จีบเมียเก่า

รักร้อนมาเฟียร้าย
เพียงแค่ต้องการหารายได้พิเศษเพิ่มเพื่อจ่ายค่าเทอม "นิศา" นักศึกษาปีสุดท้าย ต้องจำยอมมาทำงานในผับตามคำแนะนำของเพื่อน ใครเลยจะรู้ว่า เพียงแค่คืนเดียวชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเธอได้เจอกับเขา "ลูคัส" มาเฟียหนุ่มรูปหล่อเจ้าของผับ ..จากที่เขาไม่คิดจะสนใจ แต่ทว่าเขากลับติดใจในรสรักคืนแรกของเธอ นิศาสาวน้อยวัยใส ...จากที่เขาตั้งใจจะหักห้ามใจ กลับยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นไม่รู้ตัว

สักวารัก อาบแผ่นดิน
การทะลุมิติคราหนึ่งของเฟิ่งหมิงชี กลายเป็นจวิ้นจู่ผู้มีโฉมหน้าอันอัปลักษณ์ซ้ำยังไร้ความสามารถแห่งเป่ยฉี แต่ปางก่อน เป็นคุณหนูผู้เอาแต่ใจ อาศัยบารมีของพ่ออยู่เหนือกว่าคนอื่น ถูกบังคับให้แต่งงานกับเทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งเป่ยฉี ไม่คาดว่า จะมีวันนี้ ตระกูลล้ำละลาย จากที่เคยอยู่ที่สูงตกต่ำลงมาอย่างไม่เหลืออะไร นังดอกบัวขาวอยากคิดทำลายชื่อเสียงและเกียรติยศนางอย่างไม่เหลือชิ้นดี?วงศ์ตระกูลตกต่ำใครใครก็รังแก?ครอบครัวก็ต้องช่วยเกื้อหนุน ความแค้นก็ต้องชำระ อำนาจจักรพรรดิข่มเหงข้า เขาเกิดใหม่มาอย่างสมบูรณ์แบบ แบบที่เอื้อมไม่ถึง แต่ชายผู้ที่ว่าเฉยเมยไม่สนใจนาง กลับตามนางมาตลอดทางจนถึงตอนเหนือ ขวางนางเอาไว้:“น้องหญิงชี เจ้าลืมของ” เฟิ่งหมิงชี:“ไม่มีนี่” มู่หรงเซียว:“มีสิ เจ้าลืมข้าเอาไว้ และยังมี......” พอสิ้นเสียง ข้างหลังผู้ชายก็มีหนูน้อยน่ารักผิวขาวอมชมพูสองคนโผล่ออกมา “ท่านแม่ ยังมีพวกเราจ้ะ” เฟิ่งหมิงชี:“……”

แค้นรักเมียเก่า
ยิ่งเกลียด..ยิ่งรัก.. เธอหนีฉันไปโดยไม่ล่ำลาสักคำ ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับ ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ยังจะมาร้องขอความเห็นใจและการให้อภัยจากฉันอีกหรอ..ไม่มีทาง และถ้าฉันจะเอาคืนให้เธอต้องทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างฉันบ้าง.. อย่าร้องแล้วกัน เรื่องนี้เป็นนิยายลำดับที่ 2 ของนิยายเซต 4 หนุ่มทาสรัก 1 หลงรัก เมียจำเป็น 2 แค้นรัก เมียเก่า 3 คลั่งรัก เมียขัดดอก 4 เผลอรัก เมียชั่วคืน

Bad Love ของหวงคาสโนว่า
ความเข้าใจผิดทำให้เขามีค่ำคืนอันเร่าร้อนกับเธอ..และเขาจะถือว่าเธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตาม และของที่เป็นของเขา จะไม่มีวันปล่อยให้ใครหน้าไหนได้เชยชมทั้งนั้น..อย่าฝันจะเป็นอิสระ ******************************* เรื่องนี้เป็นนิยายลำดับที่ 2 ของนิยายเซตทายาทมาเฟีย 1. Hot Love ของรักท่านประธาน 2. Bad Love ของหวงคาสโนว่า 3. Forbidden Love ของต้องห้ามทายาทมาเฟีย

Mr. Coldman รักร้ายของนายเย็นชา
หมับ~ “…” อะไร…วะเนี่ย หมับ~ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ไม่ใช่สิแต่ต้องเน้นเลยต่างหากว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับ...ก้นฉัน! ฟรืบ~ OoO! ใคร...ใครมาลูบก้นมิ่น! ฉันยืนสั่นอยู่ในบีทีเอสประเทศไทยที่ตอนเช้าอัดแน่นกันเป็นลูกอ๊อดที่ถูกอัดอยู่ในถุงสูญญากาศ นี่แทบจะเรียกกว่าหายใจรดต้นคอไม่ได้แล้ว เรียกว่าหายใจรดรูขุมขนของเชื้อแบคทีเรียที่เกาะตามผิวหนังยังจะเห็นภาพได้ชัดกว่า! ฟรืบ~ มะ มันเริ่มลูบอีกแล้ว มาอีกแล้วค่ะ ลูบแล้วก็เริ่มนวดด้วย ฮื่อ~ ฮื่อ ๆๆ แม่จ๋าพ่อจ๋า ปู่ย่าตายายญาติสนิทมิตรสหายทุกคนช่วยมิ่นด้วย มิ่นโดนจับก้น! T^T “ชะ...” หมับ! กำลังจะร้องขอความช่วยเหลือแต่มือที่กำลังเริ่มจะบีบก้นก็ผละออก สงสัยได้แค่เสี้ยววินาทีคิดว่าโรคจิตมันตกใจเสียงฉันเลยรีบเอามือออกแต่ที่ไหนได้มีคนจับออกนี่เอง “เฮ้ย! ทำอะไร?” ขวับ! ฉันหันไปมองพลเมืองดีที่มาช่วยแต่ไม่ใช่เลยค่ะ ไม่ใช่พลเมืองดี นี่มัน...เนื้อคู่ชัด ๆ -///- เนื้อคู่ไม่ได้อยู่ประตูถัดไปแต่อยู่ในโบกี้เดียวกันแถมยังมาในเวลาที่มิ่นต้องการฮีโร่ขี่ แต่ฮีโร่ของมิ่นไม่ได้ขี่ม้าขาวนะคะ ฮีโร่ของมิ่นขึ้นบีทีเอสต่างหาก หล่อ เขาหล่อมาก หน้าหล่อ เสียงหล่อ น้ำใจก็ยังหล่อ หล่อมากเลยค่ะคุณขา หล่อแบบที่มิ่นพร้อมถวายตัวให้เลย >///< “ว่าไง ทำอะไร จับก้นผู้หญิงเหรอ?” เสียงเขาดึงฉันออกจากภวังค์ความหล่อ นี่ไม่ใช่เวลามาหลงความหล่อนะขมิ้น! จับไอ้โรคจิตก่อน! ดูสิคนในโบกี้หันมามองกันเต็มเลยแกอย่าเพิ่งทำหน้าเคลิ้มหลงใหลความหล่อให้อายคนนะขมิ้น “เอ่อ...ปะ เปล่านะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ฉันเห็นหน้าไอ้โรคจิตแล้ว หน้าตาดีนะคะแต่สันดานโคตรแย่ “ไม่ทำอะไรก็เห็นอยู่” “บ้าเหรอผมไม่ได้ทำอะไร รถแน่นคนเบียดกันขนาดนี้มันก็ต้องมีโดนกันบ้างล่ะน่า” “เหรอ? ถ้างั้นไปคุยกับตำรวจดีกว่า อาการแบบคุณผมว่าตำรวจสอบไม่นานหรอก รีบไหมครับ” เขาคุยกับไอ้โรคจิตแล้วหันมาถามฉัน อาการขมิ้นคนนี้เลิกลั่กยิ่งกว่าตอนโดนจับก้นซะอีกค่ะ “เอ่อ...ต้องรีบไปสอบค่ะ” “โทรบอกอาจารย์ เอาหลักฐานไปให้ดูแล้วขอสอบนอกรอบ” “คะ?” ก็ ก็น่าจะได้นะ มั้งนะ แต่ก็คงได้ล่ะ แต่ก็ไม่รู้จะขอได้ไหม แต่ก็คงได้แหละ “อยู่ม. A ถูกไหม?” “ค่ะ” เขาเห็นเข็มมั้งคะ มหาลัยฉันเป็นมหาวิทยาลับชื่อดังระดับต้น ๆ ของประเทศเลยนะ “คณะอะไร” “อัก อักษรศาสตร์ค่ะ” “วิชาของใคร” ถามเพื่อ? ตอบไปแล้วพี่จะรู้จักคณาจารย์ในคณะของหนูรึไงคะ -_-! “ของอาจารย์ประวิทย์ค่ะ” สงสัยนะแต่ก็ยังตอบออกไป “อ่อ โอเคถ้างั้นเดี๋ยวผมจัดการให้ คุณไปโรงพักกับผมแล้วก็ไอ้นี่ก็พอนักศึกษา” ...นักศึกษา อาจารย์เหรอ? ใช่เหรอคะ? มหาลัยฉันมีอาจารย์หล่อที่ไม่ถูกบอกต่อด้วยเหรอ ไม่จริงอ่ะ... -เวลาต่อมา- “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหนูคงแย่” ฉันกับเขาที่ได้รู้ตอนเขาบอกตำรวจว่าชื่อ คุณปกป้อง เดินออกมาจากโรงพกพร้อมกันฉันก็ยกมือไหว้ขอบคุณเขาทันที ชื่อปกป้องแถมยังปกป้องผู้หญิงได้ดีสมชื่อ เขาเกิดมาเพื่อเป็นสุภาพุรุษแบบที่หลายคนตามหาชัด ๆ “ไม่เป็นไร คราวหลังก็ระวังตัวดี ๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกวัน ถ้าเดินอีกก็อย่ากลัวอย่าปล่อยให้มันลวนลาม โวยวายหรือไม่ก็ด่าออกมาเลย” “หนูก็อยากด่านะคะ แต่ตอนนั้นมันตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก” “ก็จำไว้เป็นบทเรียน เอาล่ะเสร็จธุระแล้วก็รีบไปสอบเถอะเดี๋ยวอาจารย์ดุ” “จริงด้วย! หนูลืมไปเลย ว่าแต่ที่คุณบอกว่าคุณจะจัดการเอง / ผมโทรบอกอาจารย์ของคุณให้แล้ว ไปเถอะไม่ต้องห่วง” ท่าทางเขาจะดูออกว่าจะถามอะไรถึงได้พูดแทรกออกมา แถมยังยิ้มให้ด้วยนะ เป็นรอยยิ้มให้กำลังใจที่ทำให้ใจมิ่นฟูมากเลยค่ะคุณขา -///- “คุณ...เป็นอาจารย์ที่มหาลัย หนูไม่เคยเห็นเลย” ก่อนที่เราจะจากกันฉันก็เอ่ยปากถามในสิ่งที่สงสัย คุณปกป้องของขมิ้นก็ยิ้มอ่อนโยนให้ทันที “กำลังจะเป็น คงได้เจอกันนะ...นักศึกษา” ใช่จริง ๆ ด้วย คำว่ากำลังจะเป็นแสดงว่าเขาเป็นอาจารย์ใหม่สินะ “...ค่ะ” คงได้เจอแล้วหนูก็หวังว่าเราจะได้เจอกันบ่อย ๆ นะคะ...อาจารย์ >///< ฉันลาเขา ยกมือไหว้เขาอีกครั้ง อยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้แต่ก็ดูท่าทางเขาจะมีธุระเหมือนกันเลยไม่ได้ทิ้งคอนแท็คอะไรไว้เพื่อสานสัมพันธ์ต่อ เอาเถอะคุณเขาบอกว่ากำลังจะเป็นอาจารย์แถมยังบอกทิ้งท้ายเองว่าคงได้เจอกันนะนักศึกษา นั่นก็หมายความว่าต้องได้เจอแน่ ๆ ฉันเลยไม่ได้ทอดสะพานอะไรอีกเพราะทำอาหารไม่เก่งซะด้วยสิ อีกอย่างฉันก็ถือคติ...คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก ^^ ...ถ้าเราคู่กันสักวันอาจารย์จะเดินเข้ามาหาหนูเอง ^^ เซย์ไฮนะคะ ฉันลืมแนะนำตัวไปใช่ไหม ฉันเป็นสาวน้อยนักศึกษาอยู่ปี 2 คณะอักษรศาสตร์ชื่อ ขมิ้น ชื่อน่ารักใช่ไหมคะ ใช่ค่ะใครต่อใครก็บอกแบบนั้นเวลาได้ยินชื่อครั้งแรกหรือรู้จักกันครั้งแรก แต่พอนาน ๆ ไปทุกคนกลับเรียกฉันว่า...มิ่น อีมิ่น หรือ...อีมี้น~ -_-! แต่ช่างเถอะ ชื่อนั้นสำคัญไฉนฉันเชื่อคำนี้มาเสมอเพราะต่อให้ชื่อจะน่ารักแค่ไหนแต่สุดท้ายชีวิตของฉันดันบัดซบบรมตั้งแต่ที่ได้เจอไอ้สำเพ็ง เอ๊ย! ไอ้เส็งเคร็ง ไอ้เส็งเคร็งที่หน้าตาโคตรหล่อแต่สันดานดันอุบาทว์ชาติชั่วอย่างไอ้คนที่ชื่อ...แม็คเวล

SO BAD เพื่อนสนิทร้ายซ่อนรัก
"ต่อไปนี้เรามาคบกันแบบเพื่อนนอนด้วยได้ไหมวะ เอากันสนุก ๆ มีความสุขทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ต้องผูกมัด”

สาวน้อยคืนเดียว ของนายซุป'ตาร์
เมื่อผู้จัดการส่วนตัวคนที่ 12 ของซุป'ตาร์ไร้วินัยอย่างธีร์จุฑา คือคนๆเดียวกันกับสาวน้อยคืนเดียวของเขาเมื่อหลายปีก่อน..ปฏิบัติการทวงของรักจึงเริ่มขึ้น ************************************** “หนาวหรอครับ มิลิน” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ตอนนี้ดาราหนุ่มขยับกายเข้ามาชิดร่างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แขนแกร่งรั้งตัวเธอที่สั่นน้อยๆ เข้าสู่อ้อมกอด แผ่นหลังบอบบางที่มีเพียงเนื้อผ้าบางเบาสัมผัสกับหน้าอกกว้างเปลือยเปล่าของเขาที่หนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้าม ยิ่งทำเอาเธอสั่นเป็นเจ้าเข้า เขากอดกระชับตัวเธอเอาไว้ ลมหายใจร้อนๆ รินรดตรงซอกคอของเธอจากช้าๆ ก่อนค่อยๆ ทวีความแรงและถี่ขึ้นจนเธอสัมผัสได้ “คุณธีร์ ...” ร่างน้อยที่หัวใจกระหน่ำรัวแล้วสั่นเป็นเจ้าเข้า เรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา หวังให้เขาปล่อยเธอ แต่คำพูดอื่นๆ ดันไม่สามารถเปล่งออกมาจากปากได้ สถานการณ์ล่อแหลมนี้น่ากลัวเหลือเกิน “อืมมม นอนเถอะครับ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่ให้ความอบอุ่นน่ะ บอกแล้วไง ถ้าจะทำจะขอ ถ้าไม่ให้ ก็ไม่ทำ” ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คำพูดนั้นไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาสักนิด คนตัวน้อยในอ้อมกอดยังสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ดี ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้หนาว แต่เธอตื่นเต้นที่ต้องนอนร่วมเตียงกับเขาที่ขยันอ่อยเธอต่างหาก หนุ่มหล่ออมยิ้มละมุนที่มุมปาก ยัยจอมเฉิ่มก็คือยัยจอมเฉิ่มวันยังค่ำ ขนาดพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เปรี้ยวจี๊ดเซ็กซี่ขยี้ใจแบบสาวมั่นขนาดไหน สุดท้ายอยู่กับเขา เธอก็คือสาวน้อยปีสามแสนหวานในคืนนั้นอยู่ดี

ชายาตัวร้ายเช่นข้า ท่านอ๋องอย่าคิดหมายปอง
ราชินีแห่งหน่วยพิเศษสมัยปัจจุบันทะลุมิติไปในร่างของคุณหนูใหญ่มู่จิ่วซีแห่งจวนแม่ทัพ อันดับแรกโดนใส่ร้ายป้ายสีว่าคบชู้ เลยถูกขังกรงหมูถ่วงน้ำ ต่อมาเซ่อเจิ้งอ๋องก็ยกเลิกงานแต่งและทำลายชื่อเสียงนางย่อยยับ ใครๆต่างคิดว่าคุณหนูใหญ่จะกลายเป็นคนโง่เขลาจากการโดนประณาม ไม่คิดว่านางจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย จัดการกับอีผู้หญิงไร้ยางอาย สยบอีนังตอแหลทั้งหลาย จับทุ่มไอพวกเล่ห์เหลี่ยมจัด รวมคุมเหล่านักฆ่าทั้งหลาย ทุกท่าไม้ตาย ทักษะเด็ดๆทั้งหลายเอามันออกมาให้หมด ใช้ชีวิตให้มันมีแต่ดีขึ้น สำเร็จในทุกด้าน เซ่อเจิ้งอ๋องเห็นเขาดีเลิศหาใดเปรียบมิได้ รูปลักษณ์งามสง่าอรชรอ้อนแอ้น ตกหลุมอ่อยนางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำเอาใจลุกซู่ “จิ่วซี ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่?” “ถุย!”

Bad Love บอสสุดหื่น
ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายที่เธอด่าในวันนั้น จะกลายเป็นเจ้านายของเธอในวันนี้ หนุ่มหล่ออย่าง เฮียเอริค เจ้าของผับแองเจิล มีความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ (ตรงนั้น) น้องสโนว์ นักศึกษาปีสาม ที่เข้ามาช่วยปลดปล่อยความลับของเขา ————— “โอเคค่ะ นะ หนูจะจ่ายค่าเสียหายให้ ในบัญชีมีอยู่สองหมื่นโอนให้คุณก่อนก็ได้ ไม่ ๆ ขอโอนก่อนหมื่นเก้า ขอเก็บไว้พันหนึ่งเอาไว้ไปเรียน” “คิดว่าเศษเงินหมื่นเก้าพอค่าซ่อมรถ?” “ละ แล้วคุณจะเรียกเท่าไหร่ล่ะ” “แสนหนึ่ง” “บ้าไปแล้ว เงินตั้งแสนหนูจะไปเอามาจากไหน” “เพิ่มข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยอีกหนึ่ง เมื่อกี้เธอทำร้ายฉัน” “ทำร้ายร่างกาย?” “ตรงนี้” เขาชี้ไปตรงเป้า แล้วสายตาของสโนว์ก็ดันเผลอไปมองตามมือเขาจริง ๆ ซึ่งจุดที่เขาชี้อยู่ ขนาดว่ามันอยู่นิ่ง ๆ ใต้กางเกง สแลคสีดำก็เหอะ แต่สโนว์ก็เดาได้ว่าขนาดมันคงไม่ธรรมดา เพราะยังแอบเห็นความตุง ๆ อยู่ตรงนั้น อึก…เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “จะมองอีกนานไหม หรืออยากมองข้างในด้วย”

บำเรอรัก❤️มาเฟียร้าย (เรย์ของพลอย)
เรย์ คาร์เทอร์ เจ้าพ่อมาเฟียร้ายแห่งอาณาจักรคาเทอร์ (เพื่อนรักของหมอกฤษฎิ์จากคุณหมอที่รัก เรย์ของน้องแก้มใส) โคตรโหด โคตรเถื่อน โคตรร้าย มองความรักเป็นเรื่องไร้สาระ แต่กลับมาแพ้ทางให้สาวขี้ยั่วขี้อ่อยอย่างเธอพลอยไพลิน พลอยไพลิน สาวสวย Sexy ขี้ยั่ว ใจถึง กล้าได้กล้าเสีย เธอไม่เคยรู้เลยว่าความกล้าที่นำพาให้เธอเดินเข้ามาในโลกสีเทาของเขา จะทำให้ทั้งตัวและหัวใจของเธอถูกพันธนาการเอาไว้กับผู้ชายที่ชื่อเรย์ คาร์เทอร์อย่างหมดสิ้นหนทางที่จะหลีกหนีไปไหนได้

โฉมงามของอ๋องอสูร
นางตายเพราะโรคมะเร็งและได้เข้าไปอยู่ในร่างขององค์หญิงผู้หนึ่ง และไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกเป็นพระชายาของชินอ๋องผู้ที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจและยังมีอนาคอนดายักษ์เป็นอาวุธที่แสนน่ากลัว!

สตรีร้ายกาจผู้นี้จะเลิกรักท่านเอง!
เสิ่นอวี้หลันมีฐานะเป็นถึงหลานสาวของฝ่าบาท นางมีนิสัยเอาแต่ใจและร้ายกาจ วันหนึ่งนางได้พบมู่หยางโหวที่มาช่วยนางจากคนร้าย . นางตกหลุมรักเขาทันใด นางทุ่มเทรักมู่หยางโหวหมดใจ นางทำทุกอย่างเพื่อได้แต่งให้เขากระทั่งบังคับเขาด้วยสมรสพระราชทาน มู่หยางโหวจำใจต้องรับนางเข้าจวน . แม้จะแต่งงานแล้ว แต่เขาไม่แตะต้องนาง กลับเอาแต่รังเกียจและเห็นนางเป็นสตรีร้ายกาจที่เขาขยะแขยง กระทั่งเขาแต่งญาติผู้พี่ของนางเข้าจวนในฐานะอนุรอง พวกเขารักกันยิ่งนัก และเขายังเข้าข้างญาติผู้พี่และทำร้ายหัวใจของนางอย่างรุนแรงอยู่หลายครา . ในที่สุดเสิ่นอวี้หลันก็ตาสว่างมอบหนังสือหย่าให้เขา แต่มู่หยางโหวกลับแปลกไป เขาตามตอแยนางไม่หยุด มิหนำซ้ำยังงอนง้อขอคืนดี เสิ่นอวี้หลันเกลียดเขานัก ชาตินี้ข้าไม่มีวันให้อภัยท่านเด็ดขาด สตรีร้ายกาจเช่นข้าได้เลิกรักท่านไปแล้ว!

So Long ลารักร้ายผู้ชายสารเลว!
"อื๊อ~ ซี๊ด~ กระแทกแรงๆ เลยค่ะที่รัก อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!" ปัง! "แอล!" "เฮ้ย! เข้ามาทำไมวะ" "ยังกล้าถามอีกเหรอ? ฉันมากกว่าไหมที่ต้องถามนายว่ากำลังทำบ้าอะไร!" "ซี๊ด~ เอากันอยู่ไง ไม่มีตาดูรึไง" "ก็เพราะมีตาดูไง ถึงได้ถาม นายทำแบบนี้ได้ยังไง นายคบกับฉันแต่มาเอากับผู้หญิงคนอื่นนี่นะ!" "ก็เธอไม่ให้ฉันเอา ฉันก็ต้องมาเอากับคนอื่นสิวะรู้แล้วก็รีบออกไปสักที ขัดจังหวะฉิบ"

วันไนท์ควีน
ก่อนหย่า เขาทิ้งเธออย่างกับผ้าขี้ริ้ว "นี่เป็นสัญญาหย่า เธอไสหัวไปซะ!"หลังหย่า เขาพบว่าอดีตภรรยาที่ไม่มีความรู้ความสามารถ อ่อยคนอยู่ร่ำไป จะกลายเป็นยัยสวยออร่าจับ! เธอเป็นทั้งซุปตาร์หญิงตัวแม่ นักออกแบบชั้นนำสากล ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจลับ..... แฮกเกอร์สาวผู้มีชื่อเสียงก้องโลก แถมยังเป็นผู้สืบทอดวิชาแพทย์หัตถ์เทวดาอีก ไม่ต้องพูดถึงคนตามจีบ ต่อคิวยาวเป็นหางว่าวเลยแหละ พลตรีจักรวรรดิ:"หว่านหว่านเป็นภรรยาในอนาคตของฉัน ใครกล้าแตะต้องเธอ เจอดีแน่!"ทนายความมือหนึ่ง:"หว่านหว่านเป็นกฎเกณฑ์ของฉัน!"ไอดอลชื่อดัง:"ขอแค่หว่านหว่านพูดมาคำเดียว ผมจะทำให้ทุกอย่าง โดยไม่มีข้อยกเว้น!"ผู้ชายบ้าที่อยากกลับมากินหญ้าเก่า:"เมียจ๋า ผมผิดไปแล้ว ผมจะทำงานเลี้ยงคุณเอง ดีมั้ยครับ!"เซี่ยหยูหว่านหัวเราะท้องแข็ง ผู้ชายเฮงซวย แกไปใช้ชีวิตเองเถอะ ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นตกใจตื่นทั้งที่ไม่ได้หลับ:วันนี้เป็นวันที่ต้องง้อขอคืนดีภรรยาอีกวัน!

Love My Boss
“ฉันจะไปฝึกงานที่เชียงใหม่นะแก” “ฮะ?” “จริง ๆ” “บ้า~ ที่ฝึกงานไม่มีที่เชียงใหม่ซะหน่อย” “เดี๋ยวก็มี” ขวัญเอยเพื่อนสนิทของฉันพูดขึ้นแล้วยิ้มบาง ๆ แต่ทำไมยัยเอยยิ้มเศร้าจังเลย มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ทั้งคำพูดทั้งสีหน้าทุกอย่างดูแปลกไปหมด “มีอะไรรึเปล่าแก” “...” “เอย แกเป็นไร” ฉันย้ำถามเพราะเพื่อนไม่ตอบแต่เพื่อนมองฉันแล้วน้ำตาคลอแทนทำฉันใจคอไม่ดีทันที “...ฉันท้อง” “อะไรนะ!” “ฮึก!” “เฮ้ย ๆๆ ใจเย็น ๆ เอยอย่าเพิ่งร้อง” ตอนแรกตกใจนึกว่าอำเล่นแต่ร้องแบบนี้ไม่อำแล้วล่ะเรื่องจริงแน่นอน แค่ได้ยินเรื่องเล่าที่ไม่มีรายละเอียดก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันทีเลยมิ้งค์เอ้ย~ “...อย่าเพิ่งบอกใครนะแก ฮึก!” “ไม่บอก ๆ ฉันไม่บอกใครแน่นอน” จะไปบอกใครได้ยังไงเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่จะไปบอกใครเลยลำพังตอนนี้แค่ตั้งสติของตัวเองยังทำไม่ได้ เกิดเรื่องใหญ่กับเพื่อนรักแถมตอนนี้เพื่อนรักของฉันก็เลิกกับแฟนไปแล้วด้วย ตายห่าคุณมิ้งค์คนนี้จะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบใจไหมเนี่ย! -สองอาทิตย์ต่อมา- “แม่คะ” “จ้ะ” “มิ้งค์จะฝึกงานแล้วนะ” “รู้จ้ะ แล้วที่ฝึกงานไกลไหมแม่ว่าจะถามก็ลืมตลอดเลย” “ไกลค่ะ” “เดินทางไหวไหมล่ะลูก ฝึกงานตั้งหลายเดือนไปหาหอใกล้ ๆ อยู่ระหว่างฝึกงานไหม” “ค่ะ ก็ต้องเอาแบบนั้นล่ะค่ะแม่เพราะว่าที่ฝึกงานของมิ้งค์ไกลมาก~” ฉันเน้นคำว่าไกลมากเป็นพิเศษ “มิ้งค์ดูที่พักรึยังล่ะหรือจะให้แม่พาไปดู” “ไม่ต้องดูค่ะแม่ ที่ฝึกงานมีที่พักให้ค่ะ” “จริงเหรอจ้ะถ้างั้นก็ดีสิ ว่าแต่หนูฝึกที่ไหนทำไมสวัสดิการดีจังเลย” “ฝึกที่ไร่สิริภัคดิ์ค่ะ” “ไร่? สำนักงานของไร่เหรอ ชื่อไร่คุ้น ๆ นะเหมือนเคยได้ยิน” แม่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อบริษัทที่ฉันจะไปฝึกงาน “ไร่สิริภัคดิ์ที่เป็นไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของไทยไงคะ มีโรงแรมแล้วก็โรงงานผลิตชาส่งออกแม่น่าจะรู้จักนะคะ เหมือนแม่เคยแท็กมิ้งค์ด้วยนะว่าอยากไปเที่ยวที่ไร่เขา” “อ้อก็ว่าอยู่ชื่อคุ้น ๆ ฝึกที่สำนักงานใช่ไหม ตั้งใจนะยัยมิ้งค์อย่าไปโก๊ะเด็ดขาด” “ค่า~ มิ้งค์ไม่ปล่อยโก๊ะหรอกค่ะแม่สบายใจได้เลย” “แล้วว่าแต่ที่ฝึกงานอยู่แถวไหนล่ะลูก” “...เชียงใหม่ค่ะ” “อะไรนะ?” “เชียงใหม่ค่ะแม่ มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่ค่ะ” “อำแม่เหรอยัยมิ้งค์” แม่ทำหน้าไม่เชื่อแต่ฉันก็ยังมีสีหน้ามุ่งมั่นแน่วแน่เหมือนเดิม จะไม่ให้แน่วแน่ได้ไงก็มิ้งค์มีความฝันที่ทำให้อยากไปมากพอมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้แล้วไปให้ได้ “ไม่อำค่ะแม่มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่กับเอยค่ะ” “...ไกลเลยนะลูก” ยิ่งย้ำแม่ก็ยิ่งอึ้งแต่ฉันก็เข้าใจนะใครจะคิดว่าลูกสาวจะไปฝึกงานไกลถึงเชียงใหม่จริงไหม กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ใกล้เลยนะคะ “ค่ะแม่แต่มิ้งค์อยากไป มีโอกาสก็เลยไปดีกว่า แม่ไม่โกรธใช่ไหมคะ” “ไม่โกรธหรอกจะโกรธทำไมมิ้งค์ไปฝึกงานนี่จ้ะไม่ได้ไปตามผู้ชายซะหน่อย” “...” เจอคำนี้ของแม่เข้าไปแอบสะอึกไปเหมือนกันนะมิ้งค์ “แม่แค่ตกใจแค่นั้น แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะลูก” “...วันจันทร์หน้าค่ะ” “ฮะ!” -หลายวันต่อมา- “เป็นไรแก” ขวัญเอยเพื่อนรักหันมามองฉันที่ขยับตัวหยุกหยิกไม่หยุดมาสักพักแล้ว “ฉันตื่นเต้น” “ตื่นเต้น? ไม่ต้องกลัวหรอกน่าวันนี้ยังไม่ได้เริ่มฝึกงานสักหน่อย” “อื้อ” เพื่อนจะคิดแบบนั้นก็ให้เพื่อนคิดไปเลยดีกว่าค่ะสบายใจทั้งสองฝ่ายดี แต่มันใช่แบบนั้นหรอกค่ะ มิ้งค์ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเรื่องฝึกงานเลยสักนิด “เดี๋ยวไปถึงไร่รับรองว่าความสวยของที่นั่นจะทำแกลืมความตื่นเต้นไปเลยเชื่อฉัน” “นั่นสิเนอะฉันดูรีวิวมาไร่สิริภัคดิ์สวยมากเลยนี่นา” “ใช่แต่ในรูปไม่สวยเท่าของจริงหรอกของจริงสวยกว่ามาก ๆ” ขวัญเอยเพื่อนฉันเป็นหลานสาวของเจ้าของไร่ค่ะ ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเหตุผลก่อนหน้านี้นั่นแหละ ยัยเอยจะท้องโตขึ้นทุกวันเลยเลือกมาฝึกงานในบริษัทของบ้านตัวเองแล้วที่เลือกมาที่นี่เพราะยัยเอยอยากหนีอะไรบางอย่างมา ซึ่งอะไรบางอย่างก็คงไม่ต้องเดาให้ยากหรอกค่ะก็หนีพ่อของลูกมานั่นแหละ ส่วนฉันเป็นห่วงเพื่อนเลยตามมาฝึกงานที่นี่ด้วย แต่นั่นก็แค่หนึ่งเหตุผลนะคะเพราะฉันยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ขอไม่บอกดีกว่า มันเป็นเหตุผลฟลุ๊ค ๆ ที่ทำให้ฉันแอบมีความสุขมากเหมือนกัน “แก” “ว่า” “พี่ชายแกดุไหม” “พี่แทนน่ะเหรอ ไม่ดุหรอกพี่แทนใจดี” “อื้อ” “ทำไมจ้ะกลัวว่าที่เจ้านายเหรอ” “อื้อ ก็ต้องกลัวไหมล่ะแกเล่นจะให้อยู่บ้านเดียวกันกับเจ้านายเลย ถ้าดุฉันอยู่ลำบากแน่ ๆ” “ฮ่า ๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะพี่แทนใจดีมาก~ ที่สำคัญหล่อมากด้วยนะจ้ะ” “โม้รึเปล่า” “ไม่โม้ รับรองถ้าแกเห็นพี่แทนแกจะต้องอยากยื่นใบสมัครเป็นพี่สะใภ้ฉันแน่นอนจ้ะยัยมิ้งค์คนสวยเพราะพี่แทนทั้งหล่อรวยนิสัยดีทุกอย่างดีหมดเลย ดีมากเหมาะเป็นแฟนเพื่อนมาก~” ฉันฟังคำพูดของยัยเอยแล้วก็เบ้ปากใส่เพื่อนที่พรีเซ้นส์พี่ชายตัวเองเต็มที่มาก แต่ฉันก็ไม่เถียงคะนะเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณแทนคุณรองประธานกรรมการของสิริภัคดิ์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาหล่อมากเกินคำว่าหล่อด้วยซ้ำ พูดแล้วอยากเห็นตัวเป็น ๆ เลยแต่ถึงเห็นก็คงไม่รู้สึกอะไรเพราะฉันเคยเห็นคนที่หล่อมากเกินคำว่าหล่อมาแล้ว แฟนขวัญเอยไง รายนั้นก็หล่อมากเกินคำว่าหล่อเช่นกัน แต่หล่อให้ตายยังไงก็ทำได้แค่มองเพราะนั่นคือแฟนเพื่อน แหะ ๆ “อันนี้ไร่อะไรเหรอยัยเอย” ฉันชี้ไปที่ด้านหนึ่งที่เป็นทางเข้าไร่แต่อ่านป้ายได้ไม่ชัดเท่าไหร่ “นี่เหรอ ไร่ชาเหมือนกันนี่แหละแต่ไม่ได้เน้นชาเป็นพิเศษเท่าไร่เรา ทำหลายอย่างข้างในสวยนะเคยเข้าไปตอนเด็ก ๆ ตามคุณลุงไปทำอะไรไม่รู้จำไม่ได้เหมือนกัน” “อ้อ~” ฉันพยักหน้ารับแล้วมองไปที่ป้ายชื่อขนาดใหญ่ของไร่ ...สวยเหรอ เดี๋ยวต้องหาโอกาสเข้าไปดูไร่นี้สักครั้งแล้วล่ะค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะสวยอย่างที่เขาบอกไหม ^^ รถขับผ่านไร่นั้นได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็เลี้ยวเข้าจุดมุ่งหมายของเรา ไร่สิริภัคดิ์ ไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแล้วก็มีโรงแรมที่สวยอลังกาลมาก ๆ อยู่ในนี้ด้วย ที่ที่ฉันต้องฝึกงานและใช้ชีวิตที่นี่ไปอีกสี่เดือน “สวัสดีค่ะคุณเอย” “สวัสดีค่ะคุณมิลิน” พอลงรถหน้าส่วนที่ยัยเอยบอกว่าเป็นออฟฟิตก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก ๆ มาต้อนรับ ใส่ชุดทำงานแสดงว่าเป็นพนักงานที่นี่สินะ เห็นยัยเอยไหว้ฉันก็ไหว้ด้วย “นี่มิ้งค์เพื่อนเอยที่จะมาฝึกงานด้วยกันค่ะ” “ค่ะ ยินดีต้อนรับนะจ้ะ คุณเอยกับเพื่อนไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะคะวันนี้ยังไม่ต้องรายงานตัว” “พี่แทนล่ะคะ” “ไปธุระค่ะ” “อ้อ ค่ะ ถ้างั้นเอยไปบ้านเลยดีกว่า ไปกันแก” ยัยเอยพยักหน้ารับแล้วก็หันมาชวนฉันจากนั้นเพื่อนฉันก็ขึ้นรถเลยส่วนฉันก็งง ๆ แต่แว๊บหนึ่งฉันเห็นผู้หญิงคนนี้แอบทำหน้าไม่สบอารมณ์ไล่หลังยัยเอยนะ “แก” พอรถปิดสนิทฉันก็สะกิดเพื่อนรักทันที “ฉันรู้นะว่าแกจะถามอะไร” “ฮ่า ๆๆ นี่สิเพื่อนรัก แค่มองตาก็รู้ว่าจะนินทาใคร” “เดี๋ยวเถอะยัยมิ้งค์นี่ ไม่ได้จะนินทาสักหน่อย เมื่อกี้คุณมิลินเป็นผู้จัดการทั่วไปของที่นี่” “อ้อเป็นผู้จัดการนี่เองไม่น่าล่ะจัดการให้เสร็จสรรพเลย” ตอนที่เห็นแว็บแรกก็ว่าสวยนะคะแต่พูดออกมาไม่กี่ประโยคก็รู้เลยว่ายัยเจ้นั่นฤทธิ์เยอะแน่นอน แล้ว! ที่สำคัญ! สิ่งที่ฉันรู้สึกไม่เข้าตาที่สุดคือการที่น้องสาวของเจ้าของไร่ถามหาพี่ชายแล้วเจ้แกตอบว่า ไปธุระค่ะ ฮัลโหล~ ไม่ได้จะเบ่งนะแต่ยัยเอยเป็นหลานสาวของเมียประธานบริษัทนะเว้ยเฮ้ย! บอกตรง ๆ นะคะว่าคำตอบของยัยเจ้นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพบเจอคนหวงก้างแล้วหนึ่ง ท่าทางพี่ชายเพื่อนจะฮอตแล้วก็เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ในไร่เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเด็กฝึกงานสวย ๆ อย่างมิ้งค์ที่อยู่บ้านเดียวกันกับคุณแทนคุณจะโดนเพ่งเล็งจากสาว ๆ มากแค่ไหนกันนะไม่อยากจะคิดเลย -_-! “เสียดายเนอะเลยไม่ได้แนะนำให้ว่าที่พี่สะใภ้เจอพี่ชายเลย” “หืม~ เรียกซะ เดี๋ยวเจ้มิลินอะไรนั่นก็มาแหกอกเพื่อนหรอก” “ฮ่า ๆๆ ไม่ใช่แค่คุณมิลินหรอกที่จะแหกอกแกแกเชื่อฉันสิ” “ฉันก็ว่างั้นเพราะฉะนั้นมิ้งค์ขอบายจ้ะเพื่อนรัก” “อย่าเพิ่งพูดแบบนี้รอเจอพี่แทนก่อนสิ” “ฉันไม่ได้คลั่งคนหล่อนะแก ฉันคลั่งคนดีจ้ะคนสวย” “พี่ชายฉันก็ดีไง” “เชียร์เก่งจัง เป็นไรเนี่ยพี่ชายแกหล่อมากจนหาแฟนไม่ได้รึยังไง” “เปล่า~ แค่เห็นแกสวยเลยอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้ อิอิ” “ฮ่า ๆๆ เจ้มิลินนั่นก็สวยไม่เชียร์เหรอจ้ะ” “ไม่เอาอ่ะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจเนอะ เจอหน้าไม่กี่ครั้งก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง” ขวัญเอยยิ้มแห้งฉันเลยขำเบา ๆ จากนั้นรถก็พาเราไปหยุดที่บ้านหลังใหญ่ที่...สวยมาก~ อ้อ! ไร่ก็สวยนะคะ โคตรสวยเลย สวยมาก ๆ เหมือนอยู่ในวิมานไม่มีผิดคิดไม่ผิดเลยที่มาฝึกงานที่นี่ เราสองคนเข้าไปในบ้านแม่บ้านก็พาฉันไปที่ห้องพัก ห้องสวยค่ะแต่เปิดไปที่ระเบียงสวยมากกว่าเพราะเห็นวิวที่มองไปเห็นไร่ตรงหน้าได้ชัดเจน บ้านอยู่บนเนินเขานี่สวยจริง ๆ เลยนะ อิจฉาเจ้าของบ้านจังที่มีบ้านสวยขนาดนี้ส่วนฉันคงได้แค่ฝัน สิบปีคงไม่มีแม้แต่ปัญญาจะซื้อที่ตรงตีนเขา แหะ ๆๆ “อยู่ตรงไหนนะ” ฉันพึมพำออกมาคนเดียวตรงริมระเบียงหลังจากที่ยืนกวาดสายตามองวิวตรงหน้าแล้วหาอะไรบางอย่าง “ตรงนั้นรึเปล่า” น่าจะใช่รึเปล่านะเพิ่งมาถึงเลยยังไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทางเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรหรอกมิ้งค์อีกสักพักเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันนอนพักผ่อนเพราะเพิ่งมาถึงไม่ได้มีอะไรให้ทำจนถึงช่วงบ่ายคล้อยเลยออกมาเดินเล่นส่วนยัยเอยน่าจะนอนอยู่นะคะเลยไม่ได้กวนเพื่อน “สวยจัง” ฉันเดินเล่นมาเรื่อย ๆ ออกจากตัวบ้านเดินลัดเลาะมาตามเนินเขาด้านหลังแล้วมองวิวที่หาซื้อไม่ได้ ธรรมชาตินี่สวยมากเลยเนอะมองตอนไหนก็เพลินตาไปหมด “คิดถึงมากเลยค่ะ” “...” หือ ใครคุยโทรศัพท์กับแฟนแถวนี้? “เมื่อเช้าก็เจอกันแล้วไง” อ้าว! ไม่ใช่เสียงคุยโทรศัพท์นี่คะมีเสียงผู้ชายด้วย “แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ” “เหมือนกันนั่นแหละ” “คุณจะไปรู้อะไร แล้วนี่ยังไงคะไปที่บ้านไม่ได้เลยเหรอ” “ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว” “ก็แค่น้องสาวรึเปล่า พี่ชายจะพาผู้หญิงเข้าบ้านก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย” ฉันไม่ได้แอบฟังนะคะแต่บังเอิญว่าสองคนนี้คุยกันเข้าหูฉันเอง “บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้อย่าเซ้าซี้” เสียงผู้ชายเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาฉันว่าฉันพาตัวเองไปจากตรงนี้ดีกว่ามันดูเสียมารยาทยังไงก็ไม่รู้ ฉันรีบขยับตัวมองซ้ายมองขวาหาทางที่จะเดินไปต่อให้พ้นจากตรงนี้ทันที “อย่าเข้าใจผิดสิคะไม่ได้เซ้าซี้ซะหน่อย ไม่เอาค่ะไม่อารมณ์เสียนะทำงานมาเหนื่อย ๆ อุตส่าห์มาเจอกันตรงนี้ทั้งที มาค่ะเดี๋ยวทำให้หายเหนื่อยดีกว่า~” ทำไมผู้หญิงต้องทำเสียงเซ็กซี่ด้วย ที่นี่มีคนงานในไร่มาพลอดรักกันแบบนี้บ่อย ๆ รึเปล่าเนี่ยไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาก็ช่วยเกรงใจเจ้าของไร่ไม่ได้รึ...ไง แกร็บ~ ขวับ! “ว้าย!” “เอ่อ...” “เธอเป็นใคร!” “คือ...สวัสดีค่ะพี่แทน” “ใครเป็นพี่เธอ? ลงไปก่อน” เขาถามฉันเสียงไม่สบอารมณ์แต่ยังไม่ได้คำตอบจากฉันก็หันไปบอกผู้หญิงคนนั้นที่ฉันจำได้ว่าคือยัยเจ้มิลินให้ลงไปจากการนั่งคร่อมตักเขา “มาทำอะไรของเธอ คิดว่าจะเดินเล่นตรงไหนก็ได้รึไง” ยัยเจ้มิลินขยับตัวลงพร้อมกับต่อว่าฉันด้วยเสียงที่เหวี่ยงมาก อารมณ์เหมือนเจ้านายด่าลูกน้องไม่มีผิด แต่ก็คงจะอย่างนั้นไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงกล้าสั่งให้ยัยเอยไปพักที่บ้านแล้วตอบคำถามของยัยเอยแบบเมื่อกลางวันก็เพราะว่ายัยเจ้นี่ท่าทางจะเป็นว่าที่แม่เลี้ยงของไร่สิริภัคดิ์นี่ไง “ขอโทษค่ะ” ฉันได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วขอโทษนี่ล่ะ ถึงจะเป็นเพื่อนของยัยเอยแต่จะไปมีเพาเวอร์สู้แฟนเจ้าของไร่ได้ยังไงจริงไหมคะ เป็นทั้งผู้จัดการเป็นทั้งแฟนเจ้าของไร่ กินรวบหมดเลยโชคดีเป็นบ้า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” เสียงเจ้าของที่นี่ถามขึ้นฉันก็ยิ่งก้มหน้า หล่อเกินคำว่าหล่อจริง ๆ นั่นแหละแต่น้ำเสียงไม่น่าสบตาคนหล่ออย่างเขาเลย “เพื่อนคุณขวัญเอยที่จะมาฝึกงานที่นี่ไงคะ เด็กเส้นของท่านประธาน” ฉันแค่เด็กติดสอยห้อยตามเถอะไม่ได้เป็นเด็กเส้นอย่ามาแอบแขวะ! “ไปก่อนไป” “...” “ไปสิ” เสียงแข็งจากยัยเจ้นั่นพูดออกมาเหมือนฉันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องทำให้ฉันได้แต่ก้าวขาแล้วเก็บความโกรธไว้ในใจ นี่สินะชีวิตจริงของการเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตของการเป็นผู้น้อย! “ขอผมคุยกับเด็กคนนี้แบบส่วนตัว” ฉันก้าวขาได้ขาเดียวเสียงเขาก็พูดขึ้นทำเอาฉันแทบหลุดขำ นี่เขาบอกให้ยัยเจ้มิลินแฟนเขาไปหรอกเหรอ ฮ่า ๆๆ แอบสะใจมากเหมือนกันนะที่ยัยเจ้นั่นหน้าแตก “คะ?” นี่ยังต้องทำหน้างงอีกเหรอคะเจ้ขา~ “คุณกลับบ้านพักได้แล้ว” “แต่...ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ยัยเจ้มิลินอะไรนี่พูดจบก็เขย่งปลายเท้าทำท่าจะหอมแก้มแฟนเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของแต่อีกฝ่ายมองหน้าเธอนิ่ง สายตาเย็นชาพอสมควรทำให้อีกคนชะงัก ยัยเจ้มิลินหน้าเสียแต่สุดท้ายก็ยิ้มให้เขาแล้วไม่วายหันมามองจิกฉันแล้วเดินไปทางที่ฉันเพิ่งเดินมาพอยัยเจ้นั่นเดินห่างไปไกลฉันก็รีบปรับสีหน้าให้ดีขึ้นแล้วยกมือไหว้เจ้าของที่นี่ให้เป็นทางการ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อมิ้งค์ค่ะเป็นเพื่อนของยัย... / ห้ามบอกเอยเด็ดขาด” “คะ?” ยังพูดไม่จบเลยมือก็ยกไหว้ค้างอยู่เลยเนี่ยแต่เขาก็พูดแทรกซะก่อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งแกมข่มขู่ทำฉันใจไม่ดีขึ้นมา First Impression ของฉันกับเขาโคตรแย่เลยสินะ -_-! “ห้ามบอกเรื่องที่เธอเห็นให้เอยรู้เด็ดขาดไม่งั้นเธอฝึกงานไม่ผ่านแน่นอน” เขาไม่เป็นมิตรกับฉันเลย เพราะอะไรแค่เพราะฉันบังเอิญมาเห็นเขากำลังจะพลอดรักกับแฟนของเขาเนี่ยนะ? แฟน รึเปล่านะ? ไม่หรอกไม่ใช่แน่นอน อาการแบบนี้แอบแซ่บกันชัวร์ “หนู...มิ้งค์ไม่เอาเรื่องใครไปพูดหรอกค่ะโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว” “ก็ดี อย่าให้รู้ว่าเอยรู้เรื่องนี้ก็แล้วกัน” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วเดินผ่านหน้าฉันไปอีกทางทิ้งไว้แค่ฉันที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ก็เห็นยัยเอยเชียร์ฉันอยู่นะ คุยเรื่องพี่ชายก็คุยปกติไม่เห็นจะมีท่าทางเหมือนน้องสาวที่หวงไม่อยากให้พี่ชายมีแฟนเลยแล้วจะต้องกลัวยัยเอยรู้เรื่องนี้จนถึงขั้นขู่จะให้ฉันฝึกงานไม่ผ่านเลยเหรอ? ไม่เวิร์คว่ะมิ้งค์ การฝึกงานที่นี่แม่งไม่เวิร์คแน่ ๆ เพราะมาวันแรกแกก็ไม่เข้าตาคนที่มีอำนาจในนี้ซะแล้วทั้งยัยผู้จัดการตัวร้ายกับเจ้าของไร่หน้าหล่อ “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” #MING END #TANKUN TALK “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” ...ประสาท ผมไม่ได้จะแอบฟังเด็กคนนี้ยกมือไหว้สวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรอกแต่ผมแค่บังเอิญได้ยินเพราะเด็กคนนี้เปล่งเสียงพูดออกมาเองต่างหาก โคตรบ้าเลยว่ะแต่เห็นแบบนี้ก็อดขำไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจอยู่รอหรอกครับแค่เมื่อกี้เดินไปอีกทางแล้วกลัวว่ามิลินจะแอบดักรอขู่อะไรเธอเพราะผมพอจะรู้นิสัยของผู้จัดการของที่นี่ก็เลยเดินย้อนกลับมา ว่าจะเดินนำไปก่อนไปดูให้แน่ใจว่ามิลินไปแล้วแค่นั้นเอง ผมหยุดยืนมองท่าทางของเด็กคนนี้แล้วก็เผลอยิ้มขำแต่แทนที่จะกลับบ้านเธอกลับนั่งลงตรงม้านั่งที่มิลินเพิ่งนั่งคร่อมผมแล้วมองดูวิวจากภูเขาตรงหน้า “คิดถึงแม่มากเลยค่ะ อยากให้มาด้วยจัง” ยัยเด็กนี่ชอบพูดคนเดียวเหรอวะ? มันก็ไม่แปลกที่คนเราจะคุยกับตัวเองแต่ยัยนี่แม่งเล่นพูดออกมาเลยมันก็เลยแปลกกว่าคนปกติทั่วไปที่เขาจะคุยกับตัวเองในใจ “แต่ดีแล้วค่ะที่แม่ไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแม่มาด้วยแล้วมาเห็นภาพบัดสีแบบเมื่อกี้แม่เป็นลมแน่เลย” ??? นี่ผมโดนแอบเหน็บสินะ หึ ๆๆ ท่าทางจะแสบไม่ใช่เล่นแล้วล่ะเพื่อนขวัญเอยคนนี้ ผมปล่อยให้เธอนั่งเล่นต่อแล้วก็เดินอ้อมไปอีกหน่อยจากนั้นก็เดินกลับบ้าน ระหว่างที่เดินกลับก็โทรหามิลินเพื่อเช็คถึงได้แน่ใจว่าเธอถึงบ้านพักของเธอแล้ว “ไงคะพี่แทน” กำลังจะเดินเข้าบ้านก็เห็นคนคนหนึ่ง คนที่อยู่ในใจผมตลอดมาเดินมาทักทายพอดี “ไงเรา เดินทางเหนื่อยไหม” “นั่งเครื่องชั่วโมงเดียวคิดว่าจะเหนื่อยไหมคะ” ขวัญเอยแกล้งถามผมเลยได้แค่ยิ้มก่อนจะมองที่หน้าท้องของเธอที่ตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมานิดหน่อย “รู้ว่านั่งเครื่องแป๊บเดียวแต่ห่วงหลานของลุงไง” ผมพูดจริง ๆ ผมเป็นห่วงหลานในท้อง ตอนที่รู้ว่าขวัญเอยท้องผมทั้งช็อคทั้งเสียใจมากแต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็เริ่มทำใจได้ ก็จะให้ทำใจยังไงในเมื่ออีกคนไม่คิดที่จะกลับมาผมก็คงทำได้แค่ทำใจต่อให้ไม่อยากทำเลยก็ตามแล้วจากนี้ไปก็คงทำหน้าที่พี่ชายคิดไม่ซื่อคอยดูแลเธอกับหลานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ขอบคุณนะคะแต่ไม่ต้องห่วงเลยหลานคุณลุงแทนแข็งแรงดีค่ะ” “หึ ๆๆ เก่งทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ โทษทีนะที่พี่ไม่ได้ไปรับวันนี้มีประชุมด่วนน่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะแต่จะว่าไปก็เป็นนั่นล่ะค่ะ” ขวัญเอยพูดแล้วแอบทำหน้าเซ็งนิดหน่อย “เป็นอะไร มีอะไรเหรอ” “ก็พี่แทนพลาดการไปรับคนสวยน่ะสิคะ เซ็งมาก ๆ น่าจะได้เจอกันตั้งแต่แรกที่มาถึง” “เราหมายถึงเพื่อนเรา?” ผมถามตรง ๆ ขวัญเอยก็ยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ เอยเซ็งมากที่พี่แทนไม่ได้ไปรับเพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่าเพื่อนเอยสวยมาก~ รับรองว่าถ้าเห็นแล้วพี่แทนต้องอยากจองมาเป็นพี่สะใภ้เอยแน่นอน” “หึ ๆๆ พูดอย่างกับพี่เจอคนสวยแล้วต้องอยากได้มาเป็นเมียทันที” ผมหัวเราะส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็สวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกนั่นแหละผมไม่เถียงหรอก “รู้ค่ะว่าเจอคนสวยมาเยอะแต่เพื่อนเอยมีมากกว่าความสวยนะคะ ทั้งสวยแล้วก็น่ารักที่สำคัญนิสัยดีมาก ๆ เลยนะ” “อื้ม” ผมพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้ม สงสัยจะนิสัยดีจริง ๆ ล่ะมั้งเพิ่งพูดคนเดียวแล้วแอบเหน็บผมอยู่เลย “ไม่เชื่อเหรอคะ” “คนเรามีหลายมุมอยู่ที่ว่าอยู่กับใคร อยู่กับเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ถ้าอยู่กับคนอื่นอาจจะไม่ดีก็ได้” “อะไรคะทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ไม่ชอบเพื่อนเอยรึเปล่าเนี่ย” “เปล่า พี่แค่พูดไปงั้นไม่ได้ไม่ชอบอะไรสักหน่อยคนยังไม่เจอกันจะไม่ชอบได้ยังไง พี่แค่จะบอกว่าเรื่องนิสัยมันต้องดูเอง จะให้เชื่อคำพูดคนอื่นเลยมันก็ไม่ได้จริงไหมล่ะ” “ก็จริงค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะเดี๋ยวพี่แทนก็เชื่อคำพูดเอยเพราะเพื่อนเอยเป็นอย่างที่เอยอวยทุกอย่าง นั่นไงมาแล้ว ค่อย ๆ หันไปมองนะคะแล้วอย่าตะลึงในความสวยล่ะ อิอิ” หึ ๆๆ ตลกขวัญเอยว่ะแต่ผมก็ทำตามนะครับ หันไปมองเด็กคนนั้นที่กำลังเดินกลับมาที่บ้านแต่ก็ไม่ได้ตะลึงหรอกจะตะลึงได้ยังไงในเมื่อเพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอสวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกแต่ชื่ออะไรผมจำไม่ได้แล้วตอนนั้นมัวแต่โมโหที่มีคนไปเห็นแล้วก็กลัวว่าเรื่องจะถึงหูขวัญเอยผมเลยลืมสนใจความสวยกับชื่อของเธอไปเลย “เป็นไงคะ สวยใช่ไหมล้า~” เสียงสดใสจากคนข้างหลังทำให้ผมยิ้ม ดีนะที่ขวัญเอยยืนอยู่ข้างหลังเลยไม่เห็นหน้าผมไม่งั้นเธอคงผิดหวังน่าดูที่ผมไม่ตะลึงอย่างที่เธอคิด “อื้ม” “อะไรอ่ะ ตอบแค่นี้เองเหรอพี่แทน” “ก็สวยไงจะให้พูดอะไรล่ะ” ผมหันกลับมามองขวัญเอยส่วนเด็กคนนั้นเมื่อกี้ก็ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อยตอนที่เห็นหน้าผม “ชิส์! มิ้งค์จ๋า~ มานี่เร็วมารู้จักคุณแทนคุณพี่ชายเพื่อนเลย~” ขวัญเอยเรียกเพื่อนของเธอด้วยท่าทางตื่นเต้น นี่คงอยากจับคู่ให้ผมกับเพื่อนรักของตัวเองสินะ หึ ๆๆ ความหวังที่มีแค่ริบหรี่ในใจไอ้แทนดับมอดลงไปแล้วล่ะครับ “สวัสดีค่ะ” ยัยเด็กคนนี้เดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผมอีกครั้ง ก็ดีที่ทำเหมือนเราเพิ่งเจอกันไม่งั้นขวัญเอยถามต่อแน่ว่าเจอกันเมื่อไหร่แล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกตรง ๆ ว่าไม่อยากโกหกคนท้อง “ครับ” ผมยกมือรับไหว้ทำให้คนที่ไหว้ผมเผลอทำหน้ากระอักกระอ่วนใจออกมา อ่าส์! ฉันก็ไม่อยากแกล้งทำเป็นมีมารยาททั้งที่เพิ่งขู่เธอไปเมื่อกี้เหมือนกันนั่นล่ะวะ “พี่แทนคะนี่มิ้งค์คนสวยของเอยเองค่ะ ดูแลดี ๆ นะคะไม่งั้นร้องไห้กลับบ้านตั้งแต่ยังฝึกงานไม่เสร็จแน่เลย” “ครับ ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย” “...ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแทนคุณ” “แก~ ไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิตเรียกธรรมดาก็ได้คุณเคินอะไร” “ไม่ดีกว่าแกเดี๋ยวไม่ชินขอเรียกแบบนี้ดีกว่า” “แต่... / อย่าบังคับเพื่อนเลยเอยเอาตามที่เพื่อนสะดวกดีกว่า หิวรึยังแม่บ้านน่าจะทำอาหารเสร็จแล้วมั้ง” ผมก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้เรียกผมว่าพี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบหน้าแต่ไม่อยากให้เรียกเฉย ๆ หรือถ้าจะเรียกก็คงไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน “โอเคค่ะถ้างั้นไปกินข้าวกันดีกว่าเอยก็เริ่มหิวแล้ว ไปกันแกแม่ครัวที่นี่ทำอาหารเหนืออร่อยมาก~” ขวัญเอยเดินผ่านผมไปเกาะแขนเพื่อนแล้วพาเพื่อนของเธอเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับโม้เรื่องอาหารไปด้วย ผมได้แต่ยืนมองผู้หญิงสองคนที่จะมาอยู่ด้วยอีกหลายเดือน สวยเหมือนกันทั้งคู่แต่นิสัยจะเหมือนกันไหมผมไม่รู้หรอก แต่ต่อให้เหมือนก็ไม่มีทางมีใครมาแทนที่เธอได้เพราะขวัญเอยก็คือขวัญเอย #TANKUN END #MING TALK ...ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ครอบครัวแบบไหนเหรอ ครอบครัวเลือดข้นคนจางเหรอ? ใช่แน่นอนเพราะดูจากยัยเจ้มิลินของเขาแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ...ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย ใครจะไปทำตัวตามสบายได้ถามจริงในเมื่อเจ้าของบ้านเพิ่งขู่คนที่มาขออาศัยไปหยก ๆ ที่พูดเมื่อกี้แค่เอาใจน้องสาวตัวเองเท่านั้นแหละ ท่าทางอีตาแทนคุณอะไรนี่จะเกรงใจน้องสาวตัวเองมากน่าดู เฮ้อ! ท่าไม่ดีตั้งแต่วันแรกแต่ก็ทนหน่อยนะมิ้งค์เอ้ยมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยยัยเอยก็น่าจะคุ้มกะลาหัวแกได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ “แก” ฉันบอกเพื่อนดีไหมนะ “ว่า~” เห็นเพื่อนมีความสุขฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยค่ะ ฉันรู้นะว่ายัยเอยชอบไปแอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวเพราะฉะนั้นเรื่องที่อึดอัดใจเก็บไว้ก่อนก็ได้มั้งมิ้งค์ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนท้องมีสุขภาพจิตดีตอนที่อยู่กับแกเถอะนะ “ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าหิว” “อ้อ ถ้างั้นรีบมาเลยจ้ะมิ้งค์เดี๋ยวเพื่อนพาไปกิน” ขวัญเอยลากฉันให้เดินเร็วกว่าเดิมจนต้องห้ามให้เดินช้าลงเผื่อเพื่อนลืมว่าตัวเองท้องอยู่ พอมาถึงโต๊ะอาหารเจ้าของบ้านก็เดินตามมาฉันถูกจัดให้นั่งตรงข้ามยัยเอย แน่นอนว่าเจ้าของบ้านนั่งหัวโต๊ะและใช่ค่ะฉันกับยัยเอยนั่งขนาบเขาซ้ายขวา เกร็งเป็นบ้าเลยอาหารที่จัดไว้บนโต๊ะน่ากินแต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะกล้ากินเยอะรึเปล่า “น่ากินมาก~ อาหารของที่นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เอยเลือกมาฝึกงานที่นี่เลยนะคะ” “หึ ๆๆ ถ้างั้นก็กินเยอะ ๆ ทั้งคุณแม่แล้วก็คุณลูกล่ะ” “ค่า~” ฉันนั่งฟังสองพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดแต่ดูสนิทสนมกันดีแล้วก็เกร็งไปอีกเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจมหายไปจากโต๊ะอาหารในชั่วขณะหนึ่ง ชิส์! คนก็อุตส่าห์คิดว่ามาแล้วจะต้อนรับกันแบบน้องนุ่งที่ไหนได้ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ก็อุตส่าห์จะฝากตัวเป็นน้องสาวเพราะเห็นเป็นพี่ชายของเพื่อนรักแต่บอกตรง ๆ นะคะตอนนี้ในสายตาฉันเขาเป็นแค่เจ้าของบริษัทที่ฉันมาฝึกงานแล้วฉันก็ต้องวางตัวให้นอบน้อมที่สุดก็เท่านั้น ถ้าคลานเข่าเป็นทาสในเรือนเบี้ยได้ก็คงทำไปแล้ว -เวลาต่อมา- “มาทำอะไรทำไมไม่เข้านอน” “อุ้ย!” ฉันสะดุ้งแล้วรีบหันไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง “ว่าไงทำไมไม่เข้านอน” เสียงเจ้าของบ้านโคตรดุเลย นี่เพิ่งสี่ทุ่มเองนะจะรีบไล่ไปนอนถึงไหน “พอดีเห็นตรงนี้วิวดีค่ะเลยออกมานั่งเล่น” “นี่ไม่ใช่เวลามานั่งเล่น” ฉันพยายามจะสร้างมิตรภาพเพื่อให้ตัวเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ยากลำบากแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ชอบเท่าไหร่ -_-! “...ทราบค่ะ” “ขึ้นนอนซะแล้วคราวหลังอย่าทำอะไรตามใจตัวเองอยากออกไปไหนทำอะไรก็ทำแบบนี้อีก มันไม่ใช่บ้านของเธอ” โห~ อาการออกขนาดนี้ทำไมไม่ให้ฉันไปนอนบ้านพักคนงานล่ะยะไปได้นะแบบนั้นน่าจะสบายใจกว่า “ค่ะ!” ฉันรับคำแล้วเดินหนีเขาทันที เผลอแสดงกิริยาไม่เหมาะสมใส่เขาด้วยนะ ฉันกระแทกเสียงใส่แล้วสะบัดหน้าหันหลังให้เขาทันที “เหอะ! กลัวฉันจะไปเห็นว่าแอบพลอดรักกับผู้จัดการอีกรึไงยะ!”

เล่ห์ร้ายใจปรารถนา Series Follow you heart
ฮันน่าหญิงสาวที่สามารถเลี้ยงลูกแฝดชายหญิงมาได้ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี แต่ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่ออีธานบิดาของลูกทั้งสอง เขากำลังจะใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อให้ได้เธอและลูกกลับคืนไปเป็นคนในครอบครัว ชายหนุ่มจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปอย่างแน่นอน

Mr. Cruel ร้ายรัก
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับเธอเลย ไม่เลยจนกระทั่งถึงวันที่ไม่มีเธออยู่ในชีวิตแล้ว...

พระชายาตำหนักร้างรัก
ตวนอ๋องจำใจต้องแต่งกับข้า ข้ารู้ว่าเขาเกลียดข้า แต่ถึงขั้นต้องส่งบุรุษอื่นมาให้ข้าดูแลปรนนิบัติเลยหรือ... เพื่อความอยู่รอดเสวียนซือชิงจำต้องแต่งกับตวนอ๋องไร้ใจที่ชิงชังนางและบิดาหลังจากถูกทิ้งไว้ในตำหนักร้างนานสามปี วันหนึ่งเขากลับส่งบุรุษอื่นมาให้นางปรนนิบัติดูแล เรียกร้องให้ตอบแทนที่เขายอมแต่งกับบุตรสาวนักโทษประหาร ************ “เหตุใดเจ้าต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เจ้าควรยินดีที่ได้ดูแลข้า ตอบแทนบุญคุณตวนอ๋องที่อุตส่าห์ยอมแต่งกับเจ้าไม่ใช่หรือ” “หากเป็นคำสั่งของท่านอ๋องจริง ข้าจะไม่เอ่ยขัดเลยแม้เพียงครึ่งคำ แต่นี่ท่านเล่นบุกรุกเข้ามา คิดบังคับใจข้า โดยไม่มีหลักฐานอันใดพิสูจน์ได้เลยว่าทุกอย่างที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริง” “ที่แท้เจ้าต้องการหลักฐาน เรื่องนั้นจัดการได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องบังคับใจเจ้า... เสวียนซือชิง เจ้าคิดว่าบุรุษรูปงามเช่นข้า จำเป็นต้องใช้กำลังบังคับจิตใจสตรีใดให้ยินยอมด้วยหรือ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังลั่นตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงไม่แน่ใจว่าเขาเมาสุราหรือขบขันที่ถูกนางกล่าวหาว่าคิดบังคับใจ “แต่ท่านบังคับให้ข้าอาบน้ำให้” “เพราะข้าเหนื่อยเกินกว่าจะอาบน้ำด้วยตนเอง เอาเถิด ในเมื่อไม่เชื่อว่าเรื่องที่ข้าพูดเป็นความจริง คิดว่าอ้างเอาชื่อของตวนอ๋องมาข่มขู่กัน ข้าก็จะให้เจ้าครองตำแหน่งเจ้าของบ้านไปก่อน มีหลักฐานวันใดค่อยมาตกลงกันอีกที และหากเจ้าไม่อยากดูแลแขกเอง ก็จงไปเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติ เติมน้ำให้ร้อนกว่านี้สักหน่อยก็ยังดี” เขาตำหนิเสียงแข็ง ก่อนเดินจากไปโดยไม่สนใจนางเลยสักนิด เสวียนซือชิงมองตามแผ่นหลังของเขา ความมืดมิดทำให้นางมองเห็นอันใดไม่ชัดนัก แต่พอแสงสว่างจากท้องฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางก็พลันกรีดร้องออกมาเบาๆ ไม่แน่ใจว่าตกใจเสียงและแสงที่เกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเพราะช่วงเวลาสั้นๆ นางได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษที่เดินกลับไปห้องอาบน้ำอย่างหน้าไม่อายที่สุด เขาเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงหยิ่งยโสยิ่งนัก!

พัง
ขากดเอวถี่ ๆ ก่อนจะให้อสูรกายตัวร้ายข้างในพ่นพิษอุ่น ๆ ใส่ฉัน จากนั้นเขาก็ล้มตัวนอนข้าง ๆ ไม่เคยกอด ไม่เคยสัมผัส... มันคือเรื่องปกติของผู้บริหารหนุ่ม กับผู้หญิงเบอร์รองหมายเลขสองอย่างฉัน จนฉัน...ท้อง ทุกอย่างระหว่างเราก็เปลี่ยนไป _____________ เอวหนายังทำงานช้า ๆ ก่อนที่มันจะหยุดลง... เราละริมฝีปากออกจากกัน แล้วจ้องตากันอยู่ชั่วครู่... แต่ฉันรีบหลบตา แก้มขาว ๆ เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง "ยังไงดีเมย์..." ฉันไม่ตอบ… เขาก็ยังแช่แก่นกายที่เปียกไปด้วยน้ำรักของเราสองคนไว้แบบนั้น... "ยะ… ยังไงล่ะคะ" ฉันไม่กล้าสบตาเขา... หน้าอกหน้าใจยังคงแนบชิดกับแผงอกแข็ง ๆ ของเขาอยู่... "เมื่อไหร่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ" ฉันยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะหันไปมองหน้าคม ๆ นั้น "เลิกเจ้าชู้แล้วเหรอคะ... ถึงเสร็จเร็ว" "อื้ม ไม่มีนาน พี่ไม่บอกเหรอกว่าเลิกยัง เมย์ดูเอาเองเถอะ..."

อุบายร้ายพ่ายเสน่หา
ชลลัมพี อัครเดชโภคิน ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาอันเย็นชา แกมหยิ่งยโสกับท่าทีเคร่งขรึมแบบนักธุรกิจใหญ่ทีมีนามสกุลผู้ดีเก่าพ่วงท้ายอยู่ ชีวิตนี้ขอรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน แต่ความสุขในฮาเร็มส่วนตัวกำลังจะถูกทำลายด้วยน้ำมือมารดาบังเกิดเกล้าเพราะรับกับข่าวฉาวรายวันของลูกชายบนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ไหว เพราะข่าวล่ามาแรงบนหน้าหนึ่ง ลูกชายตัวดีไปเล่นชู้กับลูกสะใภ้รัฐมนตรี คุณหญิงแม่จึงมีใบสั่งให้เขาแต่งงานด่วนเพื่อลบคำครหา เขาจะต้องหาสะใภ้ที่ดีให้ท่านภายในระยะเวลา1 เดือน ถ้าหากไม่ยอมเลือกผู้หญิงคนไหนมาแต่งงานด้วยท่านประกาศก้าวว่าจะเลือกให้เอง มีข้อจำกัดว่าสะใภ้ของท่านจะต้องไม่ใช่พวกดารา นักร้อง นางแบบรวมถึงพวก พริตตี้เพราะท่านไม่ชอบอาชีพเต้นกินรำกิน ที่สำคัญสะใภ้ท่านต้องมีความเป็นผู้ดี มารยาทดี พูดดี การกระทำดี ถือศิล5 และต้องเคารพแม่สามี ถ้ามีเสน่ห์ปลายจวักด้วยจะดีมาก โธ่! แล้วสะใภ้ที่ดีแบบกุลสตรียุคโบราณที่มารดาต้องการให้หานั้นจะไปหาที่ไหนกัน มันไม่ได้มีให้ซื้อตามซุปเปอร์มาเก็ตแต่เมื่อขยับสายตาไปที่หน้าห้องทำงานเขาก็พบว่าเสปกแบบที่มารดาต้องการนั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเขานี่เอง เลขาสาวสวยวัยใกล้ขึ้นคาน ‘บุษบาบัณ นันทปภากร’ อายุ 32 ปี ที่เขาเรียกเธอติดปากว่า ‘คุณป้า! มนุษย์ป้า! ยัยป้า!’ อันที่จริงเขาอยากจะโละเธอไปทำงานส่วนอื่นนานแล้วและหาเลขาสวยเอ็กซ หน้าตึง อกเด้ง หุ่นเช้งอายุยี่สิบต้นๆ มาทำงานแทนแต่ติดว่าเธอคือเลขาเก่าของแม่และทำงานกับเขามานานที่สำคัญเธอทำงานได้ดีมากโดยเฉพาะเรื่องสับคิวสาวๆ ให้เขา เธอเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป๊ะตามที่แม่ต้องการที่สำคัญเธอจะเป็นภรรยาที่ดีของเขาเพราะบุษบาบัณจะต้องปล่อยสามีอย่างเขากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมหลังการแต่งงาน เขาจะควงสาวสวย เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องแคร์สายตาของเมียแต่งที่บ้าน เพราะโรงแรมและร้านขนมบุษบาพาฝัน ของเธอกำลังย่ำแย่หากไม่มีเงินไปปรับปรุงคงต้องเลิกกิจการของครอบครัวชลลัมพีจึงยัดเยียดข้อเสนอให้เธอพิจรณา เงิน 10 ล้านบาท แลกกับการแต่งงานเพียง 1 ปี แล้วจากนั้นก็ทางใครทางมัน ชลลัมพีกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการของตนแต่เหตุไฉนยัยมนุษย์ป้าหน้าป่วยกลายเป็นสาวสวยเป๊ะเวอร์พร้อมกับเสน่ห์เหลือร้ายขนาดกลายเป็นที่ต้องตาของคอลัมนิสต์ชื่อดังลูกครึ่งไทย – อิตาลี่ ‘อเล็กซานโดร อบาเต้’ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นลูกชายมาเฟียมากอิทธิพลแห่งกรุงโรม อิตาลี่ ชลลัมพีจะทำยังไงเมื่อยิ่งอยู่ใกล้ใจยิ่งแกว่ง ที่ออกตัวเอาไว้แรงแต่แรกว่าเขาไม่เคยอยากเห็นขาอ่อนเธอแม้แต่น้อย เวลานี้เขาอยากจะเห็น อยากจะจับ อยากจะรวบรัด อยากจะใช้สิทธ์คำว่าสามีเสียเต็มที่แล้ว..............
