ตอนที่ 3 แนบเนียน
ที่พักของที่รักเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก และใกล้กับโรงพยาบาลมากกว่าหอพักของปลายฝัน เหนือเทพจึงแวะส่งเขาก่อน เด็กหนุ่มเดินกระเผลก ๆ เข้าไปในลิฟท์เพราะแผลที่เข่าเริ่มตึง พลางก็บ่นงึมงำว่าทำให้เสียบุคลิก
ลูกบ้านหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้ว จำได้ว่านักศึกษาแพทย์ตัวเล็กเป็นเด็กที่อยู่ห้องติดกันจึงเอ่ยทักทาย
“ไปโดนอะไรมาเนี่ยน้อง ทำไมเดินงั้น?”
ที่รักเหลือบมองชายรุ่นพี่หน้าตาดีที่เขาเองก็จำได้เช่นกันว่าอยู่ห้องข้าง ๆ กัน
“อ้าวพี่” ที่รักส่งยิ้มให้ ก่อนจะหลุบตาลงมองที่เข่าของตัวเอง “หกล้มน่ะครับ”
“เป็นอะไรมากไหมเนี่ย?”
“แค่เข่าถลอกนิดหน่อยเท่านั้นแหละครับ แต่แผลมันเริ่มแห้งมันก็เลยตึง ๆ”
“มา พี่ช่วย”
ชายหนุ่มหน้าตาดียื่นมือข้างหนึ่งมาคว้ากระเป๋าไปช่วยถือ ส่วนอีกข้างก็ยื่นแขนออกมาให้ที่รักเกาะ
“ขอบคุณครับ” นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กวางมือบนท่อนแขนนั้น พลางก็คิดว่า ผิวเนียนจัง
ทั้งสองพากันเดินออกมาจากลิฟท์เมื่อถึงชั้นจุดหมาย ชายคนนั้นพยุงที่รักออกมา แล้วก็ชวนคุย
“เจอกันตั้งหลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยรู้จักชื่อกันเลย พี่ชื่อโชแปงนะ เรียกว่าพี่โชเฉย ๆ ก็ได้ แล้วเราล่ะ?”
ที่รักเอี้ยวใบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่สูงกว่าราวสักสิบเซ็นต์เห็นจะได้ ยิ้มหวานให้ ก่อนจะแนะนำตัว “ผมชื่อเลิฟครับ หรือเรียกว่าที่รักก็ได้”
โชแปงยิ้มขำ คิดว่านั่นเป็นมุขจีบจากเด็กรุ่นน้อง แต่ก่อนที่จะคิดไปไกล ที่รักก็อธิบายเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“ชื่อจริงของผมน่ะครับ… ที่รัก”
นั่นยิ่งทำให้โชแปงยิ้มกว้าง รู้สึกเอ็นดูที่รักขึ้นมามากกว่าที่เคย
“พี่ก็คิดว่าถูกจีบเสียอีก”
“จีบได้เหรอครับ?”
“ได้สิ” โชแปงยิ้มกว้าง ในแววตานั้นขบขันเต็มที ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา “แต่พี่เป็นรับนะ”
รุ่นพี่ข้างห้องเปิดเผยตัวตนอย่างไม่ปิดบัง ทำที่รักต้องเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมา
ไทป์เดียวกันนี่หว่า
โชแปงส่งที่รักแค่หน้าประตูห้อง ก่อนจะพาตัวเองเดินเลยไปที่ประตูอีกบาน ส่วนที่รักนั้นหลังจากเข้าห้องของตัวเอง ก็ก้มลงมองแผลที่หัวเข่าอย่างเซ็ง ๆ
“จะอาบน้ำยังไงวะเนี่ย”
เด็กหนุ่มนั่งทำใจอยู่พักใหญ่ หลังคุยไลน์กับปลายฝันว่าฝ่ายนั้นถึงหอพักเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ถูกเหนือเทพอุ้มหายไปแต่อย่างใด ที่รักก็เบาใจ ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ
ห้องชุดแบบสตูดิโอของที่รักไม่ได้กว้างขวางมากนัก และที่สำคัญมันไม่ได้เก็บเสียงสักเท่าไร หลายครั้งที่เขาอาบน้ำพร้อมกับห้องข้าง ๆ ที่ห้องน้ำติดกัน ก็มักได้ยินเสียงกันอยู่เสมอ และคืนนี้ก็เช่นกัน
โชแปงเข้าห้องไปสักพักก็คงอาบน้ำ แต่ที่มันไม่เหมือนทุกครั้งก็คือ… เสียงร้องครวญครางของคนที่กำลังร่วมรักกัน
“พี่โชแปง!”
ที่รักต่อว่ารุ่นพี่ข้างห้อง แต่คนในนั้นคงไม่ได้ยินเสียงของเขาหรอก ก็ร้องกันดังขนาดนั้น
“ผัวมาหาล่ะสิ มิน่าล่ะ”
ที่รักจำได้ว่าได้ยินเสียงเคาะประตูเมื่อครู่ใหญ่ ตอนแรกยังตกใจคิดว่าห้องตัวเอง แต่พอเงี่ยหูฟังดี ๆ ก็พบว่ามันดังมาจากหน้าห้องของโชแปง
เด็กหนุ่มทนฟังไม่ไหว เพราะหัวใจมันเต้นแปลก ๆ ขาก็เจ็บ แถมยังต้องรีบ ๆ อาบน้ำ น้ำโดนแผลไปบ้าง ที่รักก็ต้องยอม แต่พอล้มตัวลงนอน ผนังห้องตรงหัวเตียงก็โดนกระแทกอีก
ปัก ปัก ปัก
“โอ๊ย! ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันวะ ไม่เคยเอากันเลยหรือไง!”
ที่รักต้องพาตัวเองมานอนที่โซฟาติดกับผนังอีกด้าน แม้ยังได้ยินเสียงร่วมรักแต่ก็ยังพอจะข่มตาให้หลับลงได้ แต่นั่นคือยามที่เวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ไปแล้ว จึงเป็นสาเหตุให้เขาตื่นสายในเช้าอีกวัน
“ซวยแล้ว!”
นักศึกษาแพทย์หนุ่มเด้งผึงขึ้นมาจากโซฟา เขาขยี้ตามองเวลาบนนาฬิกาติดผนัง ก่อนจะต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังลั่น
“ฮัลโหล”
[เสร็จหรือยังเลิฟ ปลายรออยู่ข้างล่างนะ]
“ขอสิบนาที”
เด็กหนุ่มรีบตัดสายเพื่อนรัก ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำแบบลืมเจ็บแผลที่หัวเข่า
การต้องตื่นไปขึ้นวอร์ดก่อนเจ็ดโมงเช้าเป็นเรื่องที่ที่รักยังไม่ชินนัก แล้วยังนอนไม่ค่อยหลับเมื่อคืนที่ผ่านมาอีก เด็กหนุ่มจึงรีบจนมือเป็นระวิง อาบน้ำแต่งตัวลวก ๆ ผิดวิสัยหนุ่มสำอางค์อย่างที่เคย
“สายแล้ว ๆ ๆ ๆ”
ที่รักวิ่งออกจากห้องพัก เขาเหลือบเห็นประตูลิฟท์กำลังจะปิดลง ก็ร้องตะโกนเสียงดัง
“รอด้วยครับ!”
คนที่อยู่ในลิฟท์ถ้าไม่หูหนวกก็แล้งน้ำใจแหละ แค่นี้ก็รอไม่ได้ บานประตูลิฟท์ค่อย ๆ ปิดลง พร้อมกับที่รักที่กำลังวิ่งกระเผลก ๆ เข้าไปใกล้
เด็กหนุ่มได้เห็นเพียงลาง ๆ ก่อนจะโดนประตูลิฟท์กั้นสายตา แต่คนที่ยืนอยู่ในลิฟท์นั้น…
“ใครวะ? คุ้นจัง”
ที่รักก้าวขึ้นรถที่ปราบ บอดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งเลขาของเหนือเทพเปิดประตูให้ เด็กหนุ่มยังคงมีสีหน้าครุ่นคิด จนปลายฝันที่นั่งรออยู่ในรถนั้นแปลกใจจนอดถามไม่ได้
“เป็นอะไรเหรอเลิฟ?”
ที่รักขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเล่าให้ปลายฝันฟังว่าเขาเห็นใครบางคนที่รูปร่างลักษณะคุ้นตาเหลือเกิน เพียงแต่ว่าไม่เห็นหน้า ก็เลยนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“พี่โชแปงหรือเปล่า?”
ปลายฝันเดาจากชื่อที่เพิ่งได้ยินเมื่อคืน ตอนที่ที่รักเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์อย่างขำ ๆ ว่าเกือบจะอ่อยพวกเดียวกันเสียแล้ว
“ใครคือโชแปง?”
เหนือเทพละสายตาจากหน้าจอไอแพดทันทีที่ได้ยินชื่อไม่คุ้นหู แถมมันยังออกมาจากปากของปลายฝัน ที่สำคัญต้องเป็นชื่อของผู้ชายอย่างแน่นอน
“รุ่นพี่ข้างห้องเลิฟน่ะครับ” ที่รักรีบอธิบาย ก่อนที่สองคนนี่จะตีกันแล้วเขาต้องโดนลูกหลงอีก
“น้องปลายสนิทเหรอ?” แต่เหนือเทพยังคงคาดคั้น ราวกับปลายฝันเป็นคนรักที่คิดจะนอกใจ
“ขอโทษนะ ปลายจะสนิทกับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฮียด้วย?”
“ก็เราคบกันอยู่ ปลายห้ามสนิทกับใครมากกว่าเฮียสิ”
ปลายฝันถลึงตาใส่คนที่ทำให้อารมณ์เสียแต่เช้า ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาแรง ๆ “ประสาท!”
ไม่รู้จะด่าจะว่าจะห้ามอย่างไรแล้ว เหนือเทพนั้นโมเมเก่ง รวบรัดเอาเองว่าทั้งสองอยู่ระหว่างคบหาดูใจ
พอสังเกตเห็นว่าปลายฝันเริ่มหน้าตึง เหนือเทพจึงลดลงให้กึ่งหนึ่ง “ยอมให้น้องเลิฟคนนึงก็ได้อะ” ชายหนุ่มกระแทกหัวไหล่ปลายฝันเบา ๆ อย่างหยอกเย้า เพราะอีกฝ่ายถูกเพื่อนเบียดจนต้องขยับมานั่งชิดกับเขา
ปลายฝันเขยิบหนี พร้อมกับส่งสายตาดุ ๆ มาให้ เผลอเป็นไม่ได้ แตะเนื้อต้องตัวตลอด!
เหนือเทพยกยิ้มอย่างพอใจ เอนแผ่นหลังพิงไปกับเบาะ แล้วยกแขนขึ้นพาดไปตามความยาวของพนัก โอบร่างบางไว้อย่างเนียน ๆ
ยัง ยังจะมาเนียนกอดอีก!
นักศึกษาแพทย์ทั้งสองถูกพามาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลก่อนเวลาขึ้นวอร์ดเพียงสิบนาที ที่รักที่มักต้องกินมื้อเช้าจึงรีบวิ่งกระเผลกไปทางโรงอาหาร ส่วนปลายฝันนั้นขอตัวขึ้นวอร์ดไปก่อนเพราะเธอรองท้องมาแล้วด้วยกาแฟและขนมปัง
ที่รักซื้อข้าวราดแบบง่าย ๆ ก่อนจะมองหาที่ว่างเพื่อจะได้รีบกินแล้วรีบไปขึ้นวอร์ด
“น้องเลิฟ”
แต่แล้วก็ต้องหันตัวไปตามเสียงเรียกจากหมอหนุ่มรุ่นพี่ที่ถือจานอาหารมาจากอีกด้าน
“เพิ่งมาถึงเหรอ มานั่งด้วยกันสิคะ” อติเทพเลื่อนเก้าอี้ให้รุ่นน้อง
ที่รักจึงยิ้มหวานแล้วรีบเข้าไปหา “พี่หมอตี้ก็เพิ่งมาถึงเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ วันนี้พี่สาย แย่จังเลยนะคะ”
“เลิฟก็สายเหมือนกัน แต่ก็ยังทันนี่ครับ รีบกินกันเถอะ”
“ค่ะ รีบกินกันเนอะ”
คำว่ากินกันทำให้ที่รักหวนนึกถึงเสียงที่ดังมาจากห้องของโชแปงเมื่อคืนขึ้นมา เด็กหนุ่มจึงเหลือบมองหน้าหมอรุ่นพี่ พลันแก้มใสก็ขึ้นสีแดงเรื่อทันที
คิดอะไรเนี่ยเลิฟ!
“เผ็ดเหรอคะ?”
อติเทพมองแก้มแดง ๆ ของที่รักสลับกับหมูกระเทียมไข่ดาวในจานของอีกฝ่าย มองหาตรงไหนก็ไม่เห็นมีพริกสักเม็ด
“อ้อ ครับ เผ็ดจัง”
ไม่ใช่อาหารในจานหรอกนะที่ที่รักหมายถึง แต่เป็นหน้าอกแน่น ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังรอยผ่าของเสื้อเชิ้ตที่อติเทพใส่ เพราะหมอหนุ่มรุ่นพี่ลืมติดกระดุมสองเม็ดสุดท้าย
อติเทพรีบก้มลงมองตัวเองตามสายตาของที่รัก เขายิ้มเขิน ก่อนจะพูดแก้เก้อ “เอ่อ พอดีพี่รีบไปหน่อยน่ะค่ะ”
หมอหนุ่มรีบติดกระดุมทันที ฝ่ายที่รักก็ลอบมองอย่างเสียดาย ไม่น่ากระโตกกระตากเลยกู เหยื่อไหวตัวทันเสียนี่
ทั้งสองรีบกินกันจนอิ่ม เอ๊ย! รีบกินมื้อเช้ากันจนอิ่ม แล้วต่างฝ่ายก็บอกลาเพื่อไปที่วอร์ดของตัวเอง
พวกเขาแยกกันตรงหน้าลิฟท์ อติเทพเข้าไปในลิฟท์ตัวหนึ่งที่จอดเฉพาะบางชั้น ในขณะที่ที่รักยืนรอลิฟท์อีกตัวที่จะจอดชั้นของตัวเอง
ในจังหวะที่ที่รักกำลังจะละสายตาจากหมอรุ่นพี่ เพราะประตูลิฟท์ตัวนั้นกำลังจะปิดลง พลันเขาก็รู้สึกคุ้นขึ้นมาราวกับเดจาวู
“เฮ่ย! นั่นมัน…”