บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 หอมกลิ่นปลาร้า

เหนือเทพที่นั่งอยู่บนเบาะหลังภายในรถคันหรู กำลังมองขึ้นไปยังชั้นบนของคอนโดมิเนียมของตระกูลที่ขั้นเทพดูแลอยู่ หลังได้รับข้อมูลจากพี่ชายคนรองว่าปลายฝันให้ช่วยจัดการหาห้องพักให้เพื่อนรักอย่างที่รัก แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะพาใครบางคนมาอยู่ที่นี่ มันคงไม่น่าสนใจ หากคนคนนั้นจะไม่ใช่ชายในฝันของปลายฝัน เรื่องมันชักจะยังไง ๆ

“เด็กพวกนี้ กำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”

เหนือเทพคิดอย่างสงสัย สงสัยในความสัมพันธ์ของที่รักกับอติเทพ และสงสัยว่าปลายฝันรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่

“ปราบ”

“ครับนาย”

“ส่งคนมาจับตาดูสองคนนั่น แล้วรายงานฉันตลอดเวลา”

“ครับนาย”

ระหว่างที่ปราบกำลังจัดการสั่งงานลูกน้อง เหนือเทพก็สั่งให้คนขับออกรถ “ไปรับปลายฝันที่โรงพยาบาล”

วันนี้หญิงสาวคงไม่มีเพื่อนกินข้าว เพราะเพื่อนรักกับหมอหนุ่มรุ่นพี่อยู่ด้วยกันบนห้องชุดนั่น เหนือเทพจึงพาตัวเองไปหาปลายฝัน อย่างน้อยก็จะได้สังเกตว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้หรือไม่

ปลายฝันขึ้นมานั่งบนรถคันใหญ่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่วันนี้เธอก็ไม่มีที่รักกับอติเทพคอยช่วย จึงสู้แรงเหนือเทพไม่ได้ จริง ๆ แค่อีกฝ่ายจ้องมองด้วยใบหน้านิ่ง ๆ เธอก็ไม่กล้าขัดใจแล้วล่ะ

“องครักษ์พิทักษ์น้องปลายไปไหนกันหมด ทำไมถึงปล่อยให้คุณหมอสุดสวยกลับบ้านคนเดียวล่ะ”

“เลิฟไปดูห้องใหม่ เฮียสองไม่ได้บอกหรือไงคะ?”

ปลายฝันไม่คิดว่าเหนือเทพจะไม่รู้หรอก พี่ชายอย่างขั้นเทพคงรายงานแล้วล่ะ

“บอก”

“แล้วถามทำไมคะ?”

“เฮียแค่แปลกใจ เห็นปกติตัวติดกัน ทำไมปลายไม่ไปกับเลิฟด้วยล่ะ”

หญิงสาวเงียบไปเพราะก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมที่รักจึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น ถึงขนาดต้องลางานด่วนช่วงบ่าย

“หรือว่า… น้องเลิฟไปกับหมอตี้”

เหนือเทพถามออกไปตรง ๆ พลางก็จับสังเกตสีหน้าของปลายฝัน

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ปลายก็ไม่ได้ถาม” ปลายฝันบอกปัดเพราะไม่รู้จริง ๆ “ว่าแต่… วันนี้ดูเฮียสนใจเรื่องของเลิฟกับพี่หมอตี้จังเลยนะคะ” ปลายฝันหันมาถามอย่างจับผิด เพราะปกติเหนือเทพไม่อยากได้ยินชื่ออติเทพเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับพูดถึงถึงสองครั้งแล้ว

“ก็ช่วงหลังเห็นตัวติดกันทั้งสามคน แค่แปลกใจน่ะที่วันนี้ไม่เจอ”

เหนือเทพรีบเปลี่ยนเรื่องโดยสั่งคนขับให้ไปร้านอาหารชื่อดัง ปลายฝันได้ยินดังนั้นก็รีบค้าน ว่าเธอไม่ได้อยากไปนั่งในภัตตาคาร แค่มื้อเย็นกินอะไรข้างทางก็ได้

สุดท้ายทั้งสองก็มานั่งอยู่ในร้านส้มตำข้างถนน เหนือเทพอยู่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำกับเสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าอ่อน ชายหนุ่มต้องปลดกระดุมทั้งที่คอและข้อมือออกเพราะอากาศมันร้อน ดีนะที่ถอดสูทตัวนอกออกวางไว้ในรถแล้ว

ปลายฝันลอบมองอีกฝ่าย ซ่อนยิ้มขบขันเอาไว้ ก่อนจะคะยั้นคะยอให้เหนือเทพกินอาหารอิสานที่คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะคุ้นเคย

“นี่อะไร?”

เหนือเทพชี้ไปที่อาหารหน้าตาประหลาด มีทั้งมะละกอ ทั้งขนมจีน คลุกเคล้ากันอยู่ในน้ำสีคล้ำ

“ตำซั่วปูปลาร้า”

“ใส่ปลาร้าด้วยเหรอ?”

เหนือเทพลองตักมาหนึ่งช้อน เอามาดมกลิ่น แล้วทำหน้ากระอักกระอ่วน “เฮียไม่กินปลาร้า”

“อ้าว! เหรอคะ อย่างนั้น ลองกินอันนี้ดูค่ะ” ปลายฝันเลื่อนส้มตำอีกจานมาให้ “ตำไทย ไม่ใส่ปลาร้า”

“ค่อยยังชั่ว” อติเทพยิ้ม ดีใจที่อย่างน้อยปลายฝันก็สั่งเมนูที่เขาจะกินได้บ้าง ชายหนุ่มจึงรีบตักเข้าปาก แต่พอเคี้ยวได้ไม่กี่คำก็หน้าแดงก่ำ อ้าปากร้องซี้ดซ้าด “เผ็ด!” เหนือเทพรีบคว้าน้ำมาดื่มอัก ๆ รู้สึกหูอื้อเหมือนเครื่องบินกำลังขึ้นเลยทีเดียว

ปลายฝันเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ ตักอาหารจานอื่น ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เหนือเทพนั่งเหงื่อตกลิ้นห้อยอยู่อย่างนั้น

ปราบสงสารเจ้านายจึงไปสั่งข้าวไข่เจียวร้านข้าง ๆ มาให้ ก็เจ้านายของเขากินเผ็ดได้ที่ไหนกันเล่า พริกแดงเถือกขนาดนั้นก็ยังจะตักเข้าปาก เรื่องเอาใจสาวขอให้ไว้ใจเจ้านายเขา เห็นอีกฝ่ายหัวเราะชอบใจคงพอใจสินะ

เหนือเทพมาส่งปลายฝันที่หอพัก แต่ยังไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวลงจากรถ เขาไล่ปราบและคนขับออกไปรอข้างนอก แล้วบอกปลายฝันว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย

นักศึกษาแพทย์สาวจึงจำใจต้องนั่งอยู่กับเหนือเทพเพียงลำพัง “มีอะไรก็รีบพูดมาสิคะ”

เหนือเทพจ้องมองปลายฝันเต็มตา หลังจากมั่นใจว่าหญิงสาวไม่รู้เรื่องของที่รักกับอติเทพอย่างแน่นอน เขาอยากจะบอกเธอ แต่ก็ลังเลเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินกว่าจะพูดออกไปตรง ๆ อีกอย่างเขาก็ยังไม่แน่ใจถึงความสัมพันธ์ของสองคนนั่น รอให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้จะดีกว่า

“เฮียแค่อยากอยู่กับน้องปลายนาน ๆ ไม่ได้หรือไง”

จากท่าทางจริงจังในคราแรก เหนือเทพจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นขี้เล่นเหมือนเดิม

ปลายฝันพ่นลมออกมาอย่างรู้สึกรำคาญ นึกว่ามีเรื่องอะไรสำคัญที่แท้ก็กวนโมโห หญิงสาวจึงคิดอยากแกล้งกลับขึ้นมาบ้าง

“ปลายก็อยากอยู่กับเฮียนาน ๆ เหมือนกันค่ะ” พูดพลางก็ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ลมหายใจแทบจะรดหน้าอีกฝ่าย

เหนือเทพมองอย่างแปลกใจ และก็แอบดีใจด้วยเช่นกัน หรือว่าปลายฝันจะใจอ่อน เขาจึงถือโอกาสคว้าเอวของหญิงสาวแล้วกระชับเข้ามาใกล้ ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายผละออกไปง่าย ๆ

ทั้ง ๆ ที่เหนือเทพเตรียมตั้งรับ มั่นใจว่าปลายฝันต้องออกแรงฝืนตัวหรือไม่ก็ออกฤทธิ์อะไรบางอย่าง แต่เธอกลับยอมตัวอ่อน มองเขาตาหวานเยิ้ม

“ถ้ากินอาหารอิสานแล้วน่ารักแบบนี้ วันหลังเฮียคงต้องพาไปกินบ่อย ๆ”

เหนือเทพคิดว่าคงเพราะผิดสำแลงจากอาหารข้างทางนั่นเป็นแน่ ถึงทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“ใช่ค่ะปลายชอบกินม้ากมาก” เธอเน้นเสียงพร้อมฉีกยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เคยทำ “โดยเฉพาะปลาร้า ฟู่!”

แล้วปลายฝันก็พ่นลมออกมาเต็มแรง มันเป็นลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นปูปลาร้า เหนือเทพถึงกับผงะ ใบหน้าหล่อเหยเกและต้องรีบแหงนเงยไปด้านหลัง แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์เป็นนิสัย วงแขนของเขาก็ยังไม่ปล่อยให้ปลายฝันได้เป็นอิสระ หญิงสาวจึงเป่าลมใส่หน้าอีกหลายรอบ

“หืม… ปลาย! เป็นผู้หญิงอะไรทำไมปากเหม็นขนาดนี้”

“เหม็นเหรอคะ? หอมจะตายไป หอมกลิ่นปลาร้าไง”

แล้วเธอก็พ่นลมจากปาก เป็นฝ่ายรุกล้ำจนเหนือเทพต้องเอนร่างลงไปบนเบาะ ซึ่งนั่นทำให้ปลายฝันล้มตามลงไปด้วย

จากแค่ตั้งใจจะเป่าลมกลิ่นปลาร้าใส่ กลายเป็นว่าไม่ใช่แค่ลมปาก แต่กลับเป็นริมฝีปากของเธอประกบข้างกับปากของเหนือเทพพอดิบพอดีจนน่าสงสัย ปลายฝันเบิกตากว้างพยายามฝืนตัวเองขึ้นมา แต่ทว่าฝ่ามือของเหนือเทพก็เลื่อนมากดลงบนศีรษะของเธอ

“อื้อ!”

หญิงสาวครางฮือพร้อมกับออกแรงดิ้น แต่ขณะนั้นลิ้นของอีกฝ่ายก็รุกล้ำเข้ามาเสียแล้ว

เหนือเทพใช้ความช่ำชองที่มีมากกว่าหลายเท่าตัว หลอกล่อจนปลายฝันพร่าเบลอ เผลอตัวให้เขาดูดซับรสชาติส้มตำกลิ่นปลาร้าในปากเสียนาน

“จริง ๆ รสชาติมันก็ไม่เลวนะ”

จนกระทั่งเหนือเทพเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกมาเสียเอง แล้วจ้องตาหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงซ่านด้วยท่าทางหยอกเย้า

แววระยิบระยับในดวงตาตี่ ๆ คู่นั้นทำให้ปลายฝันรู้ตัวว่าหลงกลอีกฝ่ายเสียแล้ว

“เกลียดปลาร้าจริงป่ะเนี่ย?” หญิงสาวรีบผุดลุกขึ้นมานั่ง ใช้หลังมือถูไถบนริมฝีปาก

เหนือเทพลุกตามขึ้นมา ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ “ชักเริ่มชอบแล้วสิ โดยเฉพาะที่อยู่ในปากน้องปลาย”

“อี๋…”

ปลายฝันรีบผลักใบหน้าชายหนุ่มออกให้ไปไกล ๆ ตัว เพราะเหนือเทพแกล้งเป่าลมใส่หน้าเธอ เธอรีบใช้จังหวะที่ชายหนุ่มเสียหลัก เปิดประตูรถออกไป

“เดี๋ยวปลาย” แต่เหนือเทพก็คว้าแขนเธอไว้ แล้วออกแรงดึงให้กลับมานั่งที่เดิม

“หยุดนะ! ถ้าเฮียสามทำอีก ปลายจะฟ้อง…” ปลายฝันเริ่มขู่ แต่ก็ถูกเหนือเทพรีบตัดบท

“เลิกขู่จะฟ้องคนโน้นคนนี้เสียที ปลายก็รู้ว่าเฮียไม่กลัวใครทั้งนั้น”

ชายหนุ่มยิ้มขำ พลางก็ใช้มือทั้งสองข้างกุมกรอบหน้าของปลายฝันเอาไว้ เขาใช้นิ้วหัวแม่มือช่วยเกลี่ยลิปสติกที่มันเลอะออกจากขอบปากของเธอให้

“เลอะเทอะ”

ปลายฝันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่ริมฝีปากของเหนือเทพก็มีคราบลิปสติกของเธอเช่นกัน มันน่าเอากลับไปปาใส่หน้าพนักงานขายที่เคาน์เตอร์นั้นนัก ไหนบอกว่าสีติดทนไงเล่า

ปลายฝันกลั้นยิ้มไม่ไหว ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดรอยลิปสติกให้เหนือเทพอย่างลืมตัว

สายตาของทั้งสองสบกันโดยบังเอิญ มันเป็นวินาทีที่ปลายฝันรู้สึกเหมือนถูกไฟช๊อต หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรง ความรู้สึกที่แอบแฝงอยู่เริ่มชัดเจนออกมา

“ให้เฮียไปส่งบนห้องไหม?”

ก่อนที่ทุกอย่างจะพังลงมาเพราะประโยคนั้นของเหนือเทพ แถมยังมีสายตากรุ้มกริ่มที่จ้องมองริมฝีปากสีซีดของเธอด้วย

ฝ่ามือเรียวจึงถูกยกขึ้นมาวางทาบบนใบหน้าของเหนือเทพ แล้วปลายฝันก็ออกแรงกระชากลงมาจนเล็บของเธอครูดกับผิวตรงปลายจมูกของเขา

“โอ๊ย! ปลาย!”

ถึงไม่ได้เลือดแต่ผิวบริเวณนั้นก็ถลอก และรับรองว่าหลังจากนี้มันจะต้องเป็นรอยอย่างแน่นอน

“ฝันไปเถอะ”

ปลายฝันทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้น ก่อนจะย่นจมูกใส่แล้ววิ่งลงไปจากรถทันที

เหนือเทพไม่ได้คว้าตัวเอาไว้ ปล่อยเธอวิ่งเข้าหอพักไป แล้วยกยิ้มอย่างมีความสุข “ปากแข็ง”

บางครั้งปลายฝันก็ดูเหมือนจะตกหลุมรักเขา บางครั้งก็เหมือนคนเกลียดขี้หน้ากัน เหนือเทพได้แต่ถอนหายใจแล้วมองตามยิ้ม ๆ พลางก็คิดว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากเสียจริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel