ตอนที่ 2 : สถานะใหม่
แสงอื่นใด...ส่องไกล...ถึงใต้หล้า
วิหคฟ้า...พาหาย...สุดปลายฝัน
ครั้นคลื่นลม...พลันแปร...ดุจแพรพรรณ
ใจข้านั้น...มิสั่นไหว...สิ่งใดเลย
_____________________________________
'ไป่เยว่ ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน...ข้าสัญญา'
เสียงบางอย่างกึงก้องดังสะท้อนในหู คล้ายกับว่ามีคนพูดคุยอยู่ในสมอง ผมกระพริบตารัวไล่ความมึนงงที่จู่ๆ ก็แล่นเข้าใส่ มืออีกข้างที่ว่างเปล่าจำต้องยกขึ้นมาตบๆ ตีๆ ข้างขมับเพื่อให้อาการเหล่านั้นออกจากหัว
"นั่นมันราชามารแห่งภพมาร!"
เสียงอย่างกับผึ้งแตกรังดังกระหึ่มสายตาที่ยังฝ้าฟางกวาดมองรอบตัว สีหน้าคนชุดขาวกำลังหวั่นวิตกพรั่นพรึง พวกเขาต่างมองกันไปมาไม่รู้ควรตัดสินใจทำเช่นไรกับสถานการณ์ตรงหน้า
"รู้จักข้าแล้วยังกล้าหันปลายกระบี่มีคมของพวกเจ้าใส่ข้างั้นรึ คงไม่อยากตายดีแล้วกระมัง"
บุคคลผู้ถูกเรียก 'ราชามาร' ยืนขึ้นเต็มความสูง ใบหน้างดงามราวรูปสลักนั้นช่างตรึกตาตรึงใจจนผมที่เป็นผู้ชายแท้ๆ ยังเผลอจ้องนาน
ว่าแต่ราชามารจะจับมือผมไว้อย่างนี้อีกนานมั้ย?
"ปล่อยมือข้า"
ผมว่าก่อนจะชักมือกลับ แต่อดรู้สึกดีไม่ได้ตอนราชามารจูบลงบนหลังมือ ปฏิกิริยาของร่างกายเมื่อตอนนั้นกลับไม่ผลักไสไล่ส่ง แถมยังคุ้นเคยกับสัมผัสนี้เป็นอย่างดี
หรือผมจะเป็นภรรยาของเขาจริงๆ
ใช่ที่ไหนล่ะ! โลกนี้เป็นโลกอีกใบที่ผมเพิ่งเข้ามา ร่างกายนี้ก็เป็นร่างของใครไม่รู้ แถมยังถูกพวกคนชุดขาวตามล่าอีก เลวร้ายซะไม่มี!
"อี้หลิน...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน"
น้ำเสียงกังวานเสนาะหูพลันดึงความคิดที่ออกไปกลับคืนเข้าร่าง เจ้าของเสียงนุ่มไม่เพียงเอ่ยคำหวาน เขายังเข้ามาโอบเอวผมท่ามกลางสายตาของเหล่าคนชุดขาว พวกนั้นถึงกับลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า บางคนทำสีหน้ารังเกียจ
"จะทำสิ่งใด ปล่อยข้านะ!"
แรงทั้งหมดถูกผลักใส่ราชามาร แต่เรี่ยวแรงน้อยนิดไม่ได้สะเทือนอันใด ตรงกันข้าม...แค่เพียงอ้อมกอดเดียวของอีกฝ่ายกลับสามารถหยุดยั้งทุกการกระทำ
ราชามารโน้มใบหน้าแสนยั่วเย้าเข้าหา ความปรารถนาจะได้แนบชิดของเขามันมากเกินจะทานทน จนไม่สนสายตามดปลวกที่จ้องแต่จะกัดต่อย
"อี้หลิน...อี้หลินของข้า ข้าคิดถึงเจ้าแทบเจียนจะขาดใจ"
เสียงนั้นดังอยู่ใกล้ใบหู และมันยิ่งใกล้เข้ามาพร้อมร่างกายภายใต้อาภรณ์น่าหลงใหล สายตาพร่างพราวดึงดูดอย่างร้ายกาจ หัวใจของผมเต้นแรงสั่นระรัว ไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีอาการตอบสนองทำนองนี้กับเพศเดียวกัน แม้สมองจะบอกให้ผลักเขาให้แรงขึ้น แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนผ่อนตามโดยธรรมชาติ
สายตาเว้าวอนนั่นกำลังจะทำให้สติของผมดับลง...
"ไร้ยางอายสิ้นดี!"
เสียงหนึ่งขัดขึ้นทำให้สติทุกอย่างกลับมาโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่สิ...ต้องบอกว่าโลกในยุคโบราณต่างหาก แต่พอกำลังนึกถึงเรื่องต่อไป สายตากลับมาสะดุดกับสีหน้าของราชามารที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทมึงทึง ผมเห็นเส้นเลือดบนหน้าผากเขาปูดโปนขึ้น คาดว่าคงจะโกรธจัดซะแล้ว
"ขาด!"
สิ้นเสียงคำรามกึกก้องป่าของราชามาร จู่ๆ ชายชุดขาวจอมแส่กลับพ้นเลือดออกจากปาก ตามด้วยสิ่งๆ หนึ่งกระเด็นออกมา
"ลิ้นๆ ลิ้นเขาขาดแล้ว!"
มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างตกใจ ความโกลาหลเริ่มก่อตัว คนชุดขาวพวกนั้นถอยห่างจากชายชุดขาวจอมแส่ที่ตอนนี้ไม่มีลิ้น กระบี่เล่มยาวของเขาหล่นลงพื้นพร้อมกับเจ้าตัวนั่งคุกเข่าคร่ำครวญ เลือดสดๆ ไหลออกจากปากแต่กระนั้นเสียงร้องที่ควรจะตามมากลับไม่มีเล็ดลอดให้ได้ยิน
แต่แทนที่ศิษย์สำนักเดียวกันจะเข้าไปประคอง กลับปล่อยเฉยไม่สนใจใยดี ยกเว้นก็แต่ชายที่แต่งตัวงามสง่าที่ใครๆ ต่างก็เรียกพี่ใหญ่
ความเหี้ยมโหดระดับราชามาร คงเป็นที่กล่าวขานของคนชุดขาวอีกนานพอควร
"เจ้า..."
คำพูดของผมถูกกลืนหายลงคอ ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนออกมาดี
"อี้หลิน ข้าเก่งหรือมั้ย"
อ่า...ให้ผมชมการกระทำของเขาต่อหน้าคนเหล่านั้นจะดูไร้มนุษยธรรมรึเปล่า...
"อืม"
เพื่อไม่ให้ดูออกนอกหน้าตอบแบบอ้อมแอ้มไปก็แล้วกัน แต่ใครจะคิดว่าแค่คำตอบสั้นๆ ส่งเดชกลับเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเขา ต่างกับความน่ากลัวก่อนหน้านี้หลายปีแสง การทำให้ราชามารโกรธไม่ใช่เรื่องดี ผมควรจำข้อนี้ให้ขึ้นใจ
แต่ก็อดมองผู้ชายที่กำลังโอบเอวอยู่ข้างกายไม่ได้ ความสามารถของเขานั้นคงจัดอยู่อันดับต้นๆ ของยุทธภพ เขามีกำลังภายในแข็งแกร่ง อาจมีวรยุทธ์ขั้นสูง เป็นบุคคลอันตรายแถมเป็นถึงราชามาร น่ากลัวกว่านั้นคือผมเป็นภรรยาของเขา
แล้วเราไปได้กันตอนไหน?
"พวกเจ้ามีสักกี่ลิ้นถึงกล้าต่อว่าภรรยาของข้า!"
ราชามารยังคงไม่ลดละ เขาทั้งเสียงดังทั้งคำรามอย่างข่มขู่ แต่แปลกที่ผมกลับไม่ได้รำคาญเสียงเหล่านั้นแม้แต่น้อย
ชายชุดขาวพวกนั้นเงียบไป ไม่มีใครกล้ากล่าวหาผมอีก พี่ใหญ่ที่ใครต่างนับถือส่งมอบให้คนคอยจัดการดูแลชายชุดขาวลิ้นขาดต่อ เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมกับราชามาร แววตานิ่งสงบเยือกเย็นแผ่ออกมา
"ขออภัยหากทำให้ราชามารต้องโกรธ เหล่าศิษย์น้องของข้าหาได้มีเจตนาไม่ดี เพียงแต่พวกเราต้องการพาตัวศิษย์ของสำนักกลับก็เท่านั้น ขอราชามารโปรดเข้าใจ"
"เข้าใจ? เข้าใจสิ่งใด บอกให้ยกภรรยาของข้าให้ข้าก็ต้องทำอย่างนั้นหรือ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!"
สิ้นเสียงตวาดลั่น ลมกรรโชกแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมรู้สึกถึงการลอยตัวเคว้งคว้าง ปลายเท้าเวลานี้ไม่ได้ยึดพื้นดินเป็นหลัก เพราะเรากำลังอยู่ท่ามกลางอากาศ
"ราชามาร ขอเพียงท่านคืนศิษย์สำนักของเรา เรื่องนี้จะถือว่าไม่ได้เกิดขึ้น!"
"ขู่ข้างั้นรึ!"
รังสีอำมหิตแผ่อาณาบริเวณกว้าง กลุ่มควันสีดำลอยวนไปมาในอากาศ เสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่างทำให้คนชุดขาวต้องคอยใช้มืออุดหูไว้
"พอก่อนเถอะ"
ผมใช้มือเขย่าเขาเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจของอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่การกระทำของคนดีหรือเกิดสงสารพวกนั้นแต่อย่างใด แต่นี่คือโอกาสหนี ผมไม่อยากเสียเวลาแม้รู้ว่าราชามารเก่งมากพอทำให้พวกนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ผมได้ง่ายๆ
แต่อย่างว่า...อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกแบบเดียวกันกับที่ผมจากมา หากวันหนึ่งราชามารคลุ้มคลั่งคิดฆ่าผมเหมือนพวกนั้น คราวนี้อยากจะหนีก็คงไม่รอด
"ภรรยาของข้าเอ่ยปากทั้งทีทำไมจะไม่ได้"
สถานะภรรยาที่เขามอบให้ทำเอาใจสะท้านจนไม่รู้จะขัดขืนยังไง ยามสบตากับอีกฝ่ายคล้ายถูกแรงดึงดูดให้จมลึกกับห้วงของความหลงใหลจนมิอาจถอนตัว
จุมพิตอ่อนหวานของราชามารแนบเข้าใต้ลำคอ พลันสติทุกอย่างกลับมองเห็นภาพบางอย่างพุ่งเข้าใส่ เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนไปจากที่นี่คือประโยคที่แม้แต่ตัวผมก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่เคยเอ่ยมัน
'ไป่เยว่ ข้ากลับมาแล้ว'