ตอนที่ 4 เฮียก็มีหัวใจ
ตกตอนเย็นหลังปลายฝันกับที่รักออกเวร ทั้งสองก็ชวนกันไปหาอติเทพที่ห้องฉุกเฉิน เพราะหมอรุ่นพี่ต้องอยู่เวรต่อที่นั่น
“ออกไปทานข้าวกันก่อนไหมคะพี่หมอ” ปลายฝันชักชวนเมื่อเห็นว่าพอมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง
“ไปสิคะ” อติเทพรับปาก พลางก็ยกฝ่ามือขึ้นแตะหลังรุ่นน้องทั้งสอง พากันเดินออกมาทางหน้าโรงพยาบาล อติเทพอยู่ตรงกลาง ด้านขวาเป็นปลายฝัน ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นที่รัก
หมอหนุ่มรุ่นพี่ประคับประคองรุ่นน้องทั้งสอง ให้ความเอื้ออาทรเท่า ๆ กัน ปลายฝันลอบมองใบหน้าด้านข้างของรุ่นพี่พลางก็ยิ้มปลื้ม ส่วนที่รักก็มองอยู่เช่นกัน แต่กำลังคิดสงสัย
พี่หมอตี้กับผู้ชายในลิฟท์คนนั้น เป็นคนเดียวกันเปล่าวะ?
ทั้งสามพากันมานั่งในร้านอาหารข้าง ๆ โรงพยาบาล เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ตกแต่งอย่างน่ารัก
ปลายฝันชวนที่รักถ่ายรูปเล่นระหว่างรอ บางทีก็ดึงอติเทพมาร่วมเฟรมด้วย
ได้ภาพเดี่ยว ภาพคู่ ภาพหมู่กันไปไม่น้อย ก่อนที่ปลายฝันจะโพสต์ลงไอจี เธอเลือกภาพถ่ายคู่กับอติเทพพร้อมใส่แคปชั่นน่ารัก
ไม่นานก็มีเพื่อนมาคอมเม้น บางคนถามว่าพี่หมอตี้รับรักเธอหรือยัง ปลายฝันตอบกลับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ใบหน้าสวยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในขณะที่คนที่กำลังนั่งอ่านคอมเม้นอยู่ในรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาลกำลังหน้าหงิก
เหนือเทพนั่งรออยู่ในรถ พยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง ในขณะเดียวกันก็ส่งปราบไปยืนเฝ้าทั้งสามอยู่หน้าคาเฟ่ ไม่ได้ส่งคนไปกดดัน แค่อยากให้รู้ว่ามีคนรอ
ที่รักเหลือบมาเห็นปราบก็รีบกวักมือเรียกให้เข้ามานั่งด้วยกัน แล้วก็ถามหาเจ้านายของอีกฝ่าย “เฮียสามล่ะครับ?”
“นายนั่งรออยู่ในรถนานแล้วครับ”
ปราบตอบคำถามของที่รักโดยไม่ลืมใส่ระยะเวลาที่เจ้านายมาถึงไปด้วย เพื่อจะช่วยให้เพื่อนของคนถามระมัดระวังตัวเอาไว้ เพราะดูท่าวันนี้เจ้านายของเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“อ้าว! ไปเรียกเฮียสามมากินด้วยกันไหมปลาย”
ที่รักหันไปถามความเห็นเพื่อน แต่ปลายฝันกลับส่ายหน้า และยังบอกอีกว่า คนอย่างเหนือเทพถ้าอยากกินคงเข้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
ปราบได้แต่ก้มหน้าลง ประสานมือทั้งสองเอาไว้เบื้องหน้า พลางก็คิดว่าปลายฝันนั้นยังไม่เคยเจออิทธิฤทธิ์ของเหนือเทพ ทายาทลำดับที่สามของลีวาณิชย์ก็อยู่เหนือบรรดาเทพทั้งหลายตามชื่อนั่นแหละ ไม่ว่าจะพ่อหรือพี่ชายทั้งสอง ต่างก็พากันตามใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นลูกชายคนเล็กที่อายุห่างจากพี่ ๆ ตั้งเจ็ดแปดปี จึงถูกประคบประหงม อยากได้อะไรก็ไม่มีใครเคยขัด เห็นมีแต่คุณหมวยสี่เท่านั้นที่เหนือเทพยอมให้ และแม้ภายนอกจะดูเป็นคนเจ้าเสน่ห์ สายเปย์ ใจใหญ่ แต่เรื่องเอาแต่ใจนั้นก็ไม่มีใครเกินเช่นกัน หากใครทำให้ไม่พอใจแล้วล่ะก็… เหนือเทพก็มักจะมีวิธีเอาคืนในแบบของเขาเสมอ
ปลายฝันใช้เวลาครึ่งชั่วโมงของอติเทพอย่างคุ้มค่า ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่หน้าโรงพยาบาล
ส่วนเหนือเทพก็จับตามองการกระทำของทั้งสามตลอดเวลา
จะร่ำลากันอีกนานไหม?
แอร์ในรถคันหรูเย็นฉ่ำ มันคงถูกตั้งอุณหภูมิไว้ต่ำมาก ๆ เพราะอากาศข้างนอกร้อน หรือไม่ก็เพราะอารมณ์ของคนที่นั่งรออยู่ในนั้น
ที่รักสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ เด็กหนุ่มจึงทักทาย พูดคุย และพยายามจะเอนเตอร์เทน แต่…
เหนือเทพก็ทำเพียงตอบสั้น ๆ ฝืนยิ้มมุมปากบ้าง แล้วก็เอาแต่อ่านอะไรบนหน้าจอไอแพด รถทั้งคันจึงเงียบงันตั้งแต่เคลื่อนตัวออกมาจากหน้าโรงพยาบาล จนกระทั่งถึงคอนโดของที่รัก
“ขอบคุณครับเฮียสาม” ที่รักยกมือไหว้ชายหนุ่ม ก่อนจะส่งสายตาเป็นกำลังใจให้เพื่อนสาว ขอให้รอดนะมึง แล้วเขาก็หมุนตัววิ่งเข้าคอนโดไปเลย
ปลายฝันมองตามแผ่นหลังของเพื่อน ก่อนจะพูดออกมาลอย ๆ “แผลเลิฟหายแล้ว พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับมาส่งแล้วนะคะ… พี่ปราบ”
ท้ายประโยคเธอเรียกชื่อเลขาของเจ้าของรถ บ่งบอกว่ากำลังพูดอยู่กับคนที่นั่งเบาะหน้า ไม่ใช่คนที่กำลังทำหน้านิ่ง ๆ อยู่เบาะหลัง
เหนือเทพไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มยังคงทำงานผ่านไอแพด จนกระทั่งรถยนต์คันเดิมไปจอดเทียบอยู่หน้าหอพักของปลายฝัน
วันนี้คนที่ทำหน้าที่เปิดประตูรถให้ไม่ใช่เหนือเทพ แต่เป็นปราบ บอดี้การ์ดหนุ่มสบตานักศึกษาสาวอย่างหนักใจ พยายามกระซิบบอกว่าอาการแบบนี้แสดงว่าเจ้านายกำลังไม่พอใจอย่างรุนแรง ให้ปลายฝันระวังเอาไว้ให้ดี
หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่สนใจ ไม่พอใจอะไร เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย แล้วเธอก็เดินเข้าหอพักไปโดยไม่แม้แต่เอ่ยลา และไม่หันกลับมามองว่าเหนือเทพจะเป็นเช่นไร จะมองตามเธอหรือไม่ หรือว่าจะตามเธอไปหรือเปล่า
ปลายฝันพาตัวเองเข้าไปในลิฟท์ แล้วบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ผิด เธอไม่ผิด ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ทำไมต้องแคร์ จะโกรธ จะงอน จะอารมณ์เสียอะไรก็ช่างประไร ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด ไม่เกี่ยวเลย…
นักศึกษาแพทย์สาวควานหากุญแกห้องในกระเป๋าสะพาย แล้วก็พาลอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อหาเท่าไรก็หาไม่เจอ
“หายไปไหนนะ?”
หญิงสาวแทบจะฉีกกระเป๋า เพราะเธอค้นมากว่านาทีแล้วก็หาไม่เจอ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจย่อตัวลงนั่งกับพื้น เทของทุกอย่างออกมาจากกระเป๋า
พลันหางตาก็เหลือบเห็นปลายรองเท้าหนังสีดำเงาวับ ก้าวเข้ามาใกล้ เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองทันที
“หานี่อยู่เหรอ?”
เหนือเทพยักคิ้วข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้กุญแจในมือไขเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
“เฮียสาม!”
ปลายฝันกรี๊ดลั่น แต่กว่าจะเก็บของที่เทออกมาเข้ากระเป๋าได้ เหนือเทพก็เข้าไปนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงของเธอเสียแล้ว
“ออกไปเลยนะ ที่มันหอพักนักศึกษา คนนอกห้ามเข้ามา เฮียขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย”
“ไม่ใช่หอหญิงล้วนเสียหน่อย เห็นผู้ชายเดินกันให้ควัก เฮียว่าปลายย้ายหอเถอะ ไปอยู่คอนโดเฮียไหม เฮียจะคอยรับส่งทุกวันเลย”
ผู้ชายหน้านิ่งในรถเมื่อครู่ กลายร่างกลับมาเป็นผู้ชายเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม และเพิ่มความเจ้าเล่ห์เข้าไปด้วย
“ลุกออกมาจากเตียงปลายนะ”
หญิงสาวลืมตัวเผลอเข้าไปลากแขนเหนือเทพเพื่อดึงให้เขาลุกออกจากเตียงของเธอ แต่ลืมประเมินตัวเองว่าไม่มีทางสู้แรงผู้ชายตัวสูงอย่างเหนือเทพได้ ดังนั้นร่างบางจึงถูกกระชากกลับ ล้มคว่ำลงไปบนเตียงโดยมีร่างของชายหนุ่มรองรับเอาไว้
แล้ววงแขนแกร่งก็ตวัดรัดรอบเอว ล็อกคนตัวเล็กกว่าไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้
“ปล่อย!” ปลายฝันทั้งดิ้นทั้งร้อง ขู่ว่าเธอจะฟ้องพี่ชาย
“เจ้าคินน่ะนะ จะทำอะไรเฮียได้”
เหนือเทพขู่กลับ ประกาศตัวว่าไม่เคยกลัวว่าที่พี่ของศรีภรรยาในอนาคตที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ในปัจจุบันเลยสักนิด
“ปลายจะบอกพี่อิน”
ปลายฝันยกชื่อพี่เขยมาข่ม แต่เหนือเทพก็ยังยิ้มเยาะ แล้วส่ายหน้าว่าต่อให้เป็นญาติผู้พี่อย่างอินทัชเขาก็ไม่กลัว
“เฮียหนึ่ง เฮียสอง เจ้าสัว เจ้หมวยสี่ จะฟ้องให้หมดเลย!”
ปลายฝันยกมาทั้งตระกูล ทำเอาเหนือเทพหัวเราะลั่น พลางก็คิดว่าหญิงสาวรู้จักและสนิทสนมกับทุกคนในครอบครัวของเขา แต่ยังปฏิเสธว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ความผูกพันสองปีไม่มีความหมายอะไรเลยหรือไง
“ดูเหมือนปลายจะสนิทกับทุกคนเลยนะ ยกเว้นเฮีย”
ชายหนุ่มเริ่มตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเศร้าและท้อใจ จนปลายฝันชะงักลงและเริ่มทบทวนเรื่องราวของครอบครัวของเธอและลีวาณิชย์ตลอดสองปีที่ผ่านมา
หลังจากอคินหมั้นกับอินทัช ธนัตและสกุลศรี บิดามารดาของอินทัชก็ไปกว้านซื้อที่รอบคลองจินดา แล้วสร้างบ้านหลังใหญ่ไว้ที่นั่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือว่าวันหยุดยาวไม่ว่าเทศกาลไหน ทั้งครอบครัวนวณรงค์กุล รวมถึงญาติสนิทอย่างลีวาณิชย์ก็มักจะพากันไปพักผ่อนที่นั่น จนเธอสนิทสนมกับทุกคน แม้จะไม่ค่อยลงรอยกับเจ้าสัวธานินบิดาของเหนือเทพสักเท่าไร เพราะเป็นพวกปากไวพอ ๆ กัน ชอบต่อปากต่อคำกันอยู่เสมอ แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าผู้สูงวัยก็เอ็นดูเธอไม่น้อย ดังนั้นลีวาณิชย์จึงกลายมาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ที่สนิทสนมและคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดระยะเวลาสองปี
มีเพียงเหนือเทพเท่านั้นที่เธอเสวนาด้วยน้อยมาก แม้จะเจอหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่บ้านและยามที่ชายหนุ่มมาคอยตามจีบ เธอเคยบอกตัวเองว่าคนอย่างเหนือเทพไม่มีทางหยุดที่เธออย่างแน่นอน เขายังสนุกกับชีวิตโสดวัยยี่สิบกลาง หากความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องยุติลง เธอกลัวว่าบรรยากาศของครอบครัวใหญ่มันจะหายไปด้วย ผู้ใหญ่จะมองหน้ากันไม่ติด เธอไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันพังเช่นนั้น
ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ แล้ว หัวใจของเธอมันก็แค่นี้ คิดหรือว่าจะทนต่อเสน่ห์อันแพรวพราวของเหนือเทพได้
“ก็ชอบทำตัวแบบนี้ ใครจะไว้ใจ”
ปลายฝันพยายามจะแกะมือปลาหมึกของอีกฝ่าย แต่ดูท่าว่ามันก็ยากเต็มที เธอจึงบิดตัวหนีลงจากตัวของชายหนุ่ม กลายเป็นทั้งสองกำลังนอนตะแคงประจันหน้ากันอยู่บนเตียง
เหนือเทพรัดวงแขนแน่นขึ้น จนร่างบางต้องแอ่นตัวเข้าหา ปลายฝันถลึงตาใส่ พลางก็ยกมือขึ้นมาดันหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้
“ก็เราทำให้เฮียโกรธ”
“ทำอะไร?”
“ไปกับคนอื่น”
“พี่หมอตี้ไม่ใช่คนอื่น เป็นรุ่นพี่ที่สนิท”
“แล้วก็เป็นผู้ชายในฝันของปลายด้วย เฮียฟังมาเป็นร้อยครั้งแล้ว ไม่พูดย้ำได้ไหม ใจมันเจ็บ”
เหนือเทพทำท่าเจ็บยอกในอก โค้งตัวลงจนใบหน้าชิดอยู่กับหน้าผากของปลายฝัน
หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบเพราะรู้ตัวว่าอยู่ในระยะอันตราย ร่างบางจึงหมุนขวับหันหลังให้ แต่เหนือเทพก็ไว คว้าเอวของเธอไว้ได้อยู่ดี ร่างบางจึงถูกสวมกอดจากด้านหลัง รัดแน่นจนจมอยู่ในอก
“สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้ แต่ถ้าปลายหนีเฮียไม่รับประกันนะ” ชายหนุ่มขู่ด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ขอกอดฮีลใจหน่อย” ต่อด้วยน้ำเสียงอ้อนหวาน “วันนี้เหนื่อยมากเลย” และขอร้องอ้อนวอน
เมื่อเจ้าของร่างในอ้อมกอดยอมนอนนิ่ง ๆ เหนือเทพก็ยกยิ้มพอใจ ชายหนุ่มสูดกลิ่นหอมของเส้นผม ที่เขาได้กลิ่นอ่อน ๆ ตั้งแต่เมื่อตอนเช้า แม้ผ่านมาเป็นวัน กลิ่นหอมนั้นก็ยังคงอยู่
ปลายฝันรู้สึกตัวอีกครั้งในยามดึก ปกติเธอจะนอนไม่หลับหากไม่ได้อาบน้ำ แต่คืนนี้กลับหลับเสียสนิท คงเป็นเพราะเหนื่อยหรือไม่ก็เพราะอ้อมกอดอุ่น ๆ ของใครอีกคน
หญิงสาวลืมตาขึ้นมา พอปรับสายตาให้ชินกับความมืดได้ ก็พบว่าอ้อมแขนที่กอดเธออยู่กลายเป็นผ้าห่มผืนหนาไปเสียแล้ว เธอกวาดตามองหา แต่ก็ไม่พบร่างของเหนือเทพ
มีเพียงโน๊ตสั้น ๆ ในโพสอิทที่ติดไว้บนหน้าผากของเธอ
ไปอาบน้ำได้แล้ว ยัยขี้เซา
“อีตาบ้านี่!”
ปลายฝันย่นจมูกใส่กระดาษสีสวยที่มีลายมือหวัด ๆ ของเหนือเทพ ก่อนจะหย่อนมันลงไปในลิ้นชักหัวเตียงที่มีโพสอิทหลากสีแปะเรียงกันอยู่บนปกสมุดโน๊ตเล่มหนึ่ง แต่ข้อความต่าง ๆ ในนั้นเขียนด้วยลายมือเดียวกัน