ตอนที่ 12.1 ห้องนอนอันร้อนระอุ
“พี่หมอตี้!”
ที่รักอุทานอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าคนที่มาเคาะประตูเป็นหมอหนุ่มรุ่นพี่ที่เขาเพิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาอึกอักอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือไม่ เพราะเขาหนีหน้าออกมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“มาหาพี่โชเหรอครับ พี่เขาย้ายออกไปแล้วล่ะครับ”
เมื่อแอบเห็นว่ารุ่นพี่ชำเลืองมองไปที่บานประตูอีกห้อง ที่รักก็ลอบพ่นลมออกมา คิดเอาเองว่าอติเทพคงตั้งใจมาหาโชแปง
“พี่มาหาน้องเลิฟค่ะ”
คนมีชนักติดหลังถึงกับต้องสะดุ้ง
“เอ่อ… พี่หมอตี้มีอะไรด่วนเหรอครับ ถึงมาหาเลิฟถึงที่นี่”
“ขอพี่เข้าไปคุยข้างในได้ไหมคะ”
ที่รักเปิดทางให้ หัวใจก็เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เมื่อหมอหนุ่มรุ่นพี่เข้าไปนั่งลงบนโซฟา เขาก็เริ่มตั้งคำถามเข้าประเด็นในทันที
“เมื่อคืน พี่ทำอะไรน้องเลิฟหรือเปล่า?”
ที่รักแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มเพื่อบดบังอาการร้อนรน แต่มันคงช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อใบหน้าหวานนั้นแดงซ่าน แววตาหลุกหลิกจนผิดปกติ
“ทำไมพี่หมอตี้ถามแบบนั้นล่ะครับ?” ที่รักยิ้มกว้าง พลางก็ถามกลับ พยายามเก็บอาการอย่างที่สุด
“พี่…” อติเทพกำลังจะบอกว่า เขาเพียงจำได้คลับคล้ายคลับคลา ไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือเป็นความจริง แต่พลันสายตาของหมอหนุ่มก็ปะทะเข้ากับรอยคิสมาร์กที่มันเด่นชัดอยู่บริเวณรอยผ่าของเสื้อกาวน์ที่ที่รักสวมอยู่
เด็กหนุ่มคงปลดกระดุมออกเมื่ออยู่ลำพังในห้องพัก โดยไม่รู้เลยว่ามันเป็นหลักฐานให้อติเทพจับได้ หมอหนุ่มรีบดึงที่รักขยับเข้าไปใกล้ตัว แล้วเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อที่เหลือทันที
“พี่หมอตี้จะทำอะไรครับ?”
ที่รักตกใจจึงรีบปัดป้อง แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว หากเมื่อคืนเขาใจแข็งกว่านั้น ร่างกายคงไม่มีรอยทิ้งไว้เป็นหลักฐานแบบนี้
สาปเสื้อทั้งสองข้างแยกออกจากกัน เพราะอติเทพแย่งปลดกระดุมเสียจนหมด เผยร่างบอบบางขาวผ่องที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก
อติเทพเพ่งมองร่องรอยเหล่านั้น ก่อนจะสบถเสียงดังด้วยคำหยาบที่ที่รักไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากรุ่นพี่ที่เคยเป็นคนสุภาพแสนดี
ที่รักรีบกระชับสาปเสื้อเข้าหากัน พร้อมกับถอยไปนั่งอีกมุมของโซฟา ไกลเกินกว่าแขนของอติเทพจะเอื้อมถึง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะคว้า ด้วยกำลังตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งสองต่างเงียบงัน ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง นานหลายนาทีจนที่รักรู้สึกอึดอัด และเป็นฝ่ายเริ่มทำลายความเงียบลง
“พี่หมอตี้ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เลิฟรู้ว่าพี่เมา แล้วเลิฟเองก็…” เขาเว้นวลีถัดมา เขาอยากจะบอกว่าเขาเองก็เต็มใจ แต่มันคงไม่มีประโยชน์ รังแต่จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกันใหญ่ “เลิฟเองก็ไม่ได้ถือสา เรื่องธรรมดาจะตายไป”
“น้องเลิฟหมายความว่ายังไง?” อติเทพไม่ค่อยเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย โดยเฉพาะคำว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
“พี่หมอตี้ไม่ได้เป็นคนแรกที่เลิฟนอนด้วยเสียหน่อย วินวินน่ะครับ ถือว่าเราสนุกด้วยกัน” ที่รักทำทีเป็นหนุ่มกร้านโลก ไม่ถือสาเรื่องการนอนกับใคร ไม่มีอะไรเสียหายหรือต้องคิดอะไรมากมาย
แต่นั่นมันกลับทำให้อติเทพคิดถึงโชแปง และเริ่มไม่พอใจที่ที่รักมีรสนิยมเปลี่ยนคู่นอนง่าย ๆ แบบนั้น
“เลิฟเป็นแบบนั้นเองเหรอ?” เขามองหนุ่มรุ่นน้องด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
“ครับ พี่หมอตี้ไม่ต้องคิดมากหรอก”
ที่รักยืนยันเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมากเรื่องของเขาอีก ลำพังแค่เสียใจเรื่องโชแปงก็มากพอแล้ว หากอีกฝ่ายลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเสีย ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ความเป็นพี่น้องที่ที่รักเองก็ไม่ได้อยากเป็นแค่นั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไร เรื่องมันจะยิ่งยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ ไหนจะปลายฝันอีกคน
แต่ดูเหมือนอติเทพจะไม่คิดเช่นนั้น อาจเป็นเพราะไม่อยากให้รุ่นน้องทำตัวมั่วผู้ชาย เห็นเรื่องการหลับนอนมีเซ็กส์กับใครก็ได้เป็นเรื่องปกติ อติเทพจึงไม่พอใจ
หมอหนุ่มจึงออกแรงดึงที่รักเข้ามาใกล้ ใช้กำลังที่มากกว่าบังคับให้อีกฝ่ายหงายหลังลงไปบนโซฟา
“พี่หมอตี้จะทำอะไร?” ที่รักตกใจมาก เบิกตากว้าง พลางก็ออกแรงผลักอีกฝ่ายให้พ้นตัว
“เรื่องปกติไม่ใช่เหรอไง ตกใจอะไรนักหนา”
ใบหน้าหล่อ ฝังลงบนซอกคอพร้อมกับการถูไถทั้งปากทั้งจมูก บดขยี้ผิวเนื้อบริเวณนั้นจนช้ำ
สัมผัสจากชายหนุ่มรุ่นพี่รุนแรงต่างจากค่ำคืนที่ผ่านมาราวฟ้ากับเหว ที่รักเริ่มน้ำตาคลอ เมื่อคิดว่านั่นเป็นเพราะเมื่อคืนอติเทพคิดว่าเขาเป็นโชแปง แต่บัดนี้ที่มีสติครบถ้วน และรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ไม่จำเป็นต้องอ่อนโยน ผู้ที่กล้าสวมรอยเป็นคนที่เขารัก จึงต้องถูกกระทำรุนแรงถึงเพียงนี้
เด็กหนุ่มก่นด่าตัวเองที่อ่อนแอ ไม่มีเสียงร้องสักแอะ หรือแม้แต่จะต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง เพียงเพราะไม่อยากให้อติเทพต้องระคายทั้งผิวกายหรือแม้แต่หัวใจ จึงมีเพียงน้ำตาที่มันไหลลงมาข้างขมับเป็นหลักฐานว่าเขากำลังเสียใจและเสียขวัญ
เสียงสะอื้นทำให้อติเทพหยุดชะงัก เขาผงกศีรษะขึ้นมาสบสายตาตัดพ้อของคนใต้ร่าง แล้วในวินาทีนั้นการกระทำของที่รักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก็ไหลผ่านเข้ามาในหัวราวกับกระแสน้ำเชี่ยว
คนที่คอยช่วยเหลือคอยอยู่เคียงข้าง กุมมือและโอบกอดเขายามที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ นี่เขาทำอะไรลงไป
“เลิฟ” อติเทพครางเสียงแหบพร่า ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วรวบที่รักมากอดเอาไว้ “พี่ขอโทษค่ะ พี่ขอโทษ”
หมอหนุ่มกอดรุ่นน้องเอาไว้แนบอก พลางก็โยกตัวไปมาเพื่อปลอบโยนอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้ ที่รักพยายามผลักอติเทพออก แต่ชายหนุ่มไม่ยอม เขาออกแรงรัดร่างเล็กกว่าเอาไว้ พร่ำพูดแต่คำว่าขอโทษ
ที่รักยอมอยู่ในอ้อมกอด ยามที่รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิม ดูเหมือนอติเทพจะมีสติขึ้นมาบ้าง จึงกลับมาอ่อนโยน ฝ่ามืออุ่นลูบต้นแขนเรียวตลอดเวลา พูดคำขอโทษสลับกับปลอบโยนคนตัวเล็ก
ที่รักเริ่มรับรู้ได้ว่าอติเทพอยู่ในภาวะสับสน ต่อสู้ระหว่างตัวตนและสิ่งที่ควรแสดงออกมา เขาไม่เข้าใจชายหนุ่มมากนัก แต่เขาสัมผัสมันได้จริง ๆ
“พี่เป็นอะไร?”
เมื่อตั้งสติได้ที่รักก็ถามอย่างใจเย็น อติเทพส่ายหน้าเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกอยากทำบางอย่างแต่สมองสั่งว่ามันไม่ควรไม่เหมาะสม
“พี่ไม่รู้ พี่แค่อยาก… แต่…”