ตอนที่ 6 : คฤหาสน์โออิมิยะ
เสื้อสูทตัวหนาถูกมือเล็กกระชับเข้าหาตัว ใบหน้าอ่อนเยาว์เกลี้ยงเกลามองทางเข้าพร้อมกับหรี่ตาลง สายตาจับจ้องชายชุดดำที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู เห็นดังนั้นเสียงเล็กๆ ถึงกับสบถในลำคอ
อำนาจในมือคงบดบังสมองแล้วจริงๆ
คนเฝ้าประตูคฤหาสน์ตระกูลโออิมิยะมีแค่สองคน แถมระแวกนี้ยังเป็นป่าทึบ จริงอยู่ที่เนินเขากว่าสองร้อยไร่ผมเองยังไม่มีคนเฝ้า แต่ที่นั่นมันไม่สะดุดตาเท่ากับคฤหาสน์บนดินหลังนี้
ประมาทยิ่งกว่าอะไรคงไม่เกินผู้นำสาขาตะวันออกเฉียงเหนือ
ผมหันไปมองคนข้างตัว ชูเซย์ยิ้มรับอย่างคนอิ่มอกอิ่มใจ เขาจ้องผมอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกระพริบตารัวๆ คล้ายสงสัย
"มีอะไรรึเปล่า จ้องขนาดนี้ตกหลุมรักผมแล้วใช่มั้ย"
ตกหลุมตายสิไม่ว่า ไม่ใช่หลุมธรรมดาแต่เป็นหลุมดำ อีกอย่าง...ใครอยากจะจ้องให้เสียสายตาหากไอ้หมอนี่ไม่ทำตัวประมาทศัตรู ในสมองกลวงๆ นั่นคงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าล้ำเส้นถึงจัดให้มีคนเฝ้าแค่หยิบมือ
"คนเฝ้าน้อยไป"
แฮ็กเกอร์ค่าตัวสูงแหงนมองหน้ามาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ชูเซย์ยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน เขาชี้นิ้วทางซ้ายทีขวาทีพร้อมกับอธิบาย
"ตรงนั้นมีกล้องวงจรขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางห้ามิลคอยสอดแนม ฝั่งตรงข้ามมีปืนกลซุ่มโจมตี...อัตราการปล่อยกระสุนสามสิบนัดต่อวินาที และหน้าประตูมีระบบเซ็นต์เซอร์ตรวจจับโลหะ"
"..."
"ทางเข้าตั้งแต่ขึ้นเนินเขาเราใช้ดาวเทียมตรวจสอบและสอดส่อง หากมีผู้บุกรุกระบบจะตรวจพบภายในเวลาหนึ่งจุดเจ็ดวินาที"
ของเล่นเยอะพอตัว ไม่เสียชื่อผู้นำเทคโนโลยีที่ใครๆ ต่างก็ขนานนามให้ว่าเป็น 'เจ้าพ่อไอที' แต่เขาคงไม่รู้หากมีคนแบบผมบุกเข้ามาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ที่แน่ๆ คงไม่เสียหายแค่หลักสิบแต่เป็นหลักพัน
พันล้านอ่ะนะ...
"จะเข้าไปได้ยัง"
ประมาทก็คือประมาท แต่ในเมื่อผมมาอยู่ที่นี่ ระบบหละหลวมไร้แก่นสารไร้การควบคุมพวกนี้ไม่มีทางเฉียดใกล้เด็ดขาด
ชูเซย์เดินมาหยุดตรงหน้าผม แววตาเปล่งประกายรับแสงอรุณสาดส่องของดวงอาทิตย์ สะท้อนให้เห็นเงาในตาของอีกฝ่าย
"ไม่ลองทดสอบระบบดูล่ะ ได้ข่าวว่าเรียนจบ ป.โท ตั้งแต่อายุน้อย ไหนๆ ก็ไหนๆ ทำให้ดูเป็นบุญตา..."
"เปิดประตู!"
ตึ๊ด ตืด--------
ภาพตรงหน้าทำเอาการ์ดที่ยืนเฝ้าถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ใช่พวกเขาเพิ่งทำงานที่นี่มาสามวัน แต่พวกเขาทำงานที่นี่มาสามปี เพิ่งเคยเห็นคนสั่งให้ประตูเปิด
ประตูก็ต้องเปิด...
ของอย่างนี้สั่งกันได้ที่ไหน ขนาดหัวหน้าแก๊งสาขาตะวันออกเฉียงเหนือเองยังต้องเดินมาคีย์รหัสถึงหน้าประตู แต่เด็กคนนี้แค่ยืนอยู่กับที่ก็สามารถสั่งให้ประตูเปิดได้
หากถูกเด็กที่ดูยังไงก็อายุไม่ถึงยี่สิบปีเจาะเข้าระบบป้องกันขั้นสูงอย่างง่ายดาย น่ากลัวว่าพวกศาสตร์ตราจารย์ด็อกเตอร์ทั้งหลายที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงาน คงได้กระอักเลือดตายหรือไม่ก็ผูกคอตายไปตามๆ กัน
ว่าแต่เด็กคนนี้เป็นใคร...เป็นเทวดาหรือปีศาจ
แต่ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือปีศาจ สายตาที่ผู้เป็นนายใช้มองแทบอยากจะกลืนกินลงท้องเสียให้ได้ เพราะรอยยิ้มแอบแฝงนั่นดูยังไงเด็กคนนี้ท่าจะรอดเงื้อมืออสูรกายภายใต้ความคิดลึกลับข้างตัวยาก
เสียงปรบมือดังเป็นจังหวะ ชูเซย์เดินเข้าไปสำรวจแผงควบคุมและระบบการเข้ารหัส...ทุกอย่างถูกต้องและไม่มีอะไรเสียหาย
ความตื่นเต้นยินดีแทบทะลุออกนอกอกของมาเฟียผู้กุมอำนาจแห่งโลกไซเบอร์ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุแค่นี้จะเป็นที่กล่าวขานของวงการมืด หลายต่อหลายคนเคยตั้งค่าหัวไว้ถึงกับยกธงขาวเมื่อพูดถึงการเจาะระบบแสนน่ากลัวของแฮ็กเกอร์โค้ดเนม 'Vr' ซึ่งย่อมาจากคำว่า 'Virus'
"ว้าว! ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า...ฝีมือ"
ชูเซย์เดินกลับมาอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม เสียงปรบมือยังดังอยู่แบบนั้น ไม่คิดว่ามันโอเวอร์รึไงแค่เรื่องเปิดประตูเข้าบ้าน
"ไร้สาระ..."
"ไร้สาระอะไร นี่มันมีสาระสุดๆ ผมตื่นเต้นจะแย่แล้วคุณดูสิ..."
"หลีกไป ถ้าไม่นำก็อย่าขวาง"
ผมเดินเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของสถานที่เชื้อเชิญ ในเมื่อไอ้มาเฟียนี่อยากให้ผมมา...เขาคงไม่ทำเรื่องเสียเวลาอย่างการขวางทางไม่ให้เข้า
ประตูบานทึบซึ่งถูกทำขึ้นด้วยเหล็กกล้าน้ำหนักหลายพันตันเลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ แสงไฟส่องสว่างเปิดไล่ไปตามทางเดิน เรียกสายตานักวิจัยทั้งวัยสามสิบปลายๆ รวมทั้งนักวิจัยระดับหัวกะทิแต่อายุย่างหกสิบหันมอง
หลายคนคิดในใจแทบเป็นเสียงเดียวกัน ใครอนุญาตให้เด็กเข้ามาและที่สำคัญเข้ามาได้ยังไง
และภาพที่ชวนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือผู้เป็นนายใหญ่สาขาตะวันออกเฉียงเหนือกำลังวิ่งตามเด็กคนนั้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ
"ไม่รอกันเลยนะ"
ชูเซย์ยืนหอบอยู่ข้างๆ พลางเอามือพัดอากาศเข้าสู่ร่างกายเมื่อรู้สึกว่าความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำงานไม่ทันใจ
"แก่"
เสียงหัวเราะของผู้เป็นนายระเบิดลั่น และนั่นไม่ใช่แค่ดึงดูดสายตา แต่ขนแขนและขากลับลุกชันขึ้นเป็นเกลียว เพราะพวกเขาดันได้ยินสิ่งที่ไม่สมควรซะแล้ว
"ยอมรับว่าแก่ แล้วก็ชอบกินหญ้าอ่อน สนใจจะให้โคแก่ๆ ชิมสักคำสองคำมั้ยครับ"