ตอนที่ 9 : ไร้การควบคุม
เกิดสภาวะตึงเครียดขึ้นทันที ทุกความวุ่นวายเงียบลงเหมือนระบบถูกสั่งปิด จะได้ยินก็แค่เสียงสัญญาณเตือนจากการเคลื่อนไหวของโดรนบนหน้าจอแสดงผล
ชูเซย์ชะงักค้างไปเมื่อเจอผมขึ้นเสียงใส่ แววตาไหววูบช่างไม่เหมาะกับคนอย่างผู้นำสาขาตะวันออกเฉียงเหนือเอาซะเลย อย่าบอกนะว่าเกิดสลดขึ้นมาเพราะคำพูดของคนๆ เดียว
ประสาท...
"พะนาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่า..."
"น่ารำคาญ"
คำพูดตัดบททำเอาชูเซย์นิ่งไปพักใหญ่ ทั้งที่ผมเลิกให้ความสนใจแล้วกลับไปมองหน้าจอตามเดิม แต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่ไม่ละวางจากอีกฝ่าย
ไอ้มาเฟียสมองกลวงจะมองให้ทะลุตับม้ามรึไง
"โกรธผมเหรอ"
"..."
"อย่าโกรธเลยนะ"
คำถามซ้ำซากทำเอาเสียสมาธิ ไอ้บ้านี่รู้สถานการณ์ตัวเองบ้างมั้ย มันใช่เวลามาถามไร้สาระงั้นสิ ว่างมากทำไมไม่หาอะไรทำ
"เมื่อไหร่จะเลิกถาม"
"ผมเลิกไม่ได้หรอก"
"..."
"เรามาคืนดีกันนะ"
นิ้วก้อยเรียวยาวถูกยื่นให้อยู่ในระดับสายตาพร้อมกับเจ้าตัวโน้มใบหน้าส่งรอยยิ้มมาให้ ประกายใสซื่อในดวงตามันขัดกับตัวตนแท้จริงของเขาซะไม่มี
หากแต่ผมดันอ่านความรู้สึกจริงใจนั่นออก
หึ...เป็นแค่การแสดงหรือละครตบตาก็ยังไม่ชัด ที่หมอนี่ทำต้องมีจุดประสงค์และมีแต่เจ้าตัวที่รู้
แล้วตอนนี้ล่ะ...เขาต้องการอะไร ซื้อใจผมงั้นเหรอ?
"หน้าที่ของคุณคืออะไรรู้รึเปล่า"
คำถามไม่ตอบรับหรือปฏิเสธจากผมทำให้อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง ชูเซย์ชักนิ้วกลับ ยังดีที่เขาไม่คาดคั้นให้เอานิ้วก้อยผมไปเกี่ยวกับเขา ไม่งั้นคงได้ออกจากคฤหาสน์หลังนี้ก่อนเกมจบ
"ช่วยกันสอยโดรนตัวนั้นไงล่ะ"
"ก็รู้นี่ แล้วจะยืนบื้ออีกนานมั้ยหรือต้องให้แขกลงมือเอง"
"ผมจะกล้าให้ 'แขกพิเศษ' ลงมืออยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง"
เขาขยับตัวเข้าหาคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่อยู่ติดกัน เก้าอี้แบบเดียวกับที่ผมใช้ถูกนำมาวางด้านข้าง ชูเซย์นั่งลงโดยไม่รอให้ใครเชิญ ปลายนิ้วเรียวยาวจิ้มแป้นพิมพ์เพื่อเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ
แสงจากหน้าจอสะท้อนภาพเข้าดวงตา ทำให้เห็นสีหน้าจริงจังที่อีกฝ่ายกำลังทำเมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
นอกจากความแปลกตา นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายคนนี้ดูน่าสนใจจนอดละสายตาจากเจ้าตัวไม่ได้
ชูเซย์มองตอบกลับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยามสะท้อนแสงจากจอภาพดูสุขุมลุ่มลึก
"ชูเซย์..."
คำพูดเลื่อนลอยเผลอหลุดออกจากปาก ผมเห็นเขาเลิกคิ้วสูงคล้ายกำลังรอคำถาม
"ครับ?"
การตอบรับจากเขาทำให้สติกลับมา…
ผมเป็นบ้าอะไร! ถูกไวรัสคอมพิวเตอร์ควบคุมสมองอยู่เหรอวะ!
"เปล่า ไม่มีอะไร"
เขาเพียงอมยิ้มเล็กน้อยแล้วหันกลับไปหาหน้าจอดังเดิม นิ้วเรียวยาวทั้งสิบจรดลงบนแป้นพิมพ์ด้วยความเร็ว
ผมรีบเบนสายตาออก เปลี่ยนเป็นกวาดมองนักวิจัยในห้องทั้งหมดแทน พวกเขาเพียงส่งยิ้มแหยๆ มาให้ และเมื่อเปลี่ยนเป็นชูเซย์มองบ้าง พวกเขากลับหลบสายตาทันที ทำเป็นมองไม่เห็นว่าไอ้บ้ามาเฟียแสดงออกยังไง
แต่ก็ยังมีหน่วยกล้าตายอยู่ตรงนี้อีกคน
"เอ่อ...คือว่านะครับ ที่บอกว่าโจมตีระดับปานกลาง แต่ก็ใช่ว่าจะโจมตีไม่ได้มันหมายความว่ายังไง คือมันร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงครับ"
นักวิจัยคนที่ลุกจากเก้าอี้คนนั้นเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชูเซย์หันมองจนเจ้าตัวก้มหน้าลง
"หมายความว่าโดรนรุ่นนี้ยังเป็นรุ่นทดลอง ยังพัฒนาไม่สำเร็จ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผู้สร้างพัฒนามันจนสมบูรณ์แบบ มันจะกลายเป็นทั้งโดรนสอดแนมและอาวุธสังหารทางอากาศ"
พอจบประโยคอธิบาย เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นทั่วคฤหาสน์ ไฟฟ้าในตึกเกิดขัดข้องเลยพลอยให้นิ้วของผมทำงานหนัก
"ทำไมไฟดับ หรือโดรนตัวนั้นสามารถทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร?"
ชูเซย์ว่าก่อนจะเปิดเช็คการควบคุมระบบไฟฟ้าภายในอาคาร นักวิจัยทั้งหลายเริ่มเข้าประจำที่นั่งและตรวจสอบข้อมูลเช่นกัน
"ไม่เชิง มันปล่อยคลื่นบางอย่างรบกวนการทำงานของระบบและแผงควบคุม แต่ยังไม่สามารถตัดการใช้งานระบบไฟฟ้าได้ เพราะยังเป็นแค่โดรนรุ่นพัฒนา"
ตึ๊ง!
ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนข้อความบางอย่างเด้งขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง มันเป็นคลิปวีดีโอความยาวประมาณหนึ่งนาทีเศษ
"วีดีโออะไร"
เสียงนักวิจัยในห้องคนหนึ่งดังขึ้น เขาใช้เมาส์กดเปิดคลิปจากคอมพิวเตอร์เครื่องของตน คลิปนั่นเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องและมันกำลังฉายภาพขึ้นหน้าจอ
ในคลิปนั้นมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งกำลังต้อนสองสามีภรรยาให้จนมุม พวกมันยกปืนเล็งไปที่ทั้งสองคน ทั้งคู่กอดกันแน่นคล้ายรู้จุดจบของชีวิต
[โทษใครไม่ได้นอกจากโทษไอ้เด็กนั่น หึ! เที่ยวนรกให้สนุกนะ]
สิ้นเสียงของชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้น กระสุนไม่รู้กี่นัดต่อกี่นัดพุ่งเข้าใส่สองสามีภรรยาที่ไม่มีโอกาสแม้แต่ร้องขอชีวิต ทั้งคู่ล้มลงจมกองเลือดบนพื้นกระเบื้องเซรามิกสีขาวซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน
นั่นยังไม่พอ...ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นยังราดน้ำมันลงไปและจุดไฟเผาทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งสองสามีภรรยาผู้น่าสงสารคู่นั้น
คลิปวีดีโอหยุดแล้ว แต่ความสะเทือนใจยังคงอยู่ มีนักวิจัยหญิงคนหนึ่งถึงกับปล่อยเสียงโฮ เธอกอดเพื่อนร่วมงานไว้แน่น
หากเหตุการณ์ในคลิปเป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่ถูกจัดขึ้นก็คงไม่มีอะไร แต่ที่เห็นอยู่นั้นคือชีวิตคนจริงๆ และชีวิตคนจริงๆ ที่ว่านั่นก็คือพ่อกับแม่ของผม!
"ไอ้สารเลว!"
โครม!
_____________________________________
คอมพิวเตอร์ตรงหน้ากระแทกลงพื้นจนทำให้ทุกคนในที่นั้นพากันแตกตื่น สายไฟระโยงระยางโดนดึงทึ้งตามแรงอารมณ์ เก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือถูกจับฟาดจนเสียหาย ทุกอย่างพังพินาศในช่วงเวลาสั้นๆ
"พะนายเกิดอะไรขึ้น!"
มาเฟียผู้เป็นนายใหญ่ถึงกับถลาเข้าไปกอดร่างคนข้างตัวไว้แน่น เขาเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจู่ๆ ลูกแมวน้อยของเขาเป็นอะไร พอดูคลิปนั่นจบก็กลายเป็นแบบนี้
หรือว่า...
"ปล่อย! ฉันจะไปฆ่ามัน! ฉันจะฆ่ามัน! ไอ้สารเลว! ไอ้ชาติชั่วนั่นฉันจะฆ่ามัน!"