ตอนที่ 6.2 ผิดฝาผิดตัว
ในขณะที่เหนือเทพหายหน้าไปหลายวัน ความสัมพันธ์ของปลายฝันกับอติเทพก็เพิ่มมากขึ้น เพราะอุษาเร่งเร้าให้ลูกชายพารุ่นน้องมาทานมื้อเย็นที่บ้าน
อติเทพชวนที่รักไปด้วยเพราะไม่ได้คิดอะไรกับปลายฝันเกินน้องสาว ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดไปไกล แต่ก็ขัดมารดาไม่ได้ อีกอย่างปลายฝันกับที่รักก็ตัวติดกันตลอดเวลา ถึงเขาไม่ชวน ปลายฝันก็คงขอให้ที่รักไปด้วยอยู่ดี
แต่คนที่รู้สึกอึดอัดกลับเป็นที่รัก เด็กหนุ่มหงุดหงิดหัวใจโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งยามที่ชนะพลและอุษาพยายามจับคู่ให้ลูกชายกับปลายฝัน ที่รักก็แทบไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มจึงขอตัวออกมาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน
“เป็นอะไรไปคะ เบื่อเหรอ?”
อติเทพเดินตามออกมาในจังหวะที่ปล่อยให้ปลายฝันช่วยมารดาตั้งโต๊ะอาหาร โดยอ้างว่าจะออกมาตามที่รัก
“เปล่าครับ เลิฟแค่ไม่ค่อยถนัดงานในครัวเท่าไร” เด็กหนุ่มปฏิเสธพลางก็ปั้นรอยยิ้มแสนหวานส่งไปให้รุ่นพี่
“ไม่ถนัดงานในครัว แล้วถนัดอะไรคะ งานในสวนเหรอ?”
อติเทพเอ่ยแซว เพราะที่รักพาตัวเองมาเดินวนอยู่ในสวนแคบ ๆ กว่าครึ่งชัวโมงแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันมีแค่ไม้ประดับไม่กี่ต้นกับพืชผักสวนครัวที่คนรับใช้ในบ้านขอปลูกเอาไว้เพื่อใช้ปรุงอาหาร
“ถนัดงานบนเตียงน่ะครับ”
คำพูดเรียบง่ายราวกับเป็นเรื่องปกติที่หลุดออกมาจากปากของที่รักทำอติเทพชะงักมือที่กำลังเก็บใบไม้แห้งออกจากพุ่มของมัน ชายหนุ่มจึงปาเศษใบไม้ใส่หน้ารุ่นน้องอย่างหยอกล้อ
“เราเนี่ยนะ”
“โอ๊ย! พี่หมอตี้ อี๋ สกปรก” ที่รักรีบปัดเศษใบไม้แห้งออกจากใบหน้า รวมทั้งบางชิ้นที่มันติดอยู่บนเส้นผม
อติเทพมองขำ ๆ พลางก็เอื้อมมือไปช่วยปัดออกให้ ในจังหวะนั้น ที่รักก็ช้อนตาขึ้นมามองพอดี
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรง ยามมองใบหน้าหล่อเหลาแสนอบอุ่นของรุ่นพี่ ไม่ใช่มีแค่ปลายฝันเท่านั้นหรอกนะที่แอบปลื้มอติเทพ ที่รักเองก็เช่นกัน ภายใต้ท่าทางกร้านโลกกล้าแสดงออก หยอกเอินผู้ชายไปทั่วของเขา มันซ่อนความจริงจังเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่อติเทพเองก็คิดว่าที่รักแค่หยอกเล่นตลอดเวลา
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ น้องปลายกับคุณแม่คงตั้งโต๊ะพร้อมแล้วล่ะ”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชนะพลและอุษาขยันเชียร์ลูกชายกับปลายฝัน อติเทพก็ไม่คิดขัดใจบิดามารดาคอยเอาอกเอาใจรุ่นน้อง แต่ด้วยความที่เป็นคนใส่ใจทุกคน ที่รักจึงได้รับการเอาใจใส่จนความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินนั้นลดลงไป อีกอย่างเพื่อนอย่างปลายฝันก็มักดึงเขาเข้าไปอยู่ในบทสนทนาด้วยเสมอ
ที่รักได้แต่มองอย่างยอมรับและปลอบใจตัวเอง ว่าทั้งสองนั้นเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แม้ลึก ๆ แล้วจะรู้สึกว่าเคมีของปลายฝันเข้ากันกับเหนือเทพมากกว่า ถ้าให้เขาเป็นคนจัดสรร ปลายฝันต้องคู่กับเหนือเทพ ส่วนผู้ชายนิ่ม ๆ อบอุ่นละมุนละไมอย่างอติเทพ มันต้องเจอคนเด็ด ๆ อย่างที่รักนี่
พอ ๆ ๆ เลิกละเมอเสียที
ที่รักบอกตัวเองก่อนจะตักอาหารเข้าปาก นั่งเคี้ยวเงียบ ๆ พูดคุยบ้างเมื่อถึงซีนของตัวเอง เขารู้จักกาลาเทศะอยู่บ้าง รู้ว่าควรจะพูดเมื่อไรและเงียบเมื่อไรยามอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่อย่าให้อยู่บนเตียงกับผู้ชายล่ะ จะจัดหนักให้ดู
ในขณะที่อติเทพขับรถมาส่งที่รักกับปลายฝัน โชแปงก็โทรเข้ามาหาที่รัก และชวนไปเที่ยวด้วยกัน ที่รักอยากให้เพื่อนสาวได้ใช้เวลากับรุ่นพี่ กอปรกับตัวเองก็รู้สึกเซ็ง ๆ ถ้าได้ไปเปิดหูเปิดตากับโชแปงน่าจะดีกว่า เขาจึงขอให้อติเทพแวะไปส่งที่ร้านที่โชแปงส่งโลเคชันมาให้
“อย่ากลับดึกนักนะเลิฟ แล้วก็อย่าดื่มจนเมาด้วย”
ปลายฝันเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพราะนอกจากต้องตื่นมาเข้าเวรแต่เช้าแล้ว ร้านที่ที่รักกำลังจะเข้าไปก็ดูน่ากลัวไม่น้อย
“ไม่ต้องห่วงน่า ยังไงก็อยู่คอนโดเดียวกับพี่เขา”
ที่รักโบกมือลาเพื่อนสาวและรุ่นพี่ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้าน ส่วนอติเทพก็มองตามหลังรุ่นน้องเข้าไป เขาเหลือบเห็นรถยนต์คันคุ้นตา สีและรุ่นเดียวกับของโชแปง เพียงแต่มองไม่เห็นป้ายทะเบียนเท่านั้น
“มีอะไรเหรอคะพี่หมอ” ปลายฝันถามอย่างสงสัย เพราะอติเทพเพ่งมองตามที่รักอยู่นาน
“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ พี่แค่เป็นห่วงน้องเลิฟน่ะ”
“ปลายก็เป็นห่วงเหมือนกันค่ะ แต่ปกติเลิฟดื่มไม่หนักหรอกค่ะ แล้วก็ดูแลตัวเองได้ ยังไงก่อนเที่ยงคืนปลายจะโทรตามอีกที”
“อย่างนั้น เรากลับกันเลยนะคะ”
“ค่ะ”
อติเทพเคลื่อนรถออกมา พลางก็ว่าไม่ได้ไปส่งที่รักก็เลยไม่รู้จักที่พักของรุ่นน้องเลย ปลายฝันบอกว่า เอาไว้วันหลังเธอจะพาไป เธอไปค้างกับที่รักอยู่บ่อย ๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเธอ