บทที่ 3 ตอน 1
“เพิร์ล วันนี้อยู่บ้านด้วยเหรอเราน่ะ”
พิชยะเอ่ยถามน้องสาวคนเดียวที่นั่งวาดรูปอยู่ในห้องนั่งเล่น
“วันนี้วันหยุดนะคะ พี่เพชรจะให้น้องไปไหน ว่าแต่พี่เพชรเถอะแต่งตัวหล่อขนาดนี้จะไปไหนคะ”
พัลลภาเอ่ยถามพี่ชายที่อยู่ในชุดลำลองแต่เป็นลำลองที่ดูหล่อเกินกว่าจะคิดว่าเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา
“พี่จะไปมหาลัย มีนัดทำรายงานกับเพื่อน”
พัลลภาเหลือบตามองพี่ชายที่เรียนในคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ
“ปล่อยน้องอยู่บ้านคนเดียวอีกล่ะ”
พัลลภาทำหน้ามุ่ยบ่นพี่ชาย เธอกับพี่ชายอยู่ด้วยกันสองคนเพราะพื้นเพเป็นคนชลบุรี พอมาเรียนหนังสือพ่อกับแม่เลยซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งไว้ให้ พร้อมแม่บ้านคอยทำงานบ้านให้ทุกอย่าง
“ถ้าเหงาก็ชวนส้มออกไปเที่ยวสิ”
พี่ชายแนะนำน้องสาว ทั้งๆที่จริงๆรู้ดีว่าน้องสาวเป็นคนชอบเก็บตัว แค่ได้นั่งวาดรูปก็อยู่ได้ทั้งวัน เพราะชอบวาดรูปและที่บ้านทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์น้องสาวของเขาเลยเลือกเรียนด้านการออกแบบตกแต่งภายในของคณะสถาปัตย์
ในขณะที่เขาเรียนบริหารธุรกิจในสาขาวิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน
“ส้มกลับบ้านค่ะ น้องก็บ่นไปงั้นแหละจริงๆอยู่บ้านก็ดีค่ะ ขี้เกียจออกไปข้างนอกเบื่อรถติด”
พัลลภาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“ตอนเย็นออกไปหาอะไรกินกันไหม”
พี่ชายหันมาถามน้องสาว
“กินอะไรคะ”
พัลลภาลากเส้นลงบนกระดาษอย่างชำนาญ ปากก็คุยกับพี่ชายไปด้วย
“หลังมอมีร้านชาบูเปิดใหม่เห็นเพื่อนพี่ไปกินหลายคนแล้วบอกว่าอร่อย”
พัลลภาทำท่าคิดแป๊บหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ก็ได้ค่ะ แต่พี่เพชรพาเพิร์ลแวะซื้อเค้กที่คาเฟ่ตรงหลังมอด้วยได้ไหมคะ เพิร์ลอยากกินเค้ก”
พัลลภาเงยหน้ามองพี่ชายส่งสายตาอ้อนๆไปให้ เค้กน่ะไม่ได้อยากกินเท่าไหร่หรอก แต่อยากเจอหน้าคนขายเค้กต่างหาก
ตั้งแต่วันนั้นที่เจอเขาที่ห้างเดอะมูน ก็มีโอกาสได้พูดคุยกันทางข้อความบ้าง พัลลภารู้ว่าช่วงประมาณสองทุ่มพี่นัทจะแวะไปดูบัญชีที่คลาสคาเฟ่สาขาหลังมอ
“ได้สิ บ่นว่าอ้วนแต่กินขนมหวานนะเราน่ะ”
พัชระจับศีรษะทุยสวยของน้องโยกเบาๆ
“พี่เพชรอ่ะ ไม่ให้กำลังใจน้องเลย เวลาผู้หญิงบ่นว่าอ้วนเขาอยากได้กำลังใจ ถ้าพี่เพชรมีแฟนแล้วแฟนพี่เพชรบ่นว่าอ้วนพี่เพชรต้องบอกว่าไม่อ้วนหรอกกำลังน่ารัก จำเอาไว้นะคะ”
พัชระอดขำไม่ได้ กับคำบอกเล่านั้น
“ผู้หญิงนี่เอาใจยากจัง อยากฟังคำโกหกมากกว่าความจริง”
พัลลภามองหน้าพี่ชาย ก่อนจะทำหน้าตาแบบคนที่แก่แดดมากๆ ในสายตาของคนเป็นพี่
“แหมคำโกหกหวานๆบางทีผู้หญิงก็ชอบฟังมากกว่าความจริงขมๆนะคะ”
พัชระส่ายหัวอย่างคนที่ไม่เห็นด้วย
“ยัยตัวเล็กจำไว้นะ ผู้ชายปากหวานน่ะมันตอแหล จะคบผู้ชายสักคนให้เลือกคนที่จริงใจ คำหวานมันก็เหมือนน้ำตาลนั่นแหละ กินมากๆก็ใช่ว่าจะดี”
พัลลภามองหน้าผู้เป็นพี่แล้วก็หลุดขำออกมา
“เพราะแบบนี้นี่เอง พี่ชายของเพิร์ลถึงไม่มีแฟนกับเขาสักที หัดพูดหวานๆบ้างนะคะพี่ชายจะได้ขายออกอยู่ตั้งปีสี่แล้ว แฟนสักคนยังไม่มีกับเขาเลย”
หน้าตาดีขนาดนี้ แต่ไม่เคยคบใครเป็นแฟน นี่ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของเขา คงอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายเธอไม่นิยมผู้หญิง
“แหมให้มันน้อยๆหน่อยนะเราว่าแต่พี่ ตัวเองเหอะแอบไปหลงเสน่ห์ผู้ชายปากหวานที่ไหนเข้าหรือยัง”
พัลลภาอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อพี่ชายพูดถึงผู้ชายปากหวาน ไม่รู้สิสำหรับเธอพี่นัทไม่ใช่คนปากหวานสักหน่อย เขาแค่เป็นผู้ชายพูดเพราะต่างหาก
“ไอ้เหี้ยตี๋ มึงจะรีบแดกไปไหนวะ”
คนพูดเพราะที่พัลลภาพูดถึงกำลังเอ่ยคำผรุสวาทกับเพื่อนสนิทด้วยความชินปาก คำหยาบกับเด็กคณะวิศวะอย่างพวกเขาเป็นคำธรรมดามาก คณะที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายจะให้พูดหวานกันสักแค่ไหนกันเชียว
“เอ้าไอ้ห่าก็กูหิว แม่งเอ้ยตั้งแต่เช้ายังไม่แดกอะไรเลย นี่ถ้ามึงไม่ซื้อเข้ามาให้ กูหิวตาย มาม่าแม่งก็หมดรถก็มาเสีย ขอบใจมากนะเว้ยไอ้เพื่อนรักที่ซื้อข้าวมาให้แดกได้ทันเวลา”