บทที่ 7 คำสั่ง
เครื่องบินลำหนึ่งกำลังทะยานลงจอดบนรันเวย์ของท่าอากาศยานของรัฐริฮาล ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐของเมืองอัลซาราหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกในเอเชียกลางที่เป็นแหล่งแร่ทองคำและน้ำมันชั้นดีประเทศหนึ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนมากมาย เหล่าทะหารองครักษ์ในชุดดิชดาชาสีครึ้มจำนวนหนึ่งไม่มากไม่น้อย จากในวังกำลังยืนถือปืนตั้งแถวยาวตามพรหมสีแดงขอบทองอยู่นอกรถหรูสีดำหน้าลานทางเข้าสนาทบิน และอีก 6-8 คนเข้ามายืนตรงมือไขว้หลังอย่างสงบรอรับอยู่ที่ทางออกผู้โดยสารเพื่อรอใครบางคนอย่างขมักเขม้น ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงตระหง่านเป็นสง่าให้ความรู้สึกมีพลังอันน่าเกรงขามลอยล้อมอยู่รอบกายแข็งแกร่ง ใบหน้าเขาแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจและแรงดึงดูดบางอย่าง ในตาสีสนิมที่ดูดุดันประกาตาคมกล้า ริมฝีปากสีสดบางเฉียบเรียบเฉยน่าหวาดหวั่น เครื่องหน้าของเขาดูหล่อเหลาสมบูรณ์แบบเรากับรูปปั้นอันวิจิตร เดินออกมาพร้อมกับหนึ่งบุรุษผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและองครักษ์คู่ใจที่เดินอยู่ถัดไป ข้างหลังเพียงหนึ่งเก้าเท่านั้น เดินผ่านประตูผู้โดยสารออกมาและตรงดิ่งไปยังเหล่าทะหารที่รอรับเขาอยู่อย่างรวดเร็วราวกับพายุ
“ยินดีต้อนรับกลับครับท่านชายท่านองครักษ์” ทะหารที่มารอรับอยู่เหล่านั้นกล่าวและทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
ราเฟลเพียงแต่พยักหน้ารับและเดินนำไปข้างหน้าตามด้วยเหล่าทะหารที่พากันเดินตามหลังมาอย่างเป็นระเบียบตรงออกไปยังหน้าประตูทางออกทันที เหล่าทะหารจับอาวุธที่ยืนรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมาแล้วก็ต่างทำความเคารพกล่าวอย่างพร้อมเพรียงเช่นกัน
“ท่านชาย” ก่อนจะเปิดประตูรถหรูสึดำสนิทให้เขาขึ้นไปพร้อมกับท่านองครักษ์
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปพวกเขาต่างก็รีบวิ่งไปขึ้นรถอีกคันแล้วขับตามไป รถขับออกจากท่าอากาศยานมุ่งสู่ทะเลทราบเบื้องหน้า ถนนทรายที่เป็นทางเชื่อมจากรัฐริฮาลไปสู่เมืองหลวงหลักอย่างอัลซาราซึ่งเป็นวังที่ราเฟลอยู่
ทะเลทรายที่ร้อนระอุ กลิ่นอายของแดดและลมร้อนของทะเลทรายในตอนกลางวันนั้นช่างร้อนยิ่งนัก บางครั้งลมนั้นก็มักจะก่อตัวแปรเปลี่ยนเป็นลมพายุทะเลทรายแสนน่ากลัวขึ้น และมันอาจเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นสำหรับคนที่ไม่เคยได้พบเจอ แต่หากมันเป็นความเคยชินของคนที่นี่เสียแล้วแต่ก็ยังคงมีความวิตกกังวลอยู้บ้าง ทหารที่นั่งติดอยู่กับที่นั่งคนขับกดรับวิทยุสื่อสารก่อนจะหันมาบอกกับท่านองครักษ์ไฟซาลอย่างร้อนใจ
“ท่านไฟซาลครับเราได้รับรายงานว่ามีพายุทะเลทรายลูกใหญ่กำลังแรงลมสูงก่อตัวขึ้นใกล้กับทางทีเราจะขับรถผ่านไปครับ” สีหน้าที่เคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าไม่ต้องพูดต่อว่าพายุทรายที่ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน
องครักษ์หนุ่มหันมองผู้เป็นนายเหนือหัวที่ตอนนี้ทำเพียงนั่งหลับตาอยู่ใกล้เขาเท่านั้น ไฟซาลจึงทำหน้าที่สั่งการแทนเจ้าชายราเฟล เขาให้ทหารรีบขับรถตรงไปข้างหน้าอย่างเร็วและจอดหลบอยู่ใต้เนินผ่าหินทราย เพื่อใช้เป็นเกราะกรรมบังก่อนที่พายุทรายจะมาถึงพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรเหรอไฟซาล” ราเฟลลืมตาตื่นขึ้นพร้อมถามองครักษ์คู่ใจของเขา
“มีพายุทะเลทรายลูกใหญ่กำลังแรงลมสูงกำลังพัดผ่านมาทางนี้ขอรับท่านชาย เราจำเป็นต้องหยุดรถเพื่อหลบให้พายุทรายผ่านพ้นไปก่อน ขอรับ” ไฟซาลตอบกลับนายเหนือหัวอย่างนอบน้อมด้วยใบหน้ากังวล
“อืม เข้าใจแล้ว” ราเฟลทำหน้ารับรู้อย่างหนักใจไม่แพ้กัน
ไม่มีชาวทะเลทรายคนไหนที่ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของคำว่าพายุทะเลทราย ไม่นานเม็ดทรายและฝุ่นก็พัดตลบอบอวลรอบรถของพวกเขาไปทั่วทุกทิศทุกทางอย่างบ้าคลั่งและน่ากลัว ดีที่ว่าที่ๆ พวกเขาจอดรถคันหรูหลบพายุทรายนั้นเป็นเนินผ่าพอจะกันลมพายุไม่ให้พัดรถปลิวไปในลมพายุทรายได้ ผ่านไปเนิ่นนานหลายชั่วโมงกว่าพายุทรายจะสลายตัวลง ลมที่พัดกรรโชกราวกับบ้าคลั่งเมื่อครู่สงบลง เหลือเพียงลมที่พัดฉิวๆ ท่ามกลางท้องฟ้าที่แจ่มใสราวกับเมื่อกี้นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“พายุทรายสงบลงแล้วขอรับ” ทหารผู้ที่เป็นคนขับกล่าวขึ้น
“ไปได้” ไฟซาลสั่งเสียงเรียบ ก่อนรถจะทะยานเคลื่อนตัวออกไปมุ่งหน้าไปยังเมื่องที่อัลซารา
ผ่านมาเป็นเวลากว่าชั่วโมงรถหรูก็ชะลอตัวขับอย่างช้าๆ มาจอดยังหน้าวังอันใหญ่โตโอ่อ่ายอดโดมสีเหลืองทองอร่ามงดงาม เจ้าชายราเฟลลงจากรถและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานพร้อมกับไฟซาลทันที
ราเฟลใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะทำงานเป็นเวลานานตั้งแต่ที่เขาเดินทางกลับมาถึง ก่อนจะวางปากกาลงและยกมือขึ้นกดนวดที่หว่างคิวและขมับของตัวเอง
“เรื่องที่ฉันให้นายไปทำล่ะ” เขาถามไฟซาลขึ้นพลาเอามือไปจับเอกสารอ่าน
“ฉันให้คนไปจัดการแล้วอีกไปนานคงมารานงานให้ทราบ” ไฟซาลตอบราเฟลด้วยเสียงเรียบและเป็นกันเอง เพราะทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนต่อยกันที่สนิทกันมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว อีกทั้งพ่องของไฟซาลก็เป็นเพื่อนของพ่อเขาพวกเขาเลยสนิทกันราวกับพี่น้องที่คลานตามกันมาเลยทีเดียวก็ว่าได้ ราเฟลเองก็ไม่อยากให้ไฟซาลใช้คำพูดสุภาพกับเขาด้วย ไฟซาลเองจะพูดสุภาพกับราเฟลเฉพาะในช่วงที่มีงานและเวลาสำคัญๆ เท่านั้น เวลาปกติก็จะพูดตามประสาเพื่อนเวลาอยู่กันเฉพาะแต่กับคนกันเองอย่างพวกเขาเขาเท่านั้น
“ดีมาก อย่าให้มีปัญหาตามมาทีหลังก็พอ” ราเฟลบอกทั้งที่ตาของเขากำลังจดจ่อยู่ที่เอกสารตรงหน้า
“ครับ” ไฟซาลพยัคหน้ารับ ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูและทหารนายหนึ่งก็เปิดประตูเดินเข้ามารายงาน
“เรื่องที่ท่านให้จัดการกับพวกที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วขอรับ” ทหารนายนั้นรายงาน
“ดี” ไฟซาลตอบสั้นๆ ก่อนที่ทหารนายนั้นจะรายงานต่อ
“ส่วนเรื่องเด็กที่ท่านชายให้หาเราไม่เจอขอรับ ตอนพวกเราไปถึงที่นั้นเขาได้ย้ายออกไปแล้วขอรับ” จบคำรายงาน
“พวกนายได้ตรวจสอบกับคนที่อยู่รอบข้างหรือยัง” ไฟซาลเป็นผู้ถามต่อ เพราะตอนนี้สีหน้าของราเฟลครุกรุ่นอยู่ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นมาอยู่บนหน้าของเขาเสียแล้ว
“สอบถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าย้ายไปที่ไหนขอรับ รู้เพียงว่าย้ายไปเพราะหลานชายของบ้านนั้นสอบติดมหาลัยได้เลยต้องย้าย แต่ไม่ทราบว่าเป็นมหา’ลัยไหนเพราะพวกเขาไม่ได้พูดถึงขอรับ” ทหารผู้นั้นรายงานยืดยาว
“ดีมากขอบใจ นายไปได้แล้ว” ไฟซาลสั่ง
“ท่านชีคจาฮาลให้คนมาตามท่านชายไปพบขอรับ” นายทหารรายงานก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ไฟซาลเพียงแต่พยักหน้าก่อนจะหันกลับมาพูดกับราเฟลอีกครั้ง
“นายจะให้สืบหาต่อหรือจะให้หยุดหาดี” เสียงเรียบๆ เอ่ยถามผู้เป็นนายที่ตอนนี้นั่งทำหน้าไม่พอใจอยู่
“ช่างมันไม่ต้องหา หาไม่เจอก็ไม่ต้องตามต่อแล้ว” ราเฟลบอกพลางทอดหายใจยาวคลายอารมณ์ขุ่น
“เราจะไปหาท่านพ่อที่วังใหญ่” ราเฟลพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป ไฟซาลเดินตามออกไปและองครักษ์ที่อยู่นอกห้องอีกสองคนก็ตามไปเช่นกัน เหลือเพียงองครักษ์สองคนที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานของราเฟลเท่านั้น
สำหรับราเฟลแล้ว เรื่องคืนนั้นเป็นความผิดพลาดที่เขาไม่ต้องการจะรับผิดชอบและไม่อยากให้มันมีปัญหา เขาเพียงแค่ต้องการใช้เงินและทำให้มันจบไม่ถือว่ามีความผูกพันใดๆ แต่ทำไม่ในใจของเขาถึงได้เต้นรัวแบบนี้นะ เมื่อคิดถึงสัมผัสเคลิบเคลิ้มยามที่ลูบและได้โอบกอดร่างนั้นไส้ภายใต้กายหนาของตน ความร้อนช่วงล่างปะทุขึ้นมาราเฟลทำได้เพียงข่มใจของเขาไว้ และถอดหายใจออกมายาวๆ เพื่อระบายความอันอั้นที่ก่อตัวขึ้น
…………………………………………..
เวลาค่ำรถแท็กซี่ขับมาส่งย่าและเคย์หน้าบ้านไม้เก่าหลังหนึ่งที่มีประตูไม้เก่าๆ และกำแพงหนาทึบล้อมรอบเป็นรั่วบ้านตามแบบบ้านโบราณของคนญี่ปุ่นก่อนที่รถรถแท็กซี่คันนั้นจะขับออกไป ย่าพาเคย์เข้ามาภายในรั่วบ้านก่อนจะเดินไปแทงกุญแจบ้านเพื่อเปิดประตู เคย์มองไปรอบๆ บ้านในความมืดที่มีแสงสลัวๆ จากไฟในบ้านที่เพิ่งเปิด บ้านดูมีขนาดกลางหลังไม่ใหญ่มากนักพอสำหรับหนึ่งครอบครัวเล็กจะอยู่ได้ ก่อนจะหันมองเข้าไปในสวนและบริเวรรอบๆ ของบ้านตัวบ้านนั้นมีหญ่าใหญ่น้อยขึ้นปกครุมดูรกทึบไร้การดูแลรักษามาแสนเนิ่นนาน ก่อนจะเดินตามย่าของเขาเข้าไปข้างในตัวบ้าน ภายในบ้านมีฝุ่นจับเล็กน้อยและมีร่องรอยของการปัดกวาดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดูสะอาดตามากนัก ย่าบอกกับเขาว่าเมื่อก่อนเคยจ้างให้คนมาดูแลบ้านหลังนี้ให้อยู่บ้างแต่เมื่อปีทีาแล้วคนที่ย่าเคยจ้างได้เสียชีวิตไปแล้วจำทำได้แค่ปล่อยบ้านไม้เก่าโบราณหลังนี้ไว้ เพราะย่าเขาไม่ไว้ใจให้ใครมาดูแลบ้านง่ายๆ และไม่เคยปล่อยบ้านให้ใครมาเช้าอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะอยากรักษาทุกอย่างไว้ให้คงเดิมเหมือนตอนที่พ่อและแม่ของเคย์ยังมีชีวิตอยู่
“ห้องนอนของหลานอยู่ห้องเก่าที่พ่อกับแม่หลานเคยอยู่นะ ขึ้นไปอยู่ห้องด้านในสุดทางซ้ายมือติดกับประตูระเบียงชั้นสองนะจ๊ะหลานไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนก่อนนะแล้วพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาจัดของ เดี๋ยวย่าจะไปเอาพวกไม้กวาดตามขึ้นไปนะจ๊ะ” เสียงสั่นๆ ของผู้เป็นย่างบ่งบอกถึงวัยที่ชรามากแล้วบอกยืดยาวก่อนจะเดินเข้าไปห้องด้านในหลังบรรไดขึ้นชั้นสอง
“คืนนี้คุณย่านอนด้วยกันกับผมนะครับ ห้องอื่นก็ยังไม่ได้ทำความสะอ่าน” เด็กชายพูดตามหลังผู้เป็นย่าไปเป็นเชิงอ้อนน้อยๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
บนชั้นสองเตย์เดินขึ้นไปเห็นมีห้องอยู่ 4 ห้อง ทางซ้ายมือมีอยู่ 2 ห้อง และทางขวามือมีอยู่ 2 ห้อง เคย์เดินตรงไปยังห้องในสุดทางซ้ายมือเปิดประตูเข้าห้องไป ของใช้ของเคย์ถูกขนขึ้นมาไว้ในห้องนี้หมดแล้ว กลางห้องนอนมีเตียงติงไซด์คลุมด้วยผ้าเปรอะฝุ่นเล็กน้อยครุมวางอยู่ นอกจากเตียงคิงไซด์แล้วยังมีโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ยังถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาว
ไม่นานนักย่าของเคย์ก็เดินตามขึ้นมาพร้อมด้วยอุปกรณ์ปัดกวาด 2-3 ชิ้น หญิงชรากำลังจะเอามือดึงผ้าขาวเปื้อนฝุ่น ออกจากเตียง แต่เคย์ห้ามไว้ก่อน
“คืนนี้เราปูผ้านวมนอนบนพื้นกันก่อนเถอะครับคุณย่า” เคย์พูด
“เอางั้นเหรอจ๊ะ งั้นหลานลงไปอาบน้ำที่ข้างล่างก่อนนะ มันสะอ่านอยู่น้ำก็ไหลดีด้วย” ย่าพูดกับผู้เป็นหลาน
“ครับ” เคย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะรื้อเอาผ้าขนหนูและชุดลำลองออกมาจากกล่องที่ตั้งกองร่วมกันอยู่ก่อนจะเดินลงไปอาบน้ำที่ชั้นล่าง
หลังจากที่หลานออกจากห้องไปแล้ว ผู้เป็นย่าก็ทำการปัดฝุ่นและกวาดพื้นพร้อมทั้งปูผ้านวมไว้สองผืนเรียงติดชิดกันเพื่อทำเป็นที่นอน ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่ออาบน้ำเช่นกัน ใช้เวลาไม่นานนักสองคนย่าหลานก็เข้านอนอย่างเหนื่อยล้า เพราะวันนี้ทั้งวันเป็นวันที่ยุ่งมากจริงๆ