บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11 : เหตุผลของเหตุผล

          รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าภายใต้แสงไฟสลัวของหน้าจอคอมพิวเตอร์ เจ้าตัวผิวปากอย่างชอบใจเมื่อดูคลิปวีดีโอที่ถูกส่งมาจนจบ ดวงตาเรียวยาวจับจ้องใบหน้าอ่อนละมุนของเด็กหนุ่มอายุไม่เกินสิบแปด สายตาแข็งกร้าวของเด็กคนนั้นสะกดทุกความรู้สึกอย่างไม่น่าเชื่อ

          นี่น่ะเหรอแฮ็กเกอร์ค่าหัวนำจับสูงลิบลิ่วจนอาชญากรข้ามชาติพวกนั้นถึงกับยอมแพ้ ที่แท้ก็เป็นแค่เด็กที่ดูยังไงก็ไม่เกินนักเรียน ม.ปลาย

          หึ...น่าสนใจแบบนี้นี่เอง

          "สืบมา...เด็กคนนี้ชื่ออะไรนอกจากโค้ดเนม 'Vr' ที่เขาใช้"

          "ครับนาย!"

          แล้วเจอกันนะเด็กน้อย...

_____________________________________

          คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายถูกโยกย้ายมาไว้ห้องพยาบาลพิเศษเพื่อคน 'พิเศษ' อย่างเร่งด่วน การจัดเตรียมสถานที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกลับเสร็จเรียบร้อยภายใต้คำสั่งของผู้เป็นนาย ในห้องนี้ไม่เพียงมีคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดพร้อมสำหรับรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

          เอาจริงๆ นะ ผมแค่โดนเศษกระจกบาดไม่ได้ขาขาด แล้วไอ้อุปกรณ์ผ่าตัดมีดหมอมีมาเพื่อ? 

          "อย่าทำหน้ารังเกียจอย่างนั้นสิ ผมแค่อยากให้ทุกอย่างพร้อมใช้งานก็เท่านั้น"

          ชูเซย์ว่าก่อนจะอุ้มผมเดินเข้ามาในห้องพักห้องใหม่ สายตาหลายคู่ของนักวิจัยเหล่านั้นต่างมองมาที่ผมด้วยความสงสัยปนอยากรู้ว่าทำไมผมถึงยอมให้ไอ้มาเฟียสมองกลวงอุ้มไปอุ้มมาได้อย่างง่ายดาย คำตอบคือ 'ผมเจ็บ' และขี้เกียจจะฝืนอวดเก่ง

          คนฉลาดไม่จำเป็นต้องลงแรงเองทุกอย่าง แต่คนฉลาดคือคนอ่านสถานการณ์เป็น

          ผมเคยเห็นคนหยิ่งแต่ไม่เจียมมาเยอะ คิดว่าตนเองทำได้ทุกอย่าง เปล่าเลย...พวกนั้นเป็นคนโง่คนหนึ่งแค่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น

          บางเวลาควรรู้ว่าต้องทำตัวยังไง การขอความช่วยเหลือจากใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย 

          "เวอร์กว่าผู้นำสาขาตะวันออกเฉียงเหนือคงไม่มี"

          ผมว่าก่อนจะถลึงตาใส่ ชูเซย์ยิ้มรับน้อยๆ เขาไม่ว่าอะไรแถมยังพยักหน้าประดังภูมิใจนักหนาว่าประโยคเมื่อกี้คือคำชม บางทีหมอนี่ควรเช็คสมองสักหน่อยก็ดี อุปกรณ์ครบขนาดนี้แพทย์ประจำตระกูลปล่อยเดินเพ่นพ่านได้ไง

          "ครับๆ ผมทำได้หมดแหละขอแค่คุณชอบ"

          ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่า 'ชอบ' แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันไม่ดี อันที่จริงก็แค่คิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ใช่ว่าจะมีใครทำให้บ่อยซะที่ไหน

          "หึ"

          "จะงอแงอีกนิดก็ได้นะผมไม่ว่า อยากเรียกร้องเอาแต่ใจยังไงผมรับได้ทุกอย่าง"

          "งอแงอะไรผมไม่ใช่เด็กสามขวบ"

          "แน่นอนว่าคุณไม่ใช่ แต่ถ้าอยากทำบ้างก็ไม่เป็นไร"

          เห๊อะ! ไอ้มาเฟียสมองกลวงคิดว่าความสามารถของผมอยู่ในจุดที่เด็กทั่วไปคิดกันงั้นสิ เพราะเขาไม่เห็นตอนผมเอาแต่ใจต่างหากถึงกล้ายื่นข้อเสนอนี้ออกมา

          "แล้วเมื่อไหร่จะวางลงสักทีจะอุ้มอยู่อย่างนี้หมดปีหมดชาติรึไง"

          "ถ้าคุณให้ทำผมก็จะทำ"

          "..."

          "จริงๆ นะ อุ้มไม่วางเลยก็ได้"

          หึ...ตลกร้ายซะไม่มี

          "ไม่ต้อง"

          ชูเซย์แค่ยิ้มรับและไม่เถียงต่อ เขาค่อยๆ วางผมลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ จากนั้นจึงสั่งให้คนนำอุปกรณ์ทำแผลมาที่เตียง จะว่าไปแล้วห้องนี้กว้างกว่าห้องเดิมถึงสองเท่า เตียงขนาดคิงไซด์พร้อมผ้าปูที่นอนสีอ่อนเรียบตึง 

          ผมใช้มือสัมผัสพื้นผิวเรียบรื่น ผ้าปูที่นอนคงทำจากวัสดุชั้นดีราคาสูง ความนุ่มของมันคล้ายเชิญชวนให้คนง่วงซึมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา

          นานแล้วที่ผมไม่ได้อยู่บนเตียงแบบนี้ เพราะชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอ กินก็อยู่ตรงนั้น นอนก็อยู่ตรงนั้น เตียงจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำคัญในการดำรงชีวิต

          "ชอบมั้ย?"

          ชูเซย์ว่าก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบไปกับเตียง  เขาหันมายิ้มให้ผมพลางสังเกตสีหน้าไปด้วย

          "อืม"

          "ดีจังที่คุณชอบ"

          ในห้องพลันเกิดความเงียบขึ้นมา จะมีก็แต่สายลมจากนอกหน้าต่างเท่านั้นที่ยังให้ความรู้สึกเย็นสบาย 

          ทำไมมาเฟียสาขาตะวันออกเฉียงเหนือต้องมาใส่ใจความรู้สึกของผม นั่นคือสิ่งที่คิดในใจ แต่ผมก็ไม่ได้เร่งเร้าหาคำตอบ เพราะสัญชาตญาณบอกว่าไอ้มาเฟียสมองกลวงไม่มีเจตนาร้ายแอบแฝง แต่เพราะไม่มีเลยต้องหาเหตุผลมาอธิบาย

          ช่างเถอะ...ยังไงเขาก็ต้องให้คำตอบในสักวัน

          "คุณจะทำแผลให้ผม?"

          ผมว่าพร้อมกับมองไปรอบๆ ตอนนี้มีนักวิจัยไม่กี่คนเท่านั้นกำลังจัดของเข้าที่ ส่วนที่เหลือทั้งหลายคงตั้งหน้าตั้งตากลับไปเคลียร์พื้นที่ที่ผมทำรกไว้ หรือที่รีบกลับไปอาจเป็นเพราะรอยยิ้มไอ้มาเฟียสมองกลวงชอบทำเหมือนข่มขู่ลูกน้อง

          "หมอประจำตระกูลไม่อยู่ เดี๋ยวผมจะทำแผลแทนให้เอง"

          เขามองสบตาผมก่อนจะหยิบนู่นนี่อย่างคล่องมือ กลิ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อฉุนกึกทำให้สมองของผมพร่าเบลอเล็กน้อย

          "ทำไมไม่ให้คนอื่นทำ ลูกน้องคุณมีเยอะแยะ"

          "เรื่องสำคัญแบบนี้จะให้คนอื่นทำได้ยังไง หากพวกเขาทำไม่ดีเดี๋ยวจะทิ้งชีวิตเอาเปล่าๆ"

          ผมสังเกตเห็นสีหน้านักวิจัยบางคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปทำหน้าที่ของตนต้องแอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะเร่งฝีเท้าจากไปเงียบๆ จนเหลือแค่ผมกับเขาสองคน

          "ก็แค่ทำแผลไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"

          "แน่นอนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าขาตรงหน้าผมไม่ใช่ขาคุณ"

          ฉายาของไอ้มาเฟียนี่ไม่น่าจะใช้คำว่าเจ้าพ่อไอ้ที แต่ควรเป็น 'เจ้าพ่อโอเวอร์' มากกว่า

          "พะนาย"

          จู่ๆ น้ำเสียงนั่นก็เปลี่ยนไป ชูเซย์ไม่ได้เงยหน้ามองผม แต่กลับใช้สำลีเช็ดเลือดที่แห้งเกรอะกรังออกอย่างเบามือ

          "..."

          "หากมีปัญหาอะไรกวนใจหรือไม่สบายใจคุณบอกผมได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว"

          "สนใจทำไม"

          ชูเซย์เงยหน้าขึ้น แววตาสนุกสนานทุกครั้งมลายหายสิ้น ที่เห็นเวลานี้คือความจริงจังจนเผลอคิดตามว่าเรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้คือเรื่องสำคัญ หากไม่ตั้งใจฟังจะถูกอีกฝ่ายคาดโทษเอาไว้

          "ผมต้องสนใจอยู่แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าผมตามติดชีวิตคุณมากขนาดไหน"

          "..."

          "ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel