ตอนที่ 8.1 สิ้นหวัง
ที่รักใช้แรงทั้งหมดที่มีลากอติเทพเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องของตัวเอง อติเทพยังคงเกรี้ยดกราดฟาดหมัดและฝ่ามือใส่ข้าวของในห้องของที่รักจนกระจัดกระจาย และสุดท้ายก็ชกเข้ากับผนังจนข้อนิ้วแตก
ที่รักตกใจเพราะไม่เคยเห็นรุ่นพี่ในมุมนี้ อติเทพคนเดิมที่อบอุ่นแสนดีกลายร่างเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ล้มเหลวในความรัก ชายหนุ่มเฝ้าโทษตัวเองที่ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งโชแปงไว้ได้ เพราะความขี้ขลาดของเขา
ที่รักเอื้อมมือไปบีบหัวไหล่รุ่นพี่อย่างให้กำลังใจ เฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของอติเทพอย่างเจ็บปวดโดยที่ตัวเองก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกเสียใจไปกับอีกฝ่ายได้มากมายขนาดนี้
“พี่หมอตี้”
อติเทพนั่งอยู่บนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ที่รักทำแผลที่มือให้แล้วก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเขาโดยที่ไม่พูดอะไร ปล่อยให้หมอหนุ่มรุ่นพี่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงกุกกักจากข้างห้องก็เริ่มดังขึ้น ที่รักเหลือบมองผนังห้องทางด้านหัวเตียงนอนของเขา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
กรอบรูปที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงเริ่มขยับเพราะแรงสั่นสะเทือน แล้วใบหน้าเลื่อนลอยของอติเทพก็เริ่มได้สติและหันไปมองตาม
ที่รักรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูของรุ่นพี่ ออกแรงดึงใบหน้าเศร้านั้นเข้ามาหาตัวเอง อติเทพมองรุ่นน้องอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไปที่รักก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“ดึกแล้ว พี่หมอตี้กลับบ้านดีไหมครับ ป่านนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่แล้ว”
คำว่าพ่อแม่ยิ่งตอกย้ำให้อติเทพช้ำหนัก เพราะรักเคารพและไม่อยากทำให้ท่านทั้งสองต้องผิดหวัง เขาจึงได้บอบช้ำถึงเพียงนี้
“พี่ยังไม่อยากกลับ”
คำปฏิเสธของรุ่นพี่ทำให้ที่รักเริ่มหนักใจ ขืนปล่อยให้อยู่ในห้องของเขาคงได้นอนฟังเสียงครางของโชแปงกับฌอนทั้งคืนแน่
“พี่ขอนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหมคะ?”
น้ำเสียงชายหนุ่มฟังดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน แล้วที่รักจะซ้ำเติมด้วยการให้เขาได้ยินได้ฟังได้รับรู้ว่าคนที่เขารักกำลังร่วมรักกับใครอีกคนได้อย่างไร
“ไม่ได้นะครับ”
ที่รักรีบปฏิเสธพร้อมกับออกแรงดันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน เป็นการปิดบังไม่ให้เสียงกระแทกกระทั้นนั้นมันดังเข้าไปในหูของอติเทพ
สีหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่เจื่อนลงในทันที ก่อนจะโยกศีรษะขึ้นลงช้า ๆ อย่างเข้าใจ
ดึกขนาดนี้ที่รักคงอยากพักผ่อนมากกว่าที่จะมานั่งเฝ้าคนอกหักอย่างเขา อติเทพจึงดึงมือของรุ่นน้องออกจากใบหน้าเพื่อจะได้กลับออกไป ยังไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน แต่ที่รู้คือเขายังไม่อยากกลับบ้าน
แต่ที่รักกลับยื้อฝ่ามือเอาไว้ ส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใยมาให้ “ออกไปนั่งรถเล่นกันไหมครับ เลิฟขับให้เอง”
แล้วที่รักก็อาศัยจังหวะที่เสียงจากข้างห้องเงียบลง ฉุดอติเทพให้ลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วดันหลังรุ่นพี่ให้ออกมาจากห้อง พอทั้งสองเดินห่างออกมา เสียงครางอื้ออ้าก็ดังมาตามหลัง ที่รักเหลือบมองใบหน้าของอติเทพที่ชะงักไป แววตานั้นแสดงถึงความสับสนทั้งเจ็บปวดโกรธแค้นแสนเศร้ามันปะปนกันไปหมด
อติเทพเข้าไปยืนเนื้อตัวสั่นอยู่ในลิฟท์โดยมีที่รักคอยบีบมือและลูบลงบนต้นแขน เขารับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงอย่างที่เจ้าตัวกำลังพยายามจะข่มใจไม่ให้กลับเข้าไปทำร้ายใครหรือแม้แต่ทำร้ายตัวเอง
ที่รักลอบพ่นลมออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อพาอติเทพเข้ามานั่งอยู่ในรถได้ เขารีบสตาร์ทรถและขับออกไปจากคอนโดในทันที ไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่รู้จะพาหมอหนุ่มรุ่นพี่ไปที่ไหน เขารู้แค่ต้องพาออกไปให้ไกลที่สุดเท่านั้นพอ
ชายหาดนาจอมเทียนตอนตีสามมันเงียบสงัดราวกับไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว หรืออาจเพราะที่รักจอดรถอยู่ริมถนนสุดชายหาดด้านหน้าโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
เด็กหนุ่มลดกระจกรถลงมาเพื่อให้ลมทะเลพัดผ่าน เผื่อว่าอติเทพจะรับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าเป็นชายหาดไม่ใช่ใบหน้าของโชแปง
“ที่ไหนเหรอคะ?”
ดูเหมือนว่าอติเทพจะเพิ่งรู้ตัวว่ารถที่แล่นอยู่บนถนนได้จอดสนิทลงแล้ว ชายหนุ่มมองออกไปรอบ ๆ ก่อนจะหลับตาสัมผัสไอเย็นของลมทะเลและกลิ่นเค็ม ๆ ของมัน
“บ้านเลิฟเองครับ”
ที่รักพเยิดหน้าไปทางอีกฝั่งถนนซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยหินศิลาแลงแกะสลักเป็นหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะอง งดงามราวกับนางในวรรณคดี
อติเทพเคยรู้มาบ้างว่ามารดาของที่รักแต่งงานใหม่กับชาวต่างชาติที่มาตั้งรกรากอยู่พัทยา ทั้งสองเปิดโรงแรมเล็ก ๆ อยู่บนหาดนาจอมเทียน แล้วส่งที่รักไปเรียนในกรุงเทพ เพราะเรียนหมอนั้นค่อนข้างหนัก แถมที่รักยังติดเที่ยว นาน ๆ ทีถึงได้กลับมาเยี่ยมพวกท่าน
อติเทพเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ กำลังจะถามว่าที่รักพาเขามาถึงที่นี่ทำไมกัน แต่ไม่ต้องรอให้รุ่นพี่ถาม ที่รักก็อธิบายแกมบังคับ
“พี่หมอตี้ต้องพักครับ เดี๋ยวเลิฟจะจัดการเรื่องลางานให้ อยู่ที่นี่สักสองสามวันนะครับ แล้วค่อยกลับไปสู้ต่อ”
อติเทพคิดตามสักพัก แล้วก็ปฏิเสธ “พี่เป็นหมอนะคะ จะทิ้งคนไข้แบบนั้นได้ยังไง”
“ตอนนี้พี่รักษาตัวเองให้หายก่อนเถอะครับ” ที่รักสวนกลับทันควันเช่นกัน
“บางที ถ้าพี่ได้คุยกับโชอีกครั้ง เขาอาจจะใจอ่อนก็ได้”
อติเทพพูดขึ้นมาราวกับเพ้อ จึงทำให้ที่รักรู้ว่าที่นั่งเงียบมาตลอดทางเพราะรุ่นพี่กำลังคิดถึงแต่โชแปง และพยายามหาทางขอโอกาส
ที่รักถอนลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยเรียกรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่หมอตี้ครับ”
เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โชแปงนอกใจ มีผู้ชายอีกหลายคนที่โชแปงนอนด้วย เรื่องนี้พี่ชายข้างห้องเป็นคนเล่าให้เขาฟังเอง และเขาก็ได้ยินเสียงทุกคืน ฌอนอาจจะมาบ่อยหน่อย แต่ยังมีโจ ตั้ม แล้วก็อีกคนที่เขาเองก็จำชื่อไม่ได้
“พี่รู้ว่าโชทำไปเพราะประชด โชไม่ได้อยากจะเลิกกับพี่จริง ๆ หรอก ต่อไปพี่จะปรับปรุงตัว พี่จะให้เวลาเขามากกว่าที่ผ่านมา”
“แต่เลิฟว่า…”
“เรากลับกรุงเทพกันเถอะนะคะ” อติเทพตัดบท พลางก็ยกฝ่ามือขึ้นขยี้ศีรษะที่รัก “ขอบคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนพี่ ส่วนเรื่องลางานพี่ว่าไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ขอแวะไปคุยกับโชแป๊บเดียวแล้วจะเลยไปโรงพยาบาล”
“โธ่… พี่หมอตี้”
ที่รักมองหน้ารุ่นพี่อย่างเหนื่อยใจแกมสงสาร เขาทำขนาดนั้นยังจะไปง้อเขาอีกเหรอ ตอนนี้โชแปงคงยังนอนกกอยู่กับฌอน ขืนอติเทพกลับไป ต้องมีเรื่องกันอีกแน่ แต่ที่รักก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร เขาจึงจำใจพาอติเทพกลับมา แต่ถ่วงเวลาด้วยการขอจอดนอนพักอยู่ตรงชายหาดจนเกือบเช้า กว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพก็เกือบเจ็ดโมง
ที่รักมาส่งอติเทพที่หน้าห้องของโชแปง ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องข้าง ๆ ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็คิดว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องเคลียร์กัน