ตอนที่ 7 ความคาดหวังที่ไม่มีวันคว้าถึง
ไม่ถึงเที่ยงคืนดีที่รักกับโชแปงก็พากันกลับมาถึงคอนโด และแน่นอนว่ารุ่นพี่ข้างห้องต้องพาแฟนหนุ่มอย่างฌอนกลับมาด้วย
โชแปงขยิบตาให้ที่รัก ก่อนจะเดินคลอเคลียกับฌอนหายเข้าไปในห้องของตัวเอง ที่รักส่งยิ้มให้พร้อมกับมองตามด้วยความอิจฉา
ที่ร้านนั่น โชแปงแนะนำเพื่อนของเขาให้ที่รักรู้จัก แต่หลังจากใช้เวลาดื่มไปคุยกันไปกว่าสองชั่วโมง ที่รักก็ปฏิเสธที่จะไปต่อ เพราะถึงแม้จะหล่อแต่เขาก็ยังไม่ถูกใจ ด้วยในใจคิดเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่างอติเทพอยู่ตลอดเวลา
“อยากได้ผัวเป็นหมอติดแม่แต่ไปหาในร้านเหล้าเนี่ยนะ มันจะได้ไหมล่ะที่รัก” ชายหนุ่มถามพลางก็ส่ายหน้าให้กับตัวเอง
หลังโทรไปรายงานเพื่อนรักอย่างปลายฝันว่าตัวเองกลับถึงห้องอย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง แค่มึนนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเมา ที่รักก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอน และแน่นอนว่าเสียงของโชแปงกับฌอนก็ดังแว่วมากระตุ้นอารมณ์เช่นเคย
“โอย… จะได้นอนไหมวะคืนนี้”
บางทีเขาอาจต้องทบทวนเรื่องย้ายที่อยู่ คงต้องหาห้องที่มันเก็บเสียงดีกว่านี้หน่อย หรือไม่ก็ต้องหาเพื่อนบ้านที่เซ็กส์ไม่จัดเท่ากับโชแปง
ที่รักพาตัวเองมานอนบนโซฟาเช่นเคย เพื่อป้องกันการต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกระทุ้งผนังห้อง แต่ยังไม่ทันจะหลับลึก เขาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากข้างห้อง
ที่รักขมวดคิ้วมุ่น ลุกขึ้นมานั่งฟังอยู่สักพักก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่เสียงการร่วมรักอย่างแน่นอน แต่เป็นเสียงของคนทะเลาะกัน และเนื้อเสียงหนึ่งนั้นช่างคุ้นหูเหลือเกิน
นักศึกษาแพทย์หนุ่มไม่รอช้า เมื่อแน่ใจว่าเป็นเสียงของหมอรุ่นพี่ เขาไม่ได้หูฝาดหรือเพ้อถึงอติเทพแน่นอน หลักฐานคือเจ้าตัวยืนจังก้าอยู่ในห้องของโชแปง
“ตั้งแต่เมื่อไร?”
ชายหนุ่มที่เคยอบอุ่นนุ่มนวล พูดจาคะขาตลอดเวลา บัดนี้กำลังยืนกำหมัดแน่น สายตาเกรี้ยวกราดจ้องมองหน้าพี่ข้างห้องของที่รักอย่างคาดคั้น
“โชนอกใจตี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
อติเทพถามย้ำ เขาจ้องเขม็งเข้าไปด้านใน ที่มีโชแปงยืนทำหน้านิ่ง กับฌอนที่ยืนงงอยู่ไม่ห่างกัน ทั้งสองอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยนัก หรือเรียกอีกอย่างว่าเกือบเปลือย
“เมื่อไรมันไม่สำคัญหรอก ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่”
โชแปงตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ไม่สนว่าคนตรงหน้า จะมีอาการ เกรี้ยวกราดขนาดไหน
“โชหมายความว่าไง?”
ใบหน้าคนถามเหยเกผิดรูป ดูเหมือนอติเทพกำลังพยายามระงับอารมณ์โกรธ นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำ ฝ่ามือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนท่อนแขนสั่นเกร็ง
“ถ้าตี้รับไม่ได้ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก โชพอใจที่จะใช้ชีวิตแบบนี้”
“ใช้ชีวิตแบบนี้? หมายความว่าในขณะที่เราเป็นแฟนกัน โชก็จะไปนอนกับใครก็ได้งั้นเหรอ?” อติเทพคว้าต้นแขนโชแปง ก่อนจะจับร่างอีกฝ่ายเขย่าอย่างแรง
โชแปงนิ่วหน้า ก่อนจะสะบัดตัวออกด้วยแรงที่มากกว่า เขามองใบหน้าชายคนรักอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน “เป็นแฟนเหรอตี้ เรายังเป็นแฟนกันเหรอ?” โชแปงผลักอกอติเทพ จนอีกฝ่ายเซไปชนกับผนัง “ตี้กล้าเรียกความสัมพันธ์ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาของเราว่าแฟนเหรอ? ตี้กล้าบอกใครต่อใครไหมว่าโชเป็นแฟนอะ ตี้กล้าเดินจับมือโชเดินห้างไหม? ตี้กล้าบอกพ่อแม่ว่าโชมีตัวตนอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า ตี้มีเวลาให้โชเดือนละกี่วัน เวลาที่โชต้องการตี้ ตี้อยู่ที่ไหน?”
โชแปงพรั่งพรูทุกอย่างออกมา ใครจะว่ามันเป็นข้ออ้างหรือคำแก้ตัวเมื่อถูกแฟนจับได้ว่านอกใจก็ช่าง เขายอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่ใช่แค่ฌอนหรอก อีกหลายคนที่เวียนวนเข้ามาในชีวิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอติเทพให้เขาไม่ได้อย่างที่ชายหนุ่มต้องการ
“โช! เราเคยตกลงกันแล้วนี่”
อติเทพคว้ามือโชแปงมากุมไว้ ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาที่บัดนี้มันแดงก่ำไม่ต่างจากเขา และมันยังมีน้ำใส ๆ ที่กำลังเอ่อขึ้นมาอีกด้วย
โชแปงคิดถึงสิ่งที่ทั้งสองเคยตกลงกัน อติเทพไม่กล้าบอกครอบครัวว่ามีโชแปงเป็นแฟน ทั้งสองจึงต้องแอบคบกัน โชแปงมีตัวตนแค่ตอนอยู่ในห้องเท่านั้น วงกลมของพวกเขาสองคนซ้อนทับกันเพียงแค่เส้นรอบวงเท่านั้นเอง
โชแปงเคยพอใจในความสัมพันธ์แบบนั้นในวันเริ่มต้นที่เขาเป็นเพียงชายหนุ่มรักสนุก แต่เมื่อเวลาพ้นผ่าน ความผูกพันมันทำให้ความต้องการของเขาเริ่มแปรเปลี่ยน เขาอยากมีตัวตนในโลกของอติเทพ เขาอยากครอบครองเป็นเจ้าของ เขาต้องการเวลา ไม่ใช่แค่คำว่ารักที่ออกมาจากปาก แต่อติเทพกลับพาตัวเองไปอยู่เสียไกล ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานใช้ทุน
“แต่วันนี้โชต้องการมากกว่านั้น ตี้ให้โชได้ไหมล่ะ?” โชแปงตะคอกกลับ ทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบว่าอติเทพไม่มีทางให้เขาได้ “กลับไปเป็นลูกแหง่ของพ่อกับแม่ แล้วก็หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่กล้ายอมรับตัวเองอย่างที่ตี้เป็น แล้วปล่อยโชไปเถอะ” โชแปงสะบัดมือออกจากคนรัก แล้วออกแรงผลักอติเทพให้ออกไปจากห้อง
“ไม่นะโช ไม่เอาแบบนี้ ตี้รักโช ตี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อขอย้ายกลับมาใช้ทุนที่นี่ก็เพราะตี้อยากอยู่กับโชนะ”
จากท่าทางเกรี้ยดกร้าวในตอนแรก บัดนี้อติเทพแทบจะคุกเข่าอ้อนวอน เขาไม่เคยรู้สิ่งที่อยู่ในใจคนรักมาก่อน ภายใต้รอยยิ้มหวานช่างเอาอกเอาใจ และรอคอยเขาอย่างว่าง่ายตลอดเวลาที่ผ่านมา โชแปงซุกซ่อนความคาดหวังเอาไว้ ความคาดหวังในแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะให้ได้
“ตี้ขอเวลาหน่อยได้ไหม?” อติเทพถามอย่างอ้อนวอน
“นานเท่าไรตี้ สี่ปีมันยังไม่พออีกเหรอ?” โชแปงถามกลับอย่างสิ้นหวัง และดูมันจะไม่เหลือเยื่อใยให้อติเทพได้เห็นหนทางที่จะยื้อคนรักเอาไว้ เพราะแม้แต่เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน ว่าเขาต้องใช้เวลาอีกเท่าไรที่จะกล้ายอมรับและบอกกับใคร ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“เราเลิกกัน”
วลีนั้นราวกับฟ้าที่ผ่าลงมากลางศีรษะและแล่นพล่านลงไปบาดถึงขั้วหัวใจ อติเทพทรุดลงในทันที ชายหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก คว้าร่างของโชแปงเข้าไปกอด
“ไม่นะโช ตี้รักโช ตี้จะลืมเรื่องที่โชมีคนอื่น มันเป็นความผิดของตี้เอง เรามาเริ่มกันใหม่ได้ไหม ตี้สัญญาว่าต่อไปนี้จะมีเวลาให้โชมากกว่าที่ผ่านมา”
“ได้ตี้” โชแปงก้มมองคนรักด้วยสายตาเยือกเย็น “แต่โชขอไปดูหนัง กินข้าว ดื่มเหล้า ไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วก็พาฌอนไปแนะนำให้เพื่อนของโชรู้จักด้วยนะ เพราะตี้ทำแบบนั้นกับโชไม่ได้ อ้อ… อีกอย่าง ตี้ก็รู้ว่าโชขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้ ถ้าคืนไหนที่โชต้องการแล้วตี้ไม่ว่าง ฌอนจะทำแทนตี้ ตี้โอเคไหม? ถ้าได้ก็ดิว!”
“โช!”
“ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไปจากชีวิตโชเสียที โชไม่อยากอยู่อย่างไม่มีความหวัง โชรักตี้มากขึ้นทุกวัน แต่ไม่มีทางครอบครองเป็นเจ้าของได้ แล้วจะให้โชอยู่ไปเพื่ออะไร? ไปซะ ออกไป!”
“ไม่! โช ตี้ขอร้อง”
อติเทพกอดขาของโชแปงแน่นไม่ยอมปล่อย อีกฝ่ายก็พยายามจะสะบัดออกด้วยความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน เขารักเพราะอติเทพอบอุ่นยามสวมกอด เร่าร้อนยามปรารถนา เป็นแฟนที่ดีในพื้นที่แคบ ๆ ที่มีเพียงเขาสองคน แต่โชแปงก็เกลียด เกลียดที่อีกฝ่ายไม่มีเวลา ไม่มีที่ให้เขายืนเคียงข้างในเส้นทางชีวิต และไม่เคยคิดว่านั่นมันเป็นปัญหาของความรัก พอใจที่มีเขาเป็นแค่เงาที่ไม่มีใครเห็น แต่โชแปงต้องการมากกว่านั้น และเขารู้ว่าอติเทพไม่มีทางให้ได้
โชแปงกัดฟันเงื้อฝ่ามือขึ้นตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของอติเทพ รอยแดงกระจายขึ้นบนซีกแก้มด้านนั้นทันควัน ก่อนจะสะบัดตัวจนหลุดจากการเกาะกุม แล้วถอยไปยืนเคียงข้างฌอนที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เบื้องหลัง
“เลิฟ!” โชแปงเรียกชื่อรุ่นน้องข้างห้องที่ชะโงกหน้าเข้ามาเสียงต่ำ “ช่วยเอารุ่นพี่ของเลิฟออกไปจากห้องพี่ที”
ที่รักสะดุ้งเฮือกราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์ หลังยืนตัวเกร็งดูสถานการณ์อยู่หน้าห้องมานาน เห็นและได้ยินทุกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องถามย้ำถึงที่มาที่ไป
ชายในลิฟท์ที่เขาเห็นในเช้าวันนั้นเป็นอติเทพอย่างแน่นนอนไม่ต้องสงสัย และเขาเข้าใจความรู้สึกของโชแปงดีหลังจากที่ได้รู้จักครอบครัวของอติเทพ ในขณะเดียวกัน ก็เข้าใจความลำบากใจของอติเทพด้วยเช่นกัน หมอหนุ่มรุ่นพี่ผู้แบกรับความคาดหวังของครอบครัว