ตอนที่ 5.2 ใครอยู่ในห้อง
อีกหลายคืนต่อมาอติเทพไม่ต้องอยู่เวรต่อที่ห้องฉุกเฉิน หลังออกเวรจากวอร์ดศัลยกรรม หมอหนุ่มก็เก็บของเตรียมกลับ เขายกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี เพราะที่ที่กำลังจะไปไม่ใช่บ้าน แต่เป็นห้องพักของใครบางคน
ก่อนหน้านี้อติเทพต้องไปอินเทิร์นที่ต่างจังหวัด จึงไม่ค่อยได้เจอคนรักบ่อยนัก หลายเดือนกว่าเขาจะมีเวลาลงมาหา และไม่บ่อยนักที่โชแปงจะบินไปหาเขาที่นั่น
ใช่แล้ว คนรักของเขาชื่อโชแปง
ทั้งสองพบกันเมื่อหลายปีก่อน และแน่นอนว่าโชแปงเป็นฝ่ายเข้ามาจีบ อติเทพในตอนนั้น แล้ะวทั้งสองก็คบกันมาจนถึงตอนนี้ แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของนายแพทย์ชนะพล และแพทย์หญิงอุษา กรกุล เขาจึงไม่กล้าเปิดเผยกับบิดามารดาว่าแฟนของเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่พวกท่านพยายามจะจับคู่ให้ โชแปงจึงเป็นแฟนที่ไม่มีใครรู้ ราวกับไม่มีตัวตน แต่ทั้งสองก็คบกันมายาวนานถึงสี่ปีเต็ม
เพราะก่อนหน้านี้ต้องอยู่ห่างกัน เมื่อกลับมาอยู่ใกล้อีกครั้งมันก็ต้องจัดหนักกันหน่อย อย่างคืนก่อนนั่นยังไงล่ะ คนรักของเขาเก่งนักเรื่องบนเตียง อติเทพหัวเราะหึ ไม่ใช่แค่บนเตียงหรอก ห้องน้ำ โซฟา หรือว่า บนโต๊ะ ก็เก่งทั้งนั้น เหลือแค่ระเบียงเท่านั้นละมั้งที่ทั้งสองยังไม่เคยลอง เพราะมันออกจะเสี่ยงไปเสียหน่อย
อติเทพคิดถึงคนรัก พลางก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหา ว่าเขากำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว อีกฝ่ายส่งข้อความตอบกลับมา ว่าเขายังไม่เลิกงาน น่าจะอีกสักสองชั่วโมงเจอกันที่ห้องนะครับที่รัก
หมอหนุ่มยิ้มหวาน รีบหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะรีบเปิดประตูห้องตรวจออกไป
แต่แล้วรอยยิ้มของหมอหนุ่มก็ต้องค้าง เมื่อคนที่กำลังเยี่ยมหน้าเข้ามาส่งยิ้มหวานมาให้
“พี่หมอครับ”
“ที่รัก!”
เพราะในหัวยังมีข้อความสุดท้ายของคนรักลอยอยู่ อติเทพจึงเผลอเรียกออกมาซึ่งมันเป็นชื่อจริงของที่รักพอดี
“อุ๊ย! ชอบเวลาพี่หมอตี้เรียกว่าที่รักจัง เปลี่ยนจากเรียกน้องเลิฟเป็นที่รักถาวรเลยดีไหมครับ”
อติเทพยิ้มกว้าง ขบขันกับท่าทางของที่รัก มันก็น่ารักอยู่หรอกนะ หากว่าเขาไม่มั่นคงกับคนรัก คงตกหลุมที่รักได้ไม่ยาก
“เก็บเอาไว้ให้แฟนน้องเลิฟเรียกดีกว่าไหมคะ”
อติเทพยกฝ่ามือขึ้นขยี้ศีรษะของรุ่นน้อง ก่อนจะมองเลยไปที่ปลายฝัน หมอหนุ่มส่งยิ้มให้ อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบพร้อมกับชวนไปทานข้าวด้วยกัน
“ปลายกับเลิฟกำลังจะไปกินบุฟเฟ่ต์ พี่หมอตี้ไปด้วยกันไหมคะ?”
หมอหนุ่มลังเล เพราะใจมันโบยบินกลับไปถึงคอนโดของโชแปงแล้ว
“ไปด้วยกันนะครับ เลิฟกดคูปองมาจากแอพแล้วสามใบ หมดอายุวันนี้แล้วด้วย”
อติเทพมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ที่รักโชว์คูปองที่ซื้อไว้ให้ดู แล้วก็เหลือบมองเวลา เมื่อเห็นว่าสาขาที่จองอยู่ไม่ไกลและเป็นทางผ่านที่จะไปคอนโดของโชแปงอยู่แล้ว อีกอย่างแฟนหนุ่มก็ยังไม่เลิกงาน เขายังพอมีเวลา อติเทพจึงตัดสินใจพยักหน้ารับ
“เอาคูปองใกล้หมดอายุมาขู่พี่ขนาดนี้ พี่จะไม่ไปได้ยังไงล่ะคะ”
ทั้งสามพากันไปนั่งอยู่ในร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่เมนูส่วนใหญ่เป็นปลาแซลมอนของโปรดของที่รัก พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เป็นปลายฝันกับที่รักนะที่สนุกกันอยู่สองคน ส่วนอติเทพนั้น ถูกรุ่นน้องทั้งสองผลัดกันแทะโลมเสียมากกว่า
พอครบเวลาทั้งสามก็อิ่มกำลังดี อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ
“อ้อ… พี่ว่าจะถาม” จู่ ๆ อติเทพก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจ “วันนี้ไม่มีรถเบนซ์คันใหญ่มารับเราสองคนเหรอ?”
ถามสองคนแต่หมอหนุ่มเอี้ยวใบหน้าไปทางปลายฝัน หญิงสาวจึงหุบยิ้มที่กำลังมีความสุขลงทันที
มันคือความรู้สึกพอใจเจือผิดหวัง พูดแค่นั้นไม่เห็นต้องทำจริงเลย หญิงสาวกำลังคิดถึงเจ้าของรถที่อติเทพถามถึง มัวแต่น้อยใจจนลืมตอบคำถามรุ่นพี่
“เฮียสามเขามารับส่งเพราะว่าเลิฟเจ็บขาน่ะครับ แต่ตอนนี้หายแล้ว เฮียก็เลยหายไปด้วย” ที่รักตอบแทนปลายฝัน เหล่มองเพื่อนสาวนิดหน่อยอย่างพยายามเดาความรู้สึก
“เฮียสาม? พี่ชายน้องเลิฟเหรอคะ?”
“เปล่าครับ เป็น…” ที่รักกำลังครุ่นคิดว่าจะให้คำกำจัดความสถานะของเหนือเทพว่าอะไรดี
“หรือว่าเขามาตามจีบน้องเลิฟ?”
“โอ๊ย!” ที่รักอุทานพลางก็ยิ้มขำ “ถ้าเฮียสามสนใจเลิฟล่ะก็ไม่ต้องจีบหรอกครับ เลิฟจะรับรักทันทีเลย”
“ใจง่ายนะเราน่ะ” อติเทพยื่นมือมาจีบจมูกที่รักอย่างหมั่นเขี้ยว เด็กอะไร น่า… ชะมัด “ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่ามาตามจีบน้องปลายเหรอคะ?”
หมอหนุ่มหันไปถามปลายฝัน หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงอึก ๆ อัก ๆ
“ใช่ครับ แต่ปลายไม่สนใจ เพราะในหัวใจมีพี่หมอตี้คนเดียว ฮิ้ว…”
ที่รักชงเพื่อนสาวให้รุ่นพี่ทันที แม้อติเทพจะรู้ดีว่าปลายฝันแอบปลื้มตนมานาน แต่ก็ไม่มีทีท่าจะมีใจให้รุ่นน้อง มีแต่ความเอื้ออาทรในฐานะพี่ชายที่แสนดีให้เท่านั้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เราสองคนเนี่ยนะ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ศีรษะรุ่นน้องทั้งสองคน ก่อนจะชักชวนให้ออกจากร้าน เพราะครบเวลาแล้ว แต่พอทั้งสามเดินออกมาหน้าร้าน ก็พบเข้ากับคนที่ไม่คาดคิด
“ตาตี้”
ชายหญิงสูงวัยสองท่านอุทานเรียกชื่อของอติเทพ ใบหน้าของท่านทั้งสองเคลือบไปด้วยรอยยิ้มดีใจ
“คุณพ่อ คุณแม่”
อติเทพก็ตกใจเช่นกัน ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปหาท่านทั้งสอง กอดทักทาย แล้วก็จับมือผู้เป็นมารดาตลอดเวลาขณะที่พูดคุย
“นั่นแน หนีลูกมาเดทกันสองคนอีกแล้วใช่ไหมครับ?” หมอหนุ่มแซวบิดามารดายิ้ม ๆ
“แล้วเราล่ะ ก็ไหนบอกพ่อกับแม่ว่าอยู่เวร แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่?” อุษาถามลูกชายอย่างจับผิด พลางก็มองเลยไปที่ที่รักแล้วหยุดที่ใบหน้าหวาน ๆ ของปลายฝัน
เมื่อบิดามารดาพากันจ้องหน้ารุ่นน้อง อติเทพจึงรีบแนะนำ “นี่น้องเลิฟกับน้องปลาย เป็นรุ่นน้องที่คณะ ตอนนี้ขึ้นคลีนิกอยู่โรงพยาบาลเดียวกันกับตี้ครับคุณพ่อคุณแม่”
เมื่อหมอหนุ่มรุ่นพี่แนะนำ ปลายฝันกับที่รักก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ชนะพลและอุษารับไหว้ และมองปลายฝันอย่างพอใจ
“วันไหนว่าง ๆ พาน้องไปทานข้าวที่บ้านสิลูก” อุษาแนะนำลูกชาย และรีบหันไปชักชวนปลายฝันทันที “นะ หนูปลาย ไปทานข้าวที่บ้านแม่นะคะ” และไม่ลืมหันไปชวนที่รักอีกคน “เลิฟด้วยนะลูก”
“ค่ะ/ครับ”
อุษายิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเหล่มองลูกชาย บอกพ่อแม่ว่าต้องอยู่เวร แต่กลับมากินข้าวกับสาว แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร ด้วยคิดว่าลูกชายคงอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง และที่สำคัญ หากอยู่กับเด็กสาวน่ารักอย่างปลายฝัน เธอก็ไม่ว่าอะไร
เธอจึงปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเที่ยวกันต่อตามที่เธอเข้าใจ ส่วนตัวเธอก็ควงแขนสามีที่หาเวลาว่างยากเช่นกัน ไปทานข้าวกันสองคน
“คุณพ่อคุณแม่พี่หมอตี้น่ารักจังเลยนะคะ”
ปลายฝันมองตามท่านทั้งสองอย่างชื่นชม รู้ดีว่าการเป็นหมอจะหาเวลาว่างมาสวีทกันแบบนี้ไม่ง่ายนัก แต่พวกท่านก็ยังเติมความหวานให้กันและกัน
อติเทพมองตามหลังบิดามารดาเช่นกัน เขาเองก็ฝันจะมีคู่รักที่เข้าใจกันแม้จะมีเวลาให้กันน้อยขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่พวกท่านมีวันว่างก็มักจะเติมความหวานให้กันเช่นนี้เสมอ
มุมปากหมอหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดถึงใครอีกคนที่ป่านนี้คงเลิกงานและกำลังจะเดินทางกลับไปเจอกันที่ห้องพัก เขาจึงรีบบอกลารุ่นน้องทั้งสองทันที
ปลายฝันโบกมือลาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ในขณะที่ที่รักมองตามหลังรุ่นพี่อย่างสงสัย
ทำไมพี่หมอตี้ต้องโกหกพ่อแม่ว่าอยู่เวร แล้วนั่นจะรีบไปไหน?