เคลียร์รัก - 02
@MaoMaii-BAR
ฉันใช้เวลานั่งรถมาร้านเมามายบาร์เกือบครึ่งชั่วโมง พอลงจากรถแท็กซี่ก็เห็นร่างบางของเพื่อนสนิทยืนรออยู่ข้างเบนซ์สีขาวสะอาดตา
"มานานยัง" รีบวิ่งเข้าไปทักทาย
"เพิ่งถึง ทำไมไม่ให้ที่บ้านมาส่ง" ขนมชะเง้อคอมองท้ายรถแท็กซี่ที่ฉันลงเมื่อกี้พร้อมใบหน้าที่มุ่นราวไม่พอใจนิดหน่อย
"ไม่อยากรบกวนอะ มันดึกแล้ว" ที่บ้านฉันมีคนขับรถแต่ลุงแกอายุค่อนข้างเยอะแล้วฉันไม่อยากเรียกใช้งานน่ะ แล้วไม่ต้องถามทำไมไม่ขับรถมาเองเพราะกลัวจะเมาแล้วขับกลับไม่ได้น่ะสิ
"ป้ะ เข้าข้างในกัน" ขนมพูดเสร็จก็เดินมาควงแขนฉันลากเข้าในร้านเหล้าที่เปิดโล่งให้มองเห็นจากด้านนอก
เมามายบาร์เป็นร้านเหล้าตอนกลางคืน ส่วนกลางวันคือร้านอาหารธรรมดา ฝั่งด้านหนึ่งของร้านติดริมคลองกว้างราวสามเมตรกว่าๆ น้ำใส เย็นสบาย ส่วนอีกด้านที่ติดโรงจอดรถจะมีดอกไม้สองแปลงใหญ่ๆ ปลูกไว้ โซนนี้ถ้ามาตอนกลางวันคือมุมเซลฟี่ดีๆ นี่เอง
ส่วนบริเวณทั้งหมดของร้านจะทำเป็นซุ้มเล็กๆ ห้าซุ้มและซุ้มใหญ่เจ็ดซุ้มไว้ให้ลูกค้าเลือกนั่ง แต่ละซุ้มก็จะห่างกันเมตรกว่าๆ เพื่อไม่ให้เบียดเสียดกันเวลาเดินเข้าออกของแต่ละซุ้ม
ส่วนใครที่ไม่อยากนั่งซุ้มพวกนี้จะเลือกเข้าไปนั่งด้านในร้านเลยก็ไม่ผิด ด้านในร้านจะเป็นโต๊ะทรงกลมวางเรียงกันแต่ไม่ชิดจนเกินไป มีแอร์เย็นๆ ล้อมรอบด้วยกระจกใสมองเห็นวิวด้านนอกได้ดี
"สาวสวยทั้งสองวันนี้เลือกโซนไหนดีครับ" เสียงเฮียคอยน์ เจ้าของร้านเมามายถามขึ้น "เอาไงดีแก" ขนมหันมาถาม
"ด้านในดีไหม" ฉันตอบ มองๆ ดูแล้ววันนี้วันเสาร์ คนค่อนข้างคึกคัก ด้านนอกซุ้มถูกจับจองเกือบเต็ม แถมส่วนมากมีแต่ผู้ชาย ฉันว่าเลือกนั่งในร้านดีกว่า
"งั้นขอติดบาร์เลยเฮีย" ขนมผู้ร่าเริ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่เฮียคอยน์จะยิ้มรับพร้อมผายมือเชิญพวกฉันเข้าไปในร้าน
เฮ้อ! อย่าเพิ่งมองว่าพวกฉันออกเที่ยวกลางคืนกันบ่อยจนสนิทกับเจ้าของบาร์ แต่เพราะร้านนี้อยู่ห่างมหาลัยฉันแค่ซอยเดียว ฉันกับขนมเลยชอบมากินข้าวและสิงที่นี่ตอนกลางวันบ่อยๆ จนเฮียคอยน์คุ้นหน้า
"ไอ้เข้ม ดูแลสาวๆ โต๊ะพิเศษดิ!" เฮียคอยน์ตะโกนบอกลูกน้อง ก่อนที่ผู้ชายร่างสูงใบหน้าหล่อหวาน ผิวสีแทนจะเดินยิ้มหวานออกมา
"น้องคนสวยอีกแล้ว" เฮียเข้มเอ่ยแซว
"วันนี้ทำไมไม่วีนแตกเฮียคอยน์อะ" ขนมรีบแซะ
"เฮียบอกถ้าให้เรียกไอ้เข้มหนึ่งวันจะให้ทริป" เฮียเข้มขยิบตาหวานให้พวกฉัน ลืมบอกไป... เฮียเข้มที่ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นตุ๊ดน่ะ ถ้าปกติจะให้เรียก 'เจ๊เขม' แทนเฮียเข้ม
"ถึงว่า หน้าระรื่นเชียว" ฉันแซวบ้าง
สังเกตเห็นอะไรไหม?
ตั้งแต่ที่ฉันเจอกับขนมและออกมาข้างนอกฉันเหมือนเป็นคนละคน จนบางทีตัวฉันเองยังคิดว่าตัวเองเป็นไบโพล่าร์คนสองบุคคลิกแต่จริงๆ คงจะเพราะสภาพแวดล้อมมากกว่า
อยู่ที่บ้านที่ไม่เหมือนบ้านตัวเองฉันก็จะเหมือนคนเก็บกดเพราะโดนกดดันต่างๆ นานา แต่พอได้ออกจากกะลาฉันก็เหมือนผีเสื้อมีปีกที่พร้อมจะเริงร่าไปกับสิ่งรอบข้างที่มีชีวิตชีวาอย่างเช่นตอนนี้
"เหมือนเดิมนะคะสาวๆ" เสียงเจ๊เขม ขอเรียกแกว่าเจ๊เขมแล้วกันนะ นั่นแหละ เสียงเจ๊เขมถามขึ้น ฉันสองคนเลยพยักหน้าตอบ
รอไม่นาน น้ำสีฟ้าสดใสอย่างคามิกาเซ่ก็ถูกยกออกมาสองแก้ว
"จะนอนที่นี่หรือให้เจ๊ไปส่ง สั่งเสียไว้เลยนะ" มีแซวนะเจ๊
"ขอไม่เมามากเจ๊ พรุ่งนี้ต้องเข้ามอ" ขนมเป็นคนตอบ
"ไปทำไมอะ" ฉันถาม
ถึงแม้ฉันกับขนมจะเรียนปีเดียวกัน เอกบริหารธุรกิจเหมือนกัน แต่ก็มีบางเซคที่ไม่ได้ลงเรียนด้วยกัน
"จารย์เซคฉันให้เข้าไปฟังสัมมนาอะไรนี่แหละ แอบเซ็งหน่อยๆ กะว่าจะนอนตีพุงแผ่หลาส่อง weibo หนุ่มจีนสักหน่อย" ใบหน้าง้ำงอปรากฏขึ้นจนฉันกับเจ๊เขมส่ายหัวไปมาให้กับแอคติ้งนาง
"ต่อให้แกเรียนอยู่ก็ส่องเถอะ" ฉันแซวเข้าให้
ขนมเป็นผู้หญิงที่คลั่งหนุ่มจีนมากๆ ซีรีย์จีนเรื่องไหนมีนักแสดงหล่อๆ นางเก็บเรียบ แถมยังตามติดส่องชีวิตตามเว่ยป๋อของนักแสดงคนนั้นๆ อีก
"ไม่ต้องมารู้ทัน เอา! ชนแก้ว" เปลี่ยนอารมณ์ไวเกินไปแล้วเพื่อนฉัน
เราสามคนรวมเจ๊เขมนั่งดื่มของมึนเมาไป เม้าท์กันไปได้ราวๆ ชั่วโมงเศษๆ ตอนนี้เลยรู้สึกหนักหัวอยากออกไปรับอากาศบริสุทธิ์หลังร้านสักหน่อย
"หนม รักขอออกไปเดินรับลมหน่อยนะ" ฉันสะกิดบอกขนมที่ตอนนี้กำลังส่องผู้ชายในเว่ยป๋ออย่างจริงจัง "เคๆ ให้เจ๊เขมไปเป็นเพื่อนดิ"
ตานี่ไม่ได้หันมามองเพื่อนเลยนะหนมเอ๊ย!
"ไปมะ เจ๊พาไป" เจ๊เขมคงได้ยินขนมพูดเลยออกตัว
"ไม่เป็นไรค่ะ เจ๊นั่งเป็นเพื่อนหนมเถอะ" เผื่อฉันแอบไปงีบชั้นบนที่เป็นเหมือนห้องรับรองที่เฮียคอยน์ทำไว้สำหรับแขกที่เมามากๆ แล้วกลับไม่ได้ แต่ต้องสนิทกับเฮียแกหรือรู้จักมักคุ้นคนในร้านเท่านั้นนะแกถึงจะให้ขึ้นไปพักได้
"เผื่อแอบไปงีบด้วยค่ะ" ฉันพูดเสริมเมื่อขนมเงยหน้ามามองดุๆ ว่าฉันปฏิเสธเจ๊เขม "โอเคงั้นก็ห้องเดิมนะ กุญแจอยู่ที่เดิม"
เจ๊เขมขยิบตาให้ฉันก่อนจะกลับไปรินน้ำสีฟ้าให้ขนมต่อ
ฉันเลยปลีกตัวออกมาหลังร้านที่เป็นเหมือนสวนหย่อมเล็กๆ มีศาลาหินอ่อนหลังใหญ่ ล้อมรอบด้วยไม้ยืนต้นสามสี่ต้น ใกล้ๆ ศาลามีสระบัวขนาดกลาง ให้นั่งมองหมู่ปลาคาร์ฟน้อยใหญ่แหวกว่าย
"อืม ลมเย็นจัง"
ฉันเดินเข้ามาภายในศาลาหินอ่อนที่ตอนดึกๆ แบบนี้จะมีลมโกรกให้เย็นสบาย รู้สึกได้เลยว่าอาการหนักหัวเมื่อกี้เริ่มจะสร่างลงจางๆ
กรอบบบ...
เสียงเหมือนใครเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นจากมุมหนึ่ง ถ้ามองเลยเข้าไปตรงนั้นที่ค่อนข้างสลัวๆ จะเห็นเปลญวนแขนอยู่กับต้นไม้สองต้น เพ่งอีกนิดจะพบว่าเปลนั้นหย่อนลงมาคล้ายมีคนนอนอยู่ในนั้น
"รักจะไม่รบกวนนะคะ" ฉันกระซิบเบาๆ เหมือนบอกตัวเองแต่ก็คล้ายขออนุญาตคนที่อยู่ในเปลนั้นด้วย
นั่งรับลมต่อสักพักรู้สึกว่ากนังตาจะเริ่มหย่อน อาการมึนหัวกำเริบ สงสัยจะเมาจริงๆ เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมากดส่งข้อความหาขนม
Me : รักขอไปงีบข้างบนนะ ไม่ไหวก็ตามมาล่ะ
กดส่งเสร็จข้อความขึ้นอ่านแล้ว ก่อนที่เพื่อนฉันจะส่งกลับมาเป็นสติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลทำท่าโอเค
ฟิ้วววว จู่ๆ ลมมาจากไหนไม่รู้พัดแรงมากจนผ้าพันคอที่ฉันวางพาดไว้บนโต๊ะปลิวลอยไปทิศทางที่มีเปลญวนผืนนั้นกางอยู่
"อืม" ฉันได้ยินเสียงครางเบาๆ พร้อมเปลที่ขยับไปมา
"เอาไงดีแสนรัก" พึมพำกับตัวเองพร้อมคิดไปด้วย
ฉันจะปล่อยผ้าพันคอผืนนั้นทิ้งไปเลยก็ได้ แต่แอบเสียดายนิดนึงถ้าเกิดมีคนเอามันไปทำผ้าเช็ดมือในวันพรุ่งนี้เช้า
"เอ่อ ขอโทษนะคะ" ตัดสินใจตะโกนเรียกคนที่นอนอยู่ในเปลเสียงดังระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับเลยเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาอีกหน่อย
"เอ่อ ขอโทษนะคะ ขอรบกวนเวลานอนสักนิดได้ไหมเอ่ย" หางเสียงฉันแผ่วลงนิดหน่อยเพราะตอนนี้กำลังจิตตกว่าจะโดนคนที่อยู่ในเปลด่าสวนกลับมาหรือเปล่า
สรุปเงียบเหมือนเดิม ฉันเลยตัดสินใจค่อยๆ เดินเบาๆ ตรงไปยังทางที่ผ้าพันคอฉันปลิวไป
พอเดินเข้ามาใกล้ๆ เห็นผ้าผืนนั้นวางอยู่บนอกแกร่งของผู้ชายคนหนึ่งที่นอนเอียงคอให้ฉันเห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง ตรงนี้มันค่อนข้างสลัวฉันเลยมองใบหน้านั้นไม่ชัด แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าผู้ชายที่นอนอยู่
ปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญอยู่คือผ้าพันคอผืนนั้นที่มันปลิวมาหล่นบนตัวของเขา แถมถูกมือข้างหนึ่งของผู้ชายคนนั้นทับอยู่เกือบครึ่งแผ่น
"เอาไงดีแสนรัก" พึมพำกับตัวเองเบามากๆ อีกครั้ง ยืนหมุนซ้ายแลขวาเผื่อมีใครเดินมาให้ฉันขอความช่วยเหลือ
สวบ... เป็นอีกครั้งที่เปลญวนขยับเพราะร่างหนาในนั้นกระดิกตัว ตอนนี้ผ้าพันคอฉันที่ถูกแขนแกร่งเขาทับไว้ครึ่งผืนร่นออกมาเกือบจะหมิ่นเหม่ อืม ถ้าดึงเบาๆ เขาจะตื่นไหมนะ?
หมับ... ตัดสินใจวางมือลงบนชายผ้าพันคอผืนนั้นที่พาดกับขอบเปลออกมาเบาๆ ก่อนจะกลั้นหายใจดึงออกมาช้าๆ ลุ้นว่าคนหลับจะตื่นกินมากินหัวฉันตอนไหนที่มารบกวนการหลับลึกของเขาแบบนี้
ฟู่~ พ่นลมออกจากปาก เช็ดเม็ดเหงื่อที่ท่วมหน้าผากออกเบาๆ เมื่อเอาผ้าพันคอตัวเองกลับมาสำเร็จ แต่จังหวะที่จะหมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้ามาในร้านกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"หึ!" เป็นเพียงเสียงหัวเราะที่ดังออกมาครั้งเดียวแล้วก็เงียบไป ครั้นตัดสินใจหันกลับไปมองกลับพบว่าคนหลับยังหลับอยู่ท่าเดิม
"สงสัยหูฝาด" สะบัดหัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้ามาในร้านเมามายพร้อมตรงดิ่งขึ้นชั้นสองอย่างที่แชทบอกขนมทันที