บทที่ 9 เพื่อนใหม่
เสียงพูดคุยกันระหว่างย่าและผู้อยู่ใหม่ในบ้านดูท่าทางหน้าสนุก ก่อนเคย์จะเดินออกมาจากห้องครัวแล้วพูดขัดจังหวะขึ้น
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ อาหารเสร็จแล้วครับ” เคย์บอก
“จ๊ะ ย่าขอโทษนะหลานเลยต้องทำอาหารเอง” คนเป็ยย่ากล่าวพลางค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น เอวของเธอเจ็บมากจริงๆ
“ไม่เป็รนไรครับ คนป่วยน่ะอยู่เฉยๆ ไปเลย” เคย์ทำหน้าบู้เย้าแหย่ย่าของตัวเองเล่นก่อนจะเดินเข้าไปช่วยพยุงย่าของเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คิมหลุดขำพร้อมทั้งเดินไปช่วยพยุงยายยูโกะ คิมและเคย์มองหน้ากันพร้อมทั้งหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“เดี๋ยวเถอะเด็กพวกนี้” หญิงชราแสร้งเอ็ดน้อยๆ ทั้งเคย์และคิมต่างก็พากันหัวเราะ
บนโต๊ะอาหารที่อยู่ถัดออกมาจากห้องครัวของบ้านวันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคักดูครึกครื้น มันไม่ได้เป็นแบบนี้มานานมากแล้วสำหรับหญิงชราคนหนึ่ง
“เดี๋ยวผมช่วยเก็บครับคุณยาย” คิมบอกเมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวยายเก็บเอง เราน่ะขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะแผลที่แขนน่าจะเจ็บมากแล้ว เดี๋ยวให้เคย์พาขึ้นไปบนห้อง” เธอพูดกับคิมน้ำเสียงเจือด้วยความห่วงใย
“ครับคุณยาย” คิมตอบรับรอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้า
“เรียกยายว่าย่าเหมือนกับที่เคย์เรียกก็ได้จ๊ะ” ยายยูโกะบอก
“ครับ……..คุณย่า” คิมเรียกเธอว่าย่านั้นทำให้หญิงชราหัสเราะออกมาเบาๆ อย่างถูกอกถูกใจ เด็กหนุ่มเผยร้อยยิ้มบางๆ
“เคย์พาเพื่อนไปดูห้องสิหลาน”เธอหันมาที่หลานก่อนเคย์จะพยักหน้ารับ
“มาสิเดี๋ยวผมจะพานายไปดูห้องนอน”เคย์เรียกคิมให้เดินตามเขาไป โดยไม่ลืมที่จะเดินไปยิบกระเป๋าเดินทางของคิมไปด้วย
“อืม!! อ๊ะ!!! มันหนักนะ! เดี๋ยวฉันยกขึ้นไปเองเองดีกว่า” คิมบอกกับเคย์
“แต่แขนนายเจ็บอยู่นี่นา” เคย์ท้วงขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นบรรไดไป
“เอ่อ” คิมอ้ำอึ้งอยู่ในลำคอไม่ทันจะพูด ย่าก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน
“รีบตามขึ้นไปเถอะจ๊ะ นี่ก็ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ถ้าถึงเวลาข้าวเช้าย่าจะให้เคย์ไปปลุกนะ” ย่าบอกกับคิมเป็นเชิงไล่
“ครับ” คิมทำได้เพียงขานรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินตามเคย์ขึ้นไปยังห้องนอน
“นายนอนห้องนี้นะ ฉันปูผ้านวมไว้ให้แล้ว” เคย์บอก
“ของใจนะ” คิมพูดขอบคุณเคย์
“ฉันสิที่ต้องขอบใจนายที่ช่วยย่าฉันไว้ วันนี้ขอบคุณมากจริงๆ”เคย์กล่าว
“อย่าขอบคุณฉันเลย ฉันสิที่ต้องเกรงใจที่คุณย่ากับนายให้ฉันมาพักที่บ้านนี้” คิมพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“คิดมากน่า ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น” เคย์พูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจังเมื่อเห็นว่าคิมมีความเกรงใจตนและย่าของเขาอยู่มากจริงๆ
“ฮ่า ฮ่า ขอบคุณอีกครั้งนะ” คิมหลุดขำเมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเคย์ที่มันออกจะดูน่ารักน่าเอ็นดูไปซะหน่อยในสายตาเขา
“ไปๆ ไปอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนซะ พรุ่งนี้ฉันจะมาปลุกนะ นายนอนตามสบายเลยไม่ต้องรีบตื่น” เคย์พูดพร้อมกับดันหลังคิมเบาๆ ให้เข้าไปในห้อง
“อ่า….ขอบใจอีกครั้งนะ ฝันดีนะ” คิมบอก
“ฝันดีเหรอ”เคย์ทำหน้างงนิดๆ
“ก็ฝันดีไง ที่เขาใช้พูดก่อนจะเข้านอน” คิมอธิบายเพราะคิดว่าเขาออกเสียงผิดเลยทำให้เคย์ไม่เข้าใจ
“อ๋อ ราตรีสวัสดิ์น่ะเหรอ ที่นี่เขากล่าวราตรีสวัสดิ์น่ะ”เคย์บอกกับคิมเมื่อเขาพยายามอธิบาย
“งั้นเหรอ ฉันคิดว่าเขาใช้คำว่าฝันดีเหมือนกันกับที่ไทย งั้นราตรีสวัสดิ์นะ” คิมบอก
“อืม ราตรีสวัสดิ์เจอกันพรุ่งนี้นะ”เคย์ยิ้มในหน้าก่อนจะให้มือดึงประตูให้ปิดลง เพื่อให้คนข้างในได้อาบน้ำนอนพักผ่อน
เคย์เดินลงบรรไดไปชั้นล่างเพื่อจะเข้าไปล้างจานและอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ก็เห็นย่าของเขายืนยิ้มอยู่ตรงบรรไดทางขึ้น
“คุณย่าก็ไปอาบน้ำพักผ่อนนะครับ เดี๋ยวผมเข้าไปล้างของเสร็จก็จะไปนอนแล้ว” เคย์บอกกับย่าของเขา
“จ๊ะ หลานก็รีบนอนล่ะ พรุ่งนี้จะได้รีบตื่นมาปลุกหนูคิมตื่นมาล้างแผล” หญิงชรายิ้มในหน้า
“ครับครับครับ คุณย่าเนี่ยได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยนะครับ แค่คิมเข้าท่าทางมีน้ำใจและใจดีนะครับ ไม่งั้นคงเขาคงไม่ยื่นมือมาช่วยคุณย่าจนตัวเองต้องมาบาดเจ็บ” เคย์ล้อย่าของเขาพลางกล่าวชมคิมที่เป็นคนกล้าหารในสายตาเขา
“ใช้จ๊ะ ตอนย่าโดนกระชากกระเป๋าเงิน เขาก็เข้ามาช่วยย่าเป็นคนแรกแถมยังวิ่งตามไปเอากระเป๋าเงินย่ากลับมาคืนอีก เขาเป็นคนต่างชาติแท้ๆ แต่กลับมีน้ำใจงามขนาดนี้” ย่าเล่ารายละเอียดคร่าวคร่าวให้เคย์ฟัง
“นั้นสิครับ อ๊ะจริงสิครับย่าในห้องคิมเขายังไม่มีเตียงนอนเลย พรุ่งนี้ไปซื้อให้เขากันดีมั้ยครับ” เคย์พยักหน้าเชิงรับรู้ก่อนจะบอกกับย่าเขาเรื่องเตียงนอนในห้องของคิม
“ดีจ๊ะ งั้นย่าต้องรีบเข้านอนแล้วสิเดี๋ยสจะตื่นสายเอา” คนเป็นย่าแกล้งรีบตัวเอง
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณย่า” เคย์กล่าวก่อนจะหัวเราะในลำคอกับความรีบเร่งของย่าตัวเอง
“ราตรีสวัสดิ์จ๊ะหลาน” เธอตอบกลับหลานก่อนจะเดินขึ้นบรรไดไป
เคย์เดินเข้าไปในครัวเพื่อล้างทำความสะอาดขจานชามต่างๆ รวมถึงเก็บกวาดเช็ดโต๊ะเรียบร้อยใช้เวลาสักพัก ก่อนจะเดินเช็คประตูหน้าต่สงเสร็จก็ไปปิดไฟชั้นล่างหมดแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองที่ชั้นสอง
เคย์นั้นได้ย้ายมาอยู่ห้องติดระเบียงอีกฝั่งทางขวามือแล้วข้างๆ เป็นห้องที่ยกให้กับคิมเด็กหนึ่มที่เพิ่งมาใหม่ ตรงข้างก็เป็นห้องของคุณย่าของเขา ส่วนห้องที่คิมเคยนอนตอนเพิ่งมาบ้านนี้ครั้งแรกนั้นเขาปล่อยให้มันปิดตายไว้ เพราะข้างในนั้นมีแต่ความทรงจำเก่าๆ ของคุณย่าและพ่อแม่ของเขา เขาจึงไม่อยากจะไปเคลื่อนย้ายของในห้องให้มันอยู่ผิดที่ ปล่อยให้มันเป็นความทรงจำเอาไว้อย่างนั้นดีกว่า ไม่นานนักเขาก็อาบน้ำและเข้านอนไปในที่สุด ทั้งตัดกิ่งไม้ แต่งสวนใหม่ ถอนหญ้า แถมยังมาตกใจเรื่องคุณย่าอีก เคย์ใช้พลังงานหมดก๊อกแแล้วจริงๆ เมื่อหัวถึงหมอนเขาก็หลับไปในทันที
เช้าตรู่วันใหม่ร่างเพรียวบางรูปร่างสมส่วน ใบหน้าคมสวยมีเอกลักษณ์ดูเรียบเฉย แต่ทะว่าดูดีไม่ถึงกับน่ารักออกไปทางสวยหวานเสียมากกว่าตามแบบฉบับของหนุ่มวัยรุ่นไทย คิมยันตัวเองให้ลุกขึ้นพลางบิดขึ้เกียจ ก่อนจะเปลี่ยนชุดนอนไปเป็นเสื้อออกกำลังกายแขนสั้นและกางเกงขายาว ตอนนี้ใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเขารีบตื่นมาเพราะอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น ปกติกว่าเขาจะตื่นก็ปาไปหกโมงครึ่งกว่าแล้ว แต่วันนี้เปลี่ยนที่นอนใหม่เขาเลยนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่
‘ญี่ปุ่นนี่ถึงจะเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิแต่อากาศก็ยังหนาวอยู่สินะ คงต้องทำให้เหงื่อออกก่อนไม่งั้นคงหงุดหงิดไปตลอดทั้งวันแน่ๆ แถมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่คงจะสวยเหมือนทีาเคยดูในรูปแน่ๆ’ คิมคิดอยู่ในใจ
เขาเดินถือรองเท้าจ๊อกกิ้งออกจากห้องไปและลงไปที่ชั้นล่างเตรียมจะใส่รองเท้า ย่ายูโกะก็เดินออกมาจากห้องครัวพอดี
“อ้าวหนูคิมตื่นเร็วจังนะ แล้วนั้นจะไปไหนแต่เช้าตรู่ละหนูยังมืดๆ อยู่เลย” ย่ายูโกะถาม
“ผมจะออกไปวิ่งแถวนี้สักแป๊ปนะครับคุณย่า” คิมบอกถึงความต้องการของเขา
“แขนยังเจ็บอยู่เลยนะ” ความเป็นห่วงแสดงออกมาทางสีหน้าของย่ายูโกะขณะพูด
“เจ็บนิดหน่อยครับแต่แค่ไปวิ่งเอง” คิมพูด
“งั้นก็ระวังตัวนะจ๊ะ อย่าไปวิ่งไกลๆ เดี๋ยวจะหลงเอา” ย่ายูโกะบอกพลางยิ้มให้
“ครับ” คิมพยักหน้าและเปิดประตูเดินไปหน้าบ้านทันที
‘หนาวแหะ’ เสียงอุทานขึ้นในใจ คิมยกมือขึ้นมากอดอกพลางถูมือขึ้นๆ ลงๆ ที่ต้นแขนตัวเองก่อนจะเริ่มวอมร่างกาย และวิ่งออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะเร่งสปีดเท้าตัวเองสักพักก็มาถึงสวนสาธารณะ เขาใช้เวลาวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า แสงแรกยามเช้าของดวงอาทิตย์ที่นี่มันสวยมากจริงๆ คิมหยุดยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นนิดนึง เมื่อมันโผล่พ้นขอบฟ้ามาแล้วแสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้าส่องมากระทบกับผิว คิมจึงวิ่งเหยาะๆ กลับที่พัก
คิมเดินเข้ามาข้างในพลางปิดประตูรั้วลง ก่อนจะเดินไปหยิบสายยางเพื่อที่จะรดน้ำต้นไม้ในสวนซีกที่ถอนหญ้าและตัดแต่งเสร็จแล้ว ก่อนที่จะพาตัวเองไปนั่งยองๆ อีกฝั่งพลางใช้มือถอนหญ้าเล่น
“อ้าวกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” ย่ายูโกะทักคิมมาจากทางประตูกระจกบ้านเลื่อนในห้องนั่งเล่นซึ่งก็ใช้เป็นห้องรับแขกด้วยเหมือนกัน
“กลับมาแล้วครับ” คิมตอบ
“รอย่าทำอาหารเช้าเสร็จก่อนนะเดี๋ยวมากินข้าวกัน เจ้าหลานตัวดีของยายังไม่ตื่นเลย” ย่ายูโกะก่อนเธอและคิมจะหัวเราะออกมาดังร่าในสวนของบ้าน
“นินทาอะไรผมอ่ะ ฮ่าววว……รุนหวัดครับย่านายด้วยนะ” เคย์เดินออกมาในสวนทั้งชุดนอน พลางยกมือขึ้นปิดปากหาวฟอดใหญ่และใช้มือขยี้ตานิดหน่อยเพื่อให้ตัวเองหายง่วง เขาเพิ่งจะตื่นจริงๆ
“ฮ่า ฮ่า อรุณสวัสดิ์”คิมขำให้กับท่าทางเด็กน้อยของเคย์
“เด็กคนนี้น่าตีจริงๆ หนูคิมเขารถน้ำต้นไม้ให้แล้วนะ” ย่าล้อเคย์เล่นเมื่อเห็นท่าทางงัวเงียของผู้เป็นหลานชาย
“คุณย่าอ่ะ” เคย์ทำหย้ายู่
“ขอโทษทีนะผมตื่นสายไปหน่อย” เคย์หันไปพูดกับคิมที่ตอนนี้มือกำลังขมักเขม้นถอนหญ้าอยู่
“ผมตื่นเร็วเองแหละ พอดีนอนไม่ค่อยหลับ” ใบหน้าเรียบเฉยเงยหน้าขึ้นมามองเคย์พลางยิ้มๆ
“ไปๆ ไปอาบน้ำได้แล้วทั้งสองคน ใกล้ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว เดี๋ยวเรายังต้องออกไปซื้อเตียงนอนให้หนูคิมกันอีก”ย่ายูโกะพูดไล่เด็กทั้งสองไป
“ครับ/ครับย่า”คิมและเคย์พูดขึ้นพร้อมกัน
ต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวและลงมานั่งกินข้าวกัน เสียงหัวเราะจิ๊จ๊ะสนุกสนานดังไปทั้งโต๊ะกินข้าว คิมบอกว่าเขาไม่อยากได้เตียงนอนเขาอยากจะนอนฟูกเหมือนกับเมื่อคืนมันอุ่นและหลับสบาย แถมเขาก็ยังไม่ต้องเสี่ยงกับการละเมอและตกเตียงอีก ย่ายูโกะก็ตามใจแต่ต้องให้เธอดูแผลให้ทุกวันจนหายเธอถึงจะสบายใจ เคย์ก็บอกว่าเขาจะสอนให้คิมพูดภาษาญี่ปุ่นให้เอง คิมจะได้พูดคล่องๆ และเก่งขึ้นซึ่งคิมก็ตกลง เพราะเขาก็อยากมีคนมาสอนภาษาให้ในตอนที่เขามาถึงญี่ปุ่นอยู่แล้ว
คิมมาอยู่ที่ได้เดือนกว่าแล้วและอีกไม่นานมหา’ลัยก็จะเปิดแล้ว จนตอนนี้เคย์สอนภาษาญี่ปุ่นให้คิมพูดชัดและเขียนคล่องแล้ว เวลาว่างเคย์มักจะพาคิมไปเดินช้อปปิ้งบ้างเที่ยวยังที่ต่างๆ บ้างก็พาไปไหว้พระที่ศาลเจ้าหรือสถานที่สำคัญๆ แต่ที่ไปบ่อยสุดก็เห็นทีจะเป็นตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตเสียมากกว่า จนคิมเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางของที่นี่มากขึ้น เวลาเดินไปไหนมาไหนคนเดียวก็ไม่หลงแล้ว ถึงปกติจะไปกลับกับเคย์ก็ตาม จนตอนนี้ละแวกบ้านและคนในหมู่บ้านคิดว่าคิมเป็นหลานอีกคนของคุณย่ายูโกะไปเสียแล้ว คิมมีชื่อใหม่ว่า 'คิบิ' ที่แปลว่าข้าวฟ่าง เพราะเวลาย่ายูโกะทำโจ๊กข้าวฟ่างทีไรคิมมักจะแถมหลายถ้วย ย่ายูโกะเลยตั้งชื่อเล่นใหม่ให้คิมเป็น คิบิ และเรียกติดปากกันไปทั้งบ้านแล้วตอนนี้ รวมไปถึงคนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงก็เรียกคิมว่า คิบิ ตามย่ายูโกะกันหมด ส่วนคิมก็ชอบชื่อนี้เหมือนกันเพราะมันเป็นชื่อที่ออกเสียงสั้นๆ แต่เพราะมาก
เมื่อเวลาผ่านไปเคย์ก็ค่อยๆ ลืมเรื่องที่เกิดกับตัวเองได้แล้วเช่นกัน ถึงแม้จะเห็นสร้อยคล้องแหวนสลักที่คนๆ นั้นทิ้งไว้ก็ตาม เคย์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคิมหันเสียมากกว่า เขาได้เพื่อนใหม่ก่อนมหา’ลัยจะเปิดเสียด้วยซ้ำ จนตอนนี้พวกเขาสองคนสนิทและอยู่ด้วยกันจนตัวจะติดเป็นขนมตังเมอยู่แล้ว จนบางคนที่พบเห็นคิดว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนคู่เกย์กันเสียแล้ว แต่สำหรับพวกเขาแล้วคือเพื่อนและครอบครัว คิมเป็นคนดีใจกว้างช่างเอาใจใส่นิสัยก็ดีแถมขี้ตามใจมีโลกส่วนตัวบ้างแต่ก็ไม่สูงเหมือนพวกเด็กเรียนแว่นหนาเตอะ ส่วนเคย์ก็รั้นหน่อยๆ มองโลกในแง่ดีน่ารักสดใสใจดีเป็นกันเองแถมน่ารักอีกต่างหาก แบบที่ว่าเคมีเข้ากันสุดๆ จะไม่ให้คนมองและเข้าใจผิดพวกเขาสองคนได้ยังไง