ตอนที่ 13 : เพื่อนร่วมงาน
อาหารยามสายผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีใครมาขัดจังหวะให้เสียอารมณ์ หลังจากกินอาหารจำพวกโภชนาการทั้งหลายเสร็จ ก็ถึงเวลาสำหรับพักผ่อน
หึ...ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่พะนายน่ะสิ
"คุณกำลังทำอะไร"
ชูเชย์เลิกคิ้วสูงเมื่อมองนิ้วมือทั้งสิบกำลังรัวเร็วบนแป้นพิมพ์ สายตาเขาจับจ้องไม่กะพริบคล้ายพยายามหาเหตุผลว่าทำไมผมต้องลงมือเวลานี้
"ที่พวกมันบุกมาอย่างลืมตาย คิดว่ามันลืมตายจริงๆ น่ะเหรอ"
เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับมองไปทางหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ระบบรับสัญญาณของที่นี่ดีสมกับเป็นเขตพื้นที่ดูแลของตระกูลโออิมิยะ
"คุณคิดว่าพวกมันกำลังประกาศสงครามกับเรา?"
"ไม่ต้องรอให้มันประกาศ ยังไงซะผู้ล่ากับเหยื่อ สักวันก็ต้องเจอกัน"
ชูเซย์เงียบไป เขานั่งนิ่งๆ ดูผมแกะรอยหาศัตรูที่โจมตีวันนี้ ในกลุ่มของพวกมันต้องมีคนมีความสามารถรวมอยู่ด้วย หรืออาจจะเป็นตัวมันเองที่อยู่เบื้องหลังความเลวทรามนั่น ฝีมือการประดิษฐ์โดรนสอดแนมแม้จะเป็นแค่รุ่นทดลอง แต่ใครจะรู้หากมันพัฒนาอาจมีอานุภาพทำลายล้างสูง ผู้สร้างจัดว่าพอมีฝีมือ แสดงว่าคนของมันต้องมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ
"คุณคิดว่าศัตรูเป็นใคร?"
ชูเซย์ว่าพร้อมกับยกถ้วยกาแฟดื่มไปด้วย เขาให้คนเตรียมของว่างมาไว้ในห้องอีกชุดเผื่อเวลาหิว
"จะใครก็ช่าง ถ้ามันไม่ใช่ผีเร่ร่อนไร้ตัวตนยังไงก็หาเจอ"
ไม่ต้องหันไปดูอีกฝ่ายผมก็รู้ว่าหมอนี่มีสีหน้าแบบไหน
"พะนาย...คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย"
"มาเฟียอย่างคุณบอกว่าผมตกอยู่ใน 'อันตราย' พูดอะไร...ชีวิตผมอยู่ในอันตรายทุกวันไม่รู้เหรอ..."
ไม่มีทางที่ไอ้มาเฟียสมองกลวงนี่จะไม่รู้ ถ้าเขาต้องการให้ผมเป็นตัวเลือกในการทำอาวุธสงคราม ยังไงเขาก็ไม่พลาดที่จะสืบเรื่องส่วนตัวเชิงลึก รวมทั้งศัตรูที่พร้อมจะบดขยี้เมื่อผมเพลี่ยงพล้ำ
"ผมต้องการคุณ ไม่ได้หมายความว่าอยากให้คุณมาเสี่ยงตาย"
"อยากพูดอะไรกันแน่"
ผมละสายตาจากหน้าจอจ้องลึกเข้าในดวงตาอีกฝ่าย เขาเองก็ไม่หลบสายตาเช่นกัน
"คนอายุไล่เลี่ยกับคุณ บางคนยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย แต่คุณกลับถูกใครหลายกลุ่มตั้งตัวเป็นศัตรู แถมถูกตั้งค่าหัวก็นับว่าตกใจแล้ว"
"..."
"ถ้าคุณต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวพวกนี้อีกล่ะ"
"แล้วยังไง?"
"ยังไงน่ะเหรอ...ผมว่าคุณควรมีความสุขมากกว่านี้"
ความสุขมันหมดตั้งแต่พ่อกับแม่จากโลกไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกที่เสียให้กลับคืนมา
หากคิดว่าหัวใจคนๆ หนึ่งมันตายด้าน ก้าวสู่ความสิ้นหวัง หมดกำลังจะต่อสู้ บอกเลยคิดผิด ความอาฆาต แรงแค้นต่างหาก เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนให้มีชีวิตต่อ
"พูดมาทั้งหมดต้องการอะไร"
ดวงตาทั้งสองหรี่มองอีกฝ่ายเพื่อจับผิด ไอ้มาเฟียสมองกลวงส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ เจ้าตัววางถ้วยกาแฟลงก่อนจะเปลี่ยนมาหยิบแก้วนมยื่นมาตรงหน้า
"อย่ากดดันแบบนั้นสิ ดื่มนมก่อนนะ วัยกำลังโตอย่างคุณต้องบำรุงเยอะๆ กินอาหารดีมีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายและสมองจะได้ทำงานมีประสิทธิภาพ"
ความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องของหมอนี่ก็ไม่ธรรมดา แต่มันใช้ไม่ได้กับคนอย่างพะนาย
"..."
"อย่าเงียบสิ จ้องกันขนาดนี้ผมทำคุณท้องไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าให้ทำอย่างอื่นล่ะก็..."
"ชูเซย์..."
"เอาล่ะๆ ผมยอมแพ้ เดี๋ยวคุณก็หาว่าผมดูถูกฝีมือคุณอีก"
"หรือไม่จริง"
เขาถอนหายใจเสียงดัง แต่เป็นการถอนหายใจแบบคนโล่งอก นิสัยประหลาดยังไงก็ยังงั้น คงแก้ไม่หาย
"ก็ไม่จริงน่ะสิ บ้างครั้งผมก็แค่อยากจะหยอกคุณเล่นเท่านั้น ใครใช้ให้คุณมีฝีมือกันล่ะ"
"จะเข้าเรื่องได้ยัง"
ชูเซย์คล้ายกำลังครุ่นคิด รอยยิ้มยกขึ้นเหมือนเจ้าตัวมีอะไรดีๆ โพล่ขึ้นในสมอง แต่เรื่องดีๆ ที่ว่าไม่เคยมีแก่นสารสาระสักอย่าง
"ถ้าผมห้ามไม่ให้คุณทำเรื่องอันตรายคุณคงไม่ชอบใจแถมพาลจะเกลียดขี้หน้าผมไปอีก ผมเลยอยากเสนอตัวทำงานร่วมกับคุณ แบบนี้ดีมั้ย?"
ว่าแล้วเชียว...หาสาระไม่ได้จริงๆ
สายตาที่แต่เดิมถูกดึงให้จ้องตากับฝ่ายตรงข้าม ตอนนี้ยิ่งต้องหยุดงานทุกอย่างเพื่อเตือนสติไอ้มาเฟียสมองกลวงว่า 'อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน'
หน้าจอโน๊ตบุ๊คถูกพับลง ชูเซย์เลิกคิ้วขึ้นจ้องมองระหว่างใบหน้าอ่อนเยาว์กับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
"รู้จักเอไอที่ชื่อ 'ลูก้า' รึเปล่า?"
สายตาของชูเซย์เปลี่ยนไปทันที ผมจับสังเกตได้อย่างหนึ่ง เวลาที่พูดถึงเรื่องเทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ที่อีกฝ่ายให้ความสนใจ เขาจะอยู่ในโหมด ่เก็บข้อมูล'
ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลธรรมดา แต่เขาจะนำมันไปต่อยอดและพัฒนาสิ่งที่เก็บไว้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หึ...คิดไม่ผิดหรอกที่บอกว่าคนๆ นี้ 'น่ากลัว'
"แน่นอน นั่นเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่คุณสร้างขึ้น การทำงานของระบบมีถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นซึ่งถูกอัพโหลดให้มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ มีความคิด ความรู้สึก มีการตัดสินใจที่ฉับไว"
"..."
"ที่เป็นแบบนี้เพราะคุณอัพโหลดข้อมูลของตัวเองใส่ลงไป"
รู้ดีนี่ อย่างว่าหมอนี่เป็นถึงระดับผู้นำแก๊ง การติดต่อเครือข่ายไร้สายท่าจะเป็นพรสวรรค์ที่อีกฝ่ายมีเหนือคนหลายคนในแวดวงเดียวกัน
"เพราะงั้นเพื่อนร่วมงานจึงไม่จำเป็น"
สีหน้าชูเซย์เปลี่ยนเป็นเรียบตึง ถ้าจะบอกว่าการที่หมอนี่ถูกขัดใจแล้วเหมือนเด็กสามขวบนั่นคือเรื่องจริง ไม่แปลกหรอกหากนักวิจัยพวกนั้นจะรับไม่ได้กับปฏิกิริยาผีเข้าผีออก
"พะนาย ถึงผมจะไม่เหมือนลูก้าแต่ผมทำงานอย่างอื่นได้นะ อย่างเช่นอุ้มคุณไง เรื่องนี้ลูก้าทำไม่ได้"
"อีกเดี๋ยวเก้าอี้ไฟฟ้าจะถูกประดิษฐ์ขึ้น ฟังชั่นก์การใช้งานรอดูเอง"
ใบหน้าภูมิฐานนั่นงอง้ำแบบเด็กๆ สรุปไอ้หมอนี่หรือผมกันแน่วุฒิภาวะสูง คนเราจะดูกันแค่ตัวเลขไม่ได้จริงๆ
"ผมสู้ลูก้าไม่ได้เลยเหรอ"
ชูเซย์ขยับเข้าเบียดชิดมากขึ้น แขนอีกฝ่ายคร่อมร่างของผม ส่วนมืออีกข้างยังถือแก้วนมไว้ แววตาเป็นประกายยามจ้องมองทำเอาขนลุก
"จะทำอะไร"
"คิดว่าไงล่ะ สมองอัจฉริยะอย่างคุณคิดว่าผมจะทำอะไร"
สมองเน่าๆ อย่างไอ้มาเฟียนี่คงต้องได้รับการผ่าตัดแบบเร่งด่วน เซลล์คงตายไม่สามก็สี่ส่วน
"ออกไป"
"..."
"ไม่งั้นผมกลับ..."
"โอเคๆ แหม...เรื่องแค่นี้เอง"
ชูเซย์ขยับตัวออกห่าง เขากำลังจะวางแก้วนมในมือกลับที่เดิม แต่ก็มีเสียงขัดขึ้น
"ส่งแก้วมา..."
รอยยิ้มบางผุดบนใบหน้าเจ้าตัว เขารีบส่งแก้วนมมาให้ทันที
"พะนาย...ถ้าคุณยอมรับในตัวผม ผมจะนำความสุขของคุณกลับคืนมา"