บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 พบเจอ

     บ่ายแก่ๆ หญิงวัยชราวัยใกล้ฝั่งแต่ก็นังดูแข็งแรงกำลังเดินออกจากย่านการค้าที่ดูคึกคักและคลาคลั่งไปด้วยผู้คนในวันอาทิตย์เช่นนี้  ที่ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันโดยเฉพาะพวกแม่บ้าน  บางคนก็พากันมาเป็นครอบครัวออกมาซื้อของใช่  ของเซลล์  อาหารสดและอาหารแห้งต่างๆ เพื่อจะได้เอาเก็บไว้ทำอาหารไว้ทานในครอบครัวและเพื่อจะทำข้าวกล่องให้สามีเอาไปทำวาน  อีกอย่างก็จะได้ไม่ต้องออกมาซื้อบ่อยในตอนที่สามีของพวกเธอออกไปทำงานนอกบ้านกัน  หญิงชราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำตัวเป็นแม่บ้านออกมาซื้อของใช้และอาหารเพื่อจะรีบกลับบ้านไปทำอาหารอร่อยๆ ให้หลานชายที่รักของเธอกิน  ที่ตอนนี้หนุ่มน้อยน่าจะยังหมกมุ่นกับการตัดกิ่งไม้และถอนหญ้าในส่วนหน้าบ้านที่เห็นขึ้นรกอยู่ตอนเพิ่งย้ายเข้ามาในบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน  ผู้เป็นย่าจึงคิดที่จะทำของอร่อยๆ ให้กับหลานของเธอได้กิน  ตลอดหลายวันมานี้ก็กินแต่ข้าวกล่องที่สั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่งเท่านั้น  หลังจากที่เหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้าน  และจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางกันมาหลายวันแล้วเธอจึงอยากอยากแสดงการทำอาหารอย่างสุดฝีมือให้หลานชายได้กิน  เธอคิดอย่างอารมมณ์ดีก่อนใบหน้าเหี่ยวย่นจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

 

     หญิงชราท่าทางอารมณ์ดีและเหมือนจะดูเหม่อๆ เมื่อกำลังคิดอะไรเพลินขณะเดินออกห่างจากย่านค้าขายที่มีผู้คนอยู่อย่างพลุกพล่าน  เธอเดินไปสักพักก็ผ่านสถานีรถไฟฟ้า  ย่านร้านอาหาร  คาเฟ่  และแหล่งช้อปปิ้งของพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวที่บ้างก็เดินกันมาเป็นคู่ๆ บ้างก็เดินจับกลุ่มกันกับเพื่อน  บางคนก็มาเดินเล่นคนเดียวผู้คนก็บางตาลงแต่ก็ยังเยอะพอสมควร  ถัดไปก็เป็นสวนสาธารณะของเมืองที่ใหญ่มากพอสมควร  แต่ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนพวกย่านการค้าที่เธอเดินผ่านมาเมื่อสักครู่  ผ่านตรงนี้ไปไม่ไกลมากนักก็จะเป็นซอยเข้าไปบ้านที่เธอเพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่แล้ว  บรรยากาศที่เงียบสงบดูร่มรื่นจึงมีแต่คนที่พาครอบครัวออกมาปิ๊กนิก  พักผ่อน  และการสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ ในกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่มาพักผ่อนวันหยุดกันเท่านั้น  ส่วนวันปกติก็จะเงียบมากเพราะไม่ค่อยมีใครมาเช่นกัน

 

     ความเงียบสงบมักมาพร้อมกับอันตรายเล่นกัน  เธอเดินไปกำลังจะผ่านสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น

 

     “ช่วยด้วย!!  ช่วยยายด้วย  โจรมันขโมยกระเป๋าเงินของยาย”  หญิงชราวัยใกล้ฝั่งใช้มือและแรงอันน้อยนิดยื้อยุดฉุดดึงกระเป๋าเงินในเมือของอีกฝ่ายพร้อมร้องตะโกดออกมาด้วยความตกใจกลัว

 

     “กูบอกให้ปล่อยถ้าไม่อยากตาย” เสียงเหี้ยมเกรียมของโจรนั้นลเล็ดลอดออกมาจากปากของมัน

 

     “ปะ…..ปล่อยมือนะ!!….ปล่อย!?....ชะ….ช่วยด้วย!!...ช่วยยายที!?...” เสียงสั่นๆ ติดๆ ขัดๆ ของหญิงชราร้องออกมาด้วยความหวาดหวั่น  เมื่อเห็นมีดในมือของชายคนหนึ่งที่แต่งตัวมิดชิดปิดหน้าของตัวเองไว้  ชายคนนั้นกระชากกระเป๋าอย่างแรงก่อนจะใช้มีดในมือตะหวัดไปผู้เป็นเหยื่อนั้น  แต่เหยื่อกลับล้มลงไปกองกับพื้นก่อนเสียแล้ว  พอได้ทีมันจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างไว  เพราะผู้คนแถวนั้นเริ่มหันมาสนใจกันแล้วก่อนจะมีใครมามุงกันเยอะแยะ  มันจึงจำเป็นต้องหนีไปให้ได้ก่อนที่มันจะเป็นคนโดนจับส่งตำรวจเสียเอง

 

     “เป็นอะไรมากมั้ยครับคุณยาย” เสียงนุ่มๆ ของเด็กหนุ่มคนหนึ้งพูดขึ้นช้าๆ พอให้คนฟังได้ฟังชัดๆ พร้อมกับนั่งก้มลงไปถามด้วยความเป็นห่วง

 

     “ผมฝากกระเป๋าแป๊ปนึงนะครับยาย” ก่อนที่ยายชราจะทันฟังรู้เรื่องเด็กคนนั้นก็พุ่งตัววิ่งตามโจรจี้กระเป๋าไปเสียแล้ว  ไม่นานนักก็มีคนวิ่งตามไปอีก 3-4 คน  คนที่รู้เหตุการณ์แถวนั้นก็วิ่งมาช่วยและพยุงเธอพาลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้นไป

 

     “หยุด!!...บอกให้หยุดไง” เสียงร้องตะโกนดังขึ้นก่อนที่จะมีมือเรียวยาวคว้าไปจับคอเสื้อฮูดตามด้วยเท้าเรียวยาวที่กระโดดเข้าไปถีบชายที่กระชากกระเป๋าเงินไปเมื่อครู่

 

     “มึงเป็นใครวะ..ปล่อยกูเดี่ยวนี้” เสียงคำรามที่หันมาด้วยความเกรียวกราดตามด้วยเท้าที่ถีบกลับไปของมัน

 

     เด็กหนุ่มร่างบางกระโดดหลบตามสัญชาตญาณอย่าทันควัน  ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย  เมื่อมันสู้ไม่ได้จึงดึงเอามีดออกมาและใช้มีดฟันไปมาจนโดนเข้าที่มือของเด็กหนุ่มอย่างจังก่อนที่เขาจะใช้เท้าเตะเข้าต้นคอของไอ้โจรนั้นอย่างจังจนมันสลบไป  และร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังวิ่งตามมา

 

     “ช่วยด้วยครับ  ทางนี้ครับ” เด็กหนุ่มร่างเพรียวร้องตะโกนอย่างเหนื่อยหอบพร้อมกับก้มลงไปจับมือของไอ้โจรนั้นมาไขว้หลังไว้เพื่อกันการขัดขืน  ก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อของมันและล้วงเอากระเป๋าเงินที่มันขโมยออกมา

 

     “เร็ว  มาช่วยกันจับมันไว้” หนึ่งในเสียงของคนที่วิ่งตามมาตะโกนบอกพวกคนที่วิ่งมาด้วยกันพลางล้มตัวลงไปกดโจรชิงทรัพย์นั้นไว้แทนที่เด็กหนุ่มที่กำลังกดแข้นมันไขว้หลังอยู่

 

     “เป็นอะไรรึเปล่าพ่อหนุ่ม” ลุงที่วิ่งตามมาติดๆ ถามขึ้นพลางเข้ามาประคองให้เขาลุกขึ้น

 

     “ไม่เป็นไรครัยบ” เสียงพูดค่อยๆ ที่พยายามออกเสียงให้ชัดเอ่ยขึ้นปะปนกับเสียงหอบน้อยๆ

 

     “เดี๋ยวพวกลุงจะพามันส่งตำรวจเอง  พ่อหนุ่มยังไปทำแผลก่อนนะ” ลุงคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อมองไปที่แขนของเขาและมีเลือดไหลซึมออกมา

 

     “ครับ” เด็กหนุ่มตอบก่อนที่จะค่อยๆ เดินไปในทางที่เขาวิ่งมาเมื่อกี้นี้

 

     “ช่วยกันพามันไปส่งตำรวจเร็ว” เสียงพูดแว่วๆ ดังขึ้นเบาๆ ตามหลังเด็กชายคนนั้นในตอนที่เขาเดินออกไปไม่ไกลมาก

 

     เด็กหนุ่มร่างเพรียวบางเดินกลับมายังที่เกิดเหตุจี้กระเป๋าเมื่อกี้  พลางหันไปมาเพื่อมองหายายคนที่เป็นเหยื่อโจรจี้กระเป๋า  ก่อนจะเห็นเธอนั้งอยู่ที่เก้าอี้ม้ายาวตรงรั่วมุมหนึ่งของสวนสาธารณะไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก  ข้างๆ ตัวเธอก็ยังมีกระเป๋าเดินทางของเขาอยู่ด้วยใบหนึ่ง  เขาจึงเดินเข้าไปหาหญิงชราพลางยื่นกระเป๋าเงินกลับให้เธอ

 

     “ขอบคุณครับที่เฝ้ากระเป๋าให้  นี่ครับกระเป๋าของคุณยาย” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพยายามออกเสียงพยางค์ให้ชัดที่สุด

 

     “ขอบใจหนูมากนะ” หญิงชราเอ่ย  พร้อมกับยื่นมือไปรับกระเป๋าเงินมาเก็บไว้

 

     “แขนเธอ” หญิงชราเอ่ยอีกครั้งเมื่อตามองไปเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากแขนของเด็กหนุ่มอย่างตกใจพลางยื่นแขนไปจับเอามาดู

 

     “ไม่เป็นอะไรมากครับ  คุณยายยังเดินไหวมั้ยครับ” เขาพูดพลางเข้ามาพยุงหญิงชราไว้เมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้นยืน

 

     “จ๊ะ!!  ยายเดินไหว” เธอตอบเด็กหนุ่มร่างเพรียว  ทั้งๆ ที่หัวเข่านั้ยเป็นแผลและมีรอยฟกช้ำ  ที่มือและข้อศอกก็เป็นรอยแดงช้ำมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย  รวมถึงสะเอวที่กระทบกับพื้นตอนเธอโดนกระชากกระเป๋าเงินหลุดมือมันปวดเป็นอย่างมากด้วยว่าอายุของเธอนั้นแก่มากแล้ว

 

     “เดี๋ยวผมจะพาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจครับ” เด็กหนุ่มออกเสียงช้าๆ ก่อนจะใช้มือข้างที่โดนมีดฟันบาดเจ็บนั้นเอื้อมไปลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองและประคองหญิงชราเดินค่อยๆ ไปอย่างช้าๆ

 

     “จ๊ะหนู” พลางค่อยๆ ก้าวเท้าเดิน

 

     หลังจากที่เด็กหนุ่มประคองเธอเดินไปไม่นานตำรวจสองนายที่รับแจกเหตุจากพวงคุณลุงที่พาโจรจี้นั้นไปส่งที่โรงพักก็ได้มาหาและช่วยพวกเขา  ตอนแรกพวกเขาพาเด็กหนุ่มและหญิงชราไปทำแผละและตรวจอาการก่อนที่โรงพยาบาลแล้วจึงค่อยพาเขาและเธอไปแจ้งความที่โรงพัก  หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดและทำประวัติเสร็จก็ตกเย็นมากแล้ว  ยายชราโค้งให้กับตำรวจที่มาช่วยเธอกับเด็กหนุ่มก่อนเดินออกมาจากโรงพักพร้อมกัน

 

     “ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ  แล้วแขนของเธอไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งด้วยการพูดช้าๆ เพราะเธอเพิ่งจะรู้ตอนที่มาแจ้งความว่าเขาเป็นคนต่างชาติ  ตามด้วยคำถามที่เจือด้วยความเป็นห่วงใย  สีหน้าเธอก็ดูจะกังวลเพราะกลัวว่าเธอจะสื่อสารกับเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจ

 

     “ไม่เป็นไรครับคุณยาย  ไม่ต้องกังวนครับ” เขาตอบกลับและพยายามออกเสียงให้ชัดและฟังเข้าใจมากที่สุดเพราะเขาเองก็ยังพูดไม่ค่อยคล่องมากนัก

 

     “แล้วนี่กำลังจะไปไหนเหรอจ๊ะ  เห็นถือกระเป๋เดินทางอยู่” เธอถามเขา

 

     “เอ่อคือ….ผมเพิ่งจะเดินทางมาถึงที่นี่น่ะครับ  กำลังหาที่พักอยู่  แต่มาเห็นคุณยายเข้าซะก่อนก็เลย………………แหะๆๆ” เขาค่อยๆ ออกเสียงให้ตรงพยางค์มากที่สุดและค่อยๆ อธิบายให้ยายชราฟังช้าๆ  ก่อนใบหน้าเรียบจะหัวเราะแหะๆ และยิ้มแหยๆ ออกมาในหน้าและยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเขิลๆ

 

     “งั้นหนูก็มาพักบ้านยายก่อนนะ  นี่ก็เย็นมากแล้วคงจะหาที่พักได้ยาก” ยายชรากล่าวชวนเขาพลางเผยรอยยิ้มในหน้า

 

     “อ….เอ่อ  จะดีเหรอครับ” เด็กหนุ่มพูดอย่างเกรงใจ

 

     “ไม่ต้องทำหน้าลำบากใจหรอกจ๊ะ  เธอช่วยยายไว้  ยายอยากตอบแทน  ไม่ต้องกลัวว่ายายจะจับเธอกินหรอกนะ” ยายชราพูดติดตลกน้อยๆ อย่างรู้ทันเมื่อเห็นใบหน้าเกรงใจและลำบากใจของเขาปรากฏขึ้นบนใบหน้า

 

     “คะ…ครับ” เขาตอบรับเพราะกบัวจะทำให้เธอลำบากใจที่เธออุสาชวนเขาไปพักที่บ้าน

 

     “ไปกันเถอะจ๊ะ” เธอกล่าวชักชวนเขาพร้อมก้าวเดิน

 

     เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะใช้มือลากกระเป๋าเดินทางตามเธอไป  ไม่ใช่ว่าเขาจะไว้ใจคุณยายตรงหน้า  แต่ตอนนี้มันใกล้มืดเต็มแก่แล้วเขาก็ไม่รู้จะไปหาที่พักที่ไหนในสถานที่ๆ เขาไม่รู้จักเช่นนี้เหมือนกัน  เขาจึงทำได้แต่เพียงยอมรับคำเชิญชวนจากยายชราตรงหน้าเท่านั้น  ‘เอาเถอะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองก็แค่หนีให้สุดชีวิต’ เขาคิดในใจ

 

     “บ้านของยายอยู่ไม่ไกลหรอกจ๊ะ  ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลมาก เดินไปสักพักก็ถึงแล้ว” ยายชราบอกกับเขาก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินนำหน้าเขาไปช้าๆ เพราะตอนนี้เธอนั้นปวดสะเอวจากตอนที่ล้มลงไปเอามากๆ

 

     “ครับ  แต่คุณย่ายเดินไหวมั้ยครับ  เหมือนคุณยายจะปวดเข่ากับเอว” เมื่อสังเกตุว่ายายชราเดินช้าลงและมีอาการเหนื่อยกว่าปกติเหมือนพยายามจะฝืนเดินเสียมากกว่าในตอนนี้

 

     “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ”  เธอบอกกับเด็กหนุ่ม

 

     แต่เมื่อเขาดูท่าทางฝืนๆ ของยายชราแล้วตรงหน้าแล้วก็อดที่จะสงสารคุณยายใจดีคนนี้ไม่ได้จริงๆ

 

     “ให้ผมแบกคุณยายไปเถอะนะครับ  ดูเหมือนคุณยายกำลังจะแย่” เด็กหนุ่มค่อยๆ พูดพลางก้มตัวลงนั่งตรงหน้ายายชรากอนจะลุกขึ้นยืนโดยมีเธออยู่บนหลังของเขาเรียบร้อยแล้ว

 

     “ปะ….ปล่อยให้ยายลงเดินเองเถอะจ๊ะ  แขนเธอก็ยังเจ็บอยู่” ยายชราตกใจเล็กน้อย  เสียงแหบแห้งสั่นน้อยๆ ตามวัยของเธอพูดขึ้นเพราะเป็นกังวลกับแขนของเขาจริงๆ แต่จะเดินเองก็คงจะไม่ไหว  ด้วยวัยที่มากแล้วแถมยังหกล้มจากการโดนกระชากมาอีก

 

     “ไม่เป็นไรครับคุณยาย  ตอนนี้แขนของผมยังชาๆ อยู่เลยครับ  เพราะตอนเย็บแผลพยาบาลฉีดยาชาให้ผม” เด็กหนุ่มพูดช้าๆ เพื่อให้ยายชราเข้าใจกับสำเนียงการพูดของเขา  และเพื่อไม่ให้เธอเป็นกังวลมากนัก

 

     “เกรงใจเธอแย่เลย” ยายชรากล่าวพลางยิ้มอ่อนในหน้าที่ฉายแววเกรงใจออกมาจริงๆ

 

     “อย่าเกรงใจผมเลยครับคุณยายเจ็บอยู่นะครับ  คอยบอกทางนะครับ” เสียงนุ่มๆ เรียบๆ กล่าวออกมารอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าน้อยๆ ท่าทางใจดีของเขาทำให้ยายชราอดเป็นห่วงแผลที่แขนของเขามากไม่ได้จริงๆ

 

     “จ๊ะ” เธอตอบเด็กหนุ่มสั้นๆ

 

     เด็กหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ในทีแรกจนต้องนี้เป็นการก้าวเดินแบบปกติแล้ว  เขาแบกยายชราไว้บนหลังพร้อมทั้งพวกถุงใส่เนื้อ ผักและผลไม้ต่างๆ ไว้บนหลัง  มือข้างหนึ่งก็จูงกระเป๋าเดินทางลากเดินไปตามถนน  ผ่านสวนสาธารณะไปไม่นานก็ถึงถนนซอยที่เป็นทางเข้าไปในหมู่บ้านของคุณยาย  เขาเดินต่อไปอีกนิดผ่านบ้านแถวนั้นไป 4-5 หลังก็เห็นบ้านญี่ปุ่นแบบเก่ามีรั้วหน้าๆ กันเหมือนกำแพงเตี้ยๆ ที่หน้าประตูรั้วบ้านก็มีเด็กที่รุ่นๆ กับเขาเดินไปเดินมาพลางชะเง้อคอยดูมาตามทางที่เขาแบกยายชราเดินมา

 

     “บ้านหลังนั้นแหละจ๊ะ” ยายชราชี้ไปตรงบ้านที่มีเด็กคนนั้นเดินไปมาอยู่  เขาจึงเดินตามนิ้วของเธอไป  ตามด้วยเสียงตะโกนเบาๆ ของเธอ

 

     “เคย์จ๊ะ   หลานลูก” เธอยกมือขึ้นทำเหมือนจะโบกพร้อมส่งเสียงเรียกหลานเพื่อให้รู้ว่าเธอเธออยู่ตรงนี้พลางยิ้มอ่อน

 

     “คุณย่า” เสียงอุทานอย่างตกใจและรีบวิ่งเข้าไปหาย่าของเขาที่มีเด็กหนุ่มแปลกหน้าแบกอยู่หน้าของเคย์ซีดมากเลยทีเดียว

 

     “คุณยายเธอโดนโจรจี้นะครับแล้วก็โดนกระชากล้มลง” เด็กหนุ่มแปลกหน้าเป็นผู้ตอบแทน

 

     “ย่าไม่เป็นอะไรมากจ๊ะหลาน  ดีที่ได้พ่อหนูคนนี้ช่วยย่าไว้” คนเป็นย่าพูดบอกกับหลาน

 

     “งะ…งั้นเหรอครับ…อะ…เอ่อ  ขอบคุณครับที่มาส่งคุณย่าให้  ขะ..เข้ามาในบ้านก่อนนะครับ” หน้าซีดๆ กับน้ำเสียงที่ดูตกใจของเคย์พูดขึ้นติดๆ ขัดๆ พร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปรับถุงของ หนักๆ จากมือของคุณย่าของเขา  ก่อนจะช่วยเด็กหนุ่มแปลกหน้าพยุงกึ่งแบกกึ่งห้ามย่าของเขาที่อยู่บนหลังเขาเข้าไปภายในบ้าน

 

     เขาเดินตามเคย์เข้าไปในห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้กับบรรไดและประตูเข้าบ้าน  ในห้องนั้นมีแค่โต๊ะญี่ปุ่นตั้งอยู่กลางห้องหนึ่งตัว  อีกมุมหนึ่งก็มีเฟอร์นิเจอร์และทีวีตั้งอยู่บนนั้น  ข้างๆ ก็เป็นบานเลื่อนกระจกที่สามารถเปิดออกไปยังสวนในบ้านได้  เขาค่อยๆ วางยายชราลงช้าๆ ด้วยเพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บหนักกว่าเดิม

 

     “ขอบใจมากนะจ๊ะ” เธอพูดขอบใจเขาส่วนหลานเธอก็โค้งลงในท่านั่งเพื่อขอบใจเขาเด็กหนุ่มก็โค้งกลับเช่นกันเช่นกัน

 

     “เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาให้ดื่มกันก่อนนะครับ” เคย์พูดขึ้นก่อนจะลุกออกไปเพื่อหาน้ำมาให้เขาดื่ม

 

     “ขอบคุณครับ”เขายิ้มให้อย่างจริงใจ

 

     “ว่าแต่พ่อหนูชื่ออะไรเหรอจ๊า  ขอโทษนะจ๊ะที่ยายเพิ่งมาถามเอาป่านนี้” ยายชราถามขึ้น

 

     “ยายชื่อ ฮิเดยูกิ  ยูโกะ  ส่วนนี่คือหลานของยาย  ฮิเดยูกิ  เคย์ จ๊ะ  พ่อหนูเรียกยายว่ายูโกะก็ได้จ๊ะ” เธอพูดแนะนำตัวเองขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งแนะนำให้รู้จักกับหลานชายของตน

 

     “เอ่อ  ผมชื่อ คิมหันต์  เพชรเหมันต์  ครับ  เรียกผมว่า ‘ คิม’ ก็ได้ครับมันเป็นชื่อเล่นของผม” เด็กหนุ่มแนะนำตัวเอง

 

     “ชื่อแปลกจัง” เคย์พูดเสริม

 

     “ผมเป็นคนไทยน่ะครับ” คิมพูดพรางยิ้มในหน้า

 

     “อ๋อ  ชาวต่างชาตินี่เอง”  เคย์ถึงบางอ้อเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่คนญี่ปุ่น  ‘ถึงว่าสิทำไมถึงได้ค่อยๆ พูดแถมคุณย่าก็พูดช้าลงด้วย’ เคย์พูดกับตัวเองในใจ

 

     “ครับ” เขายิ้มน้อยๆ ให้เคย์

 

     “พอหนูอายุเท่าไหร่แล้วละ  ดูยังเด็กอยู่เลยทำไมถึงมาไกลบ้านแบบนี้” ยายยูโกะถามอย่างสงสัย

 

     “18 ปีครับ  ผมเรียนจบมัธยมก็มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นนี่เลยครับ” คิมตอบกลับยายยูโกะ

 

     “อายุเท่าผมเลยนี่ครับ  มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไหนเหรอครับ” เคย์บอกก่อนจะถามคิมขึ้นอีกครั้ง

 

     “เอ่อ  มหา”ลัย N ครับ” คิมตอบ

 

     “มหา’ลัย N ที่เดียวกับผมเลยนี่นา” เคย์ทำหน้าตกใจก่อนจะบอกเขายิ้มๆ

 

     “ดีจริงๆ งั้นหลานก็ได้เพื่อนไปเรียนด้วยแล้วสิ” ย่าบอกเคย์

 

     “เอ๊ะ  ยังไงเหรอครับคุณย่า” เคย์ถามพร้อมทั้งหันไปดูคิมที่ทำหน้าสงสัยเหมือนกัน

 

     “ย่าว่าจะให้หนูคิมอยู่ที่บ้านเราเลยหลานว่าดีมั้ย” ผู้เป็นย่าบอกผู้เป็นหลาน

 

     “จะดีเหรอครับคุณยาย” คิดพูดด้วยความตกใจ

 

     “ดีสิจ๊ะ  พวกเราก็อยู่กันแค่สองคนยายหลาน  พ่อหนูก็ไม่ต้องไปหาบ้านเช้า  หลานยายก็ได้มีเพื่อนด้วย  แล้วบ้านเช้าที่นี่ก็แพงมากด้วย  แล้วพ่อหนูก็เป็นคนดียายเลยอยากจะช่วย” ยายยูโกะอธิบายเหตุผลให้คิมและหลานของตนฟัง

 

     “เอ่อ…..แต่ว่า..จะไม่ลำบากเหรอครับ” คิมทำท่าอึกอักเพราะความเกรงใจ  แค่คืนนี้ยายเขายอมพาคนที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้าแบบเขามาพักด้วย  เขาก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว

 

     “อยู่ด้วยกันเถอะครับ  เหมือนที่คุณย่าผมบอกแหละครับ” เคย์กล่าวชักชวนคิม  รอยยิ้มร่าเริงปรากฏขึ้นบนใบหน้า  เขาดีใจที่จะได้มีเพื่อนคนแรกในมหา”ลัยเป็นคนต่างชาติ

 

     “อยู่ด้วยกันเถอะจ๊ะ  บ้านนี้ก็กว้างห้องก็มีหลายห้องยายอยู่กับเคย์แค่สองคน  มีหนูมาเพิ่มอีกคนไม่เห็นเป็นไร” ยายยูโกะกล่าวเชิญชวนอีกครั้ง

 

     “ครับ  ผมขอฝากตัวด้วยนะครับ”  สุดท้ายคิมก็ตอบตกลงที่จะอยู่ด้วย

 

     “ทางนี้ก็ฝากตัวด้วยนะครับ” เคย์ยิ้มก่อนจะเดินเข้าครัวไปเพื่อทำอาหารค่ำ  ทิ้งให้คิมและย่าคุยกันสองคน

 

     คิมตกลงอยู่ที่นี่แต่เขาจะขอจ่ายเงินเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ตัวเขาเองลำบากใจและก็ไม่อยากได้รับการช่วยเหลือมากจนเกินไป  ตอนแรกยายยูโกะไม่ยอมจะให้อยู่ฟรีเพื่อตอบแทนที่คิมได้ช่วยเธอไว้และเพราะเขาเป็นเด็กนอบน้อมสุภาพและมีน้ำใจ  แต่ก็ต้องยอมจำนนในภายหลังเมื่อคิมยืนยันที่จะจ่ายเงินในแต่ละเดือนให้กับยายยูโกะด้วยเหตุผลและคำขอร้องของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel