ตอนที่ 6 : รั้น 3
พอนางพิไลได้รู้ความจริงอีกคน เลยกลายเป็นความกระอักกระอ่วนใจกันไปทั้งบ้าน จากวันนี้ไปนำทัพให้คนเฝ้าตามดูเพชรกล้าทุกฝีก้าว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ทัน ไม่ทำอะไรผิดแผกไปจากปกติเลย
หลายวันต่อมา
“พี่เพชรนะพี่เพชรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ ผู้หญิงมีเป็นร้อยทำไมต้องเป็นเทียนด้วย” พาเพลินเอ่ยถึงน้องสาวของนำทัพ คนที่ใคร ๆ ก็ยกให้เป็นคุณหนูจอมหยิ่ง แล้วยังชอบเหยียดคนจนอีกด้วย
“บ่นจริงนะเรา เป็นน้องหรือแม่กันแน่ เก็บของเสร็จหรือยังพี่จะได้ไปส่งที่ขนส่ง” เพชรกล้ามองน้องสาวที่สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างภาคภูมิ พาเพลินเหมือนมาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำ
“พี่เพชรไม่คิดไปเรียนกับเพลินเหรอ พี่เพชรมีเงินแล้วนี่ไปเรียนต่อได้สบาย ๆ เลย”
“ไม่เอาล่ะพี่ไม่อยากเรียนแล้ว”
“ถ้าไม่อยากเรียนก็ไปหางานทำที่โน่น ไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก็ได้นี่พี่เพชร” แม้จะคุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้ว แต่พาเพลินก็ยังอยากชักจูงใจพี่ชายดูอีกหน
“ไม่ล่ะ พี่ไม่อยากเข้าไปเจอความวุ่นวายในเมืองกรุง ไปถึงก็โทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ที่ผ่านมาสองพี่น้องอยู่แบบพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก เพชรกล้าเชื่อใจในตัวน้องสาวคนนี้เป็นอย่างมาก พาเพลินจะไม่มีวันทำตัวให้เขาต้องรู้สึกเป็นห่วง
“พี่เพชรก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ อย่าไปทำอะไรให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเข้าล่ะ เพลินอยากเห็นพี่ชายตัวเองมีชีวิตรอดปลอดภัยไปนาน ๆ” ท้ายประโยคนั้นออกแนวประชดประชันเล็กน้อย
“ห่วงพี่หรือห่วงไม่มีคนจ่ายค่าเทอมกันแน่ยัยเพลิน”
“แน่นอนค่า ว่าต้องอย่างหลัง” หญิงสาวยิ้มทะเล้นใส่พี่ชาย ซึ่งเขาก็ขำเสียงดังก่อนยกมือขึ้นยีผมน้องสาวแรง ๆ
“แล้วคุณแทนเขายังหาเรื่องพี่เพชรอยู่อีกไหม” คนเป็นน้องสาวอดที่จะถามไม่ได้
“ทำไมถึงรู้ว่าเขาเป็นคนทำล่ะ” เพชรกล้านิ่วหน้าเพราะเขาไม่เคยบอกน้องสาวมาก่อน
“เพลินได้ยินเทียนคุยตรงทางเดินที่โรงพยาบาลน่ะ”
“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก น้องเทียนเขาไปคุยกับพี่ชายแล้ว เห็นว่าคงไม่มายุ่งกับพี่อีก”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ไม่ต้องห่วงหรอกเพลิน ถ้าจะมีคนเอาเรื่อง ควรเป็นพี่สิไม่ใช่มัน พี่ถูกทำร้ายร่างกายนะ” เพชรกล้าเล่าไม่หมด ความจริงแล้วนำทัพโทรมาขู่เขา ถ้าไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ ให้เลิกกับน้องสาวของเขาเสีย
‘ถามตัวเองเถอะครับคุณแทน ว่าพวกคุณกล้าไปแจ้งความจริง ๆ เหรอ’
‘ไอ้เพชรมึง !’
‘เอาเป็นว่าต่อจากนี้ คุณห้ามมาหาเรื่องผมอีก แล้วผมจะไม่เอาเรื่องคุณ’
บทสนทนาจบลงตรงนั้น เพชรกล้าคิดว่าพวกนั้นไม่กล้าแจ้งความจับเขา ในข้อหาพรากผู้เยาว์อย่างแน่นอน เพราะดูแล้วนับดาวจิตใจอ่อนไหวอยู่ไม่น้อย คงจะยอมรับเรื่องเสียหายแบบนั้นได้ยาก เขาคบกับหญิงสาวมาได้ระยะหนึ่งพอจะรู้จักนิสัยใจคอกันอยู่
“เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วพี่เพชร เพลินค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย” พาเพลินรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง ที่เห็นพี่ชายของเธอกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยที่นำทัพไม่ได้มาหาเรื่องอย่างที่เขาเคยขู่เอาไว้ แค่นี้เธอก็เบาใจพอจะไปศึกษาหาความรู้ต่อได้ อย่างไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก
พาเพลินต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิด ที่อยู่ในจังหวัดขนาดเล็ก ชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ เพื่อเข้าไปศึกษาหาความรู้ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ หญิงสาวมีเพื่อนจัดการเรื่องที่พักในหอหญิงให้เรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องยืนกอดกันในวันจากลา พี่ชายส่งน้องสาวขึ้นรถไปพร้อมแววตาแห่งความยินดี อย่างน้อยเขายังสามารถส่งน้องสาวให้เรียนสูงกว่าตัวเองได้
พาเพลินได้เข้าไปพักอยู่ในหอหญิง โดยมีเพื่อนร่วมห้องจากโรงเรียนเดียวกัน ทั้งคู่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันได้แต่คนละคณะ ดาหลาติดคณะวิทยาศาสตร์ ส่วนพาเพลินติดมนุษยศาสตร์ ชีวิตของนักศึกษาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พาเพลินใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป มีเพื่อนใหม่มีหนุ่มมาตามจีบบ้าง ชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
“แหม ๆ เพลินอ่านไลน์แล้วยิ้มแบบนี้ หนุ่มที่ไหนน้า” ดาหลาแสร้งชะเง้อคอ เข้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเพื่อน เลยถูกอีกฝ่ายผลักออกแบบแรง ๆ
“หยุดเลยดาหลา อ่านหนังสือของตัวไปเลย” หญิงสาวพลิกตัวเป็นนอนหงาย แล้วอมยิ้มให้โทรศัพท์มือถือ
“อะไรยิ้มแบบนั้นเหมือนคนบ้าเลยยัยเพลิน”
“อ่านนิยายอยู่ อย่ากวนได้ไหม พระเอกนางเอกกำลังด่ากันอย่างเมามัน”
“โธ่ นึกว่าอะไร ที่แท้ก็แค่อ่านนิยาย” ดาหลาบ่นเบา ๆ ก่อนขึ้นเตียงนอนของตัวเอง แล้วหยิบหนังสือวิทยาศาสตร์ออกมาอ่าน
“ฮะ ๆ” เสียงหัวเราะเบา ๆ กับการอมยิ้มไม่ยอมหยุด ของพาเพลิน สร้างความรำคาญใจให้เพื่อนร่วมห้องเป็นอย่างมาก
“อ่านแต่นิยายไร้สาระอยู่นั่นแหละยัยเพลิน เบา ๆ ได้ไหมมันรบกวนดาหลานะ”
“โทษที ๆ บทมันกำลังสนุกเลยอดขำไม่ได้ ว่าแต่เมื่อกี้ว่าเพลินไร้สาระเหรอ” พอนึกถึงเรื่องนี้พาเพลินก็ทำตาดุ ๆ ใส่เพื่อน
“ก็จริงนี่ไร้สาระมาก เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า” ดาหลาขยับแว่นตาอันหนาเตอะของตัวเองก่อนบอกเพื่อน
“ชีวิตมันต้องมีสาระอยู่ตลอดเวลาเลยรึยังไงดาหลา สอบก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้มันช่วงพักผ่อน ที่เพลินทำอยู่นี่เขาเรียกอ่านเพื่อความบันเทิงรู้จักไหม” พูดเรื่องนี้ทีไรต่อปากต่อคำกันยาวเหยียดทุกที
“โอ๊ย ทำไมต้องซีเรียสด้วยนี่ ดาหลาใส่หูฟังก็ได้เบื่อจะทะเลาะกับเพลินแล้วเนี่ย” สุดท้ายดาหลาก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ เพราะไม่อยากมานั่งทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ว่าต่อให้ทะเลาะกันหนักแค่ไหน ทั้งคู่ก็ไม่เคยคิดแยกห้องกันอยู่เลย อาจเพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมปลาย รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วนั่นเอง
สีหน้าบึ้ง ๆ งอ ๆ ของดาหลา ทำให้พาเพลินต้องวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงนอน
“เพลินขอโทษ หยวน ๆ น่าดาหลา” หญิงสาวเดินไปฉีกยิ้มง้อเพื่อนถึงเตียงนอนของเจ้าตัว
“ก็ได้” ดาหลาอมยิ้มในทันที อย่างน้อยเพื่อนของเธอก็ง้อคนเป็น จากนั้นทั้งคู่ก็เปลี่ยนใจเป็นการเปิดทีวีดูหนังด้วยกัน
สองปีต่อมา
ขณะที่พาเพลินมีชีวิตที่ดีกับเพื่อนที่ดี ตรงกันข้ามกับคนดื้อรั้นเอาแต่ใจอย่างนับดาว ชีวิตรักกับการเรียนในปีแรกเป็นไปอย่างชื่นมื่น พอปลายปีที่สองเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผลการเรียนตกต่ำแทบทุกวิชา ทั้งยังละเลยไม่ส่งงานอาจารย์ ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงหญิงสาวเป็นอย่างมาก ระยะหลังนับดาวมักจะเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ค่อยออกมากินข้าวกินปลา แววตาก็หมองหม่นจนน่าสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของหญิงสาวในตอนนี้
“มีอะไรแทน” นายพิทักษ์ถามหลานชาย เห็นนั่งทำหน้าเครียดจัด หลังมานั่งรวมกันดูทีวีในห้องนั่งเล่น
“นั่นสิลูก ทำหน้าแบบนี้แม่ใจคอไม่ดีเลยนะ” นางพิไลมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน
นำทัพมองหน้ามารดาทีผู้เป็นตาที เขาเก็บงำเรื่องนี้มานานจนแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว ก่อนหน้ายังพอรับได้บ้าง มาปีนี้แหละที่ทุกอย่างมันเลยเถิด และส่งผลกระทบกับน้องสาวของเขาตรง ๆ
“นี่ครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบรูปถ่ายที่อยู่ในซองสีน้ำตาล ออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะ เป็นรูปที่เขาให้คนตามดูเพชรกล้า พบว่ามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวมากหน้าหลายตา ทั้งยังเกี่ยวข้องกับคนค้ายาเสพติดรายใหญ่อีกด้วย
“แบบนี้ไม่ได้แล้วนะพ่อ ปล่อยให้เทียนคบหาคนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด” นางพิไลหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูทีละใบ ก่อนจะบอกบิดาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“พ่อเองก็คิดว่าเราต้องคุยกับเทียนแบบจริงจังแล้วล่ะพิไล อนาคตไอ้นี่มันต้องลากเทียนลงเหวตามมันไปแน่ ๆ” นายพิทักษ์เห็นด้วยกับลูกสาว พร้อมคาดการณ์อนาคตของหลานสาว ในแง่เลวร้ายไว้ก่อน
“เทียนจะรับได้ไหมครับตา ผมกลัวจะอาละวาดบ้านแตกอีก” นำทัพกุมขมับกับปัญหาของน้องสาว นับดาวเหมือนตุ๊กตาเคลือบแก้วเปราะบาง แตะนิดกระทบหน่อยก็พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ หลายปีที่ผ่านมาที่บ้านช่วยกันประคับประคองมาอย่างลำบากยากเย็น กว่าจะผ่านพ้นช่วงเลวร้ายมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย