กับเพื่อน ก่อนจะหันไปเอ่ยถามในสิ่งที่เขา และผู้หมวดอาดีลต่างก็เคยได้ยินมา

“ผู้พันครับ ผมพอจะรู้มาว่าท่านชีคอัลซา มีรสนิยมในเรื่องเซ็กค่อนข้างซาดิสต์ นาง

บำเรอถูกทรมานจนตายไปหลายคนแล้ว ผู้พันแน่ใจหรือครับว่าจะส่งผู้หญิงคนนี้ให้กับท่านชีค”

“นั่นนะสิครับ คิดๆ ไปก็น่าสงสารเธอนะครับ ผู้หญิงคนนี้คงต้องตกนรกทั้งเป็น หากต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชีคอัลซา

ผู้พันฟาเรลล์ถอนหายใจยาว ใช่ว่าเขาจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่เขาจำใจต้องปฏิบัติภารกิจที่ได้รับคำสั่งมาจากเชษฐา

“เรารู้ว่าไม่ถูกต้อง ที่จะลักพาตัวผู้หญิงคนนี้มาเป็นเครื่องสังเวยให้กับท่านพี่ เพื่อแลกกับแผ่นดินแคว้นมารีน แต่เราไม่มีทางเลือก ถือซะว่าเป็นความโชคร้ายของเธอก็แล้วกัน”

“ผมภาวนาให้เธอมีชีวิตรอดกลับไป”

“ผมก็ขอภาวนาอีกคน”

ทั้งผู้หมวดอาดีลและผู้หมวดซารุส ต่างก็เกิดอาการสงสารหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย ไม่ใช่มีแค่เพียงผู้หมวดทั้งสองเท่านั้นที่สงสารหญิงสาวผู้นี้ ผู้พันฟาเรลล์เองก็ถูกอาการเหล่านี้เล่นงานไม่แพ้กัน

“เราก็ได้แต่ภาวนาให้เธอรอดปลอดภัย ไม่ต้องตกเป็นอาหารของอีแร้งกลางทะเลทราย เหมือนพวกนางบำเรอคนอื่นๆ”

ผู้พันฟาเรลล์และลูกน้องทั้งสองต่างก็ภาวนาเช่นนั้น แม้ต่างก็รู้สึกผิดที่เป็นคนส่งหญิงสาวจากแผ่นดินไทยให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของชีคอัลซา แต่! ผู้พันฟาเรลล์ก็จำใจทำในสิ่งที่ตนเองไม่อยากลงมือแม้แต่นิดเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel