ตอนที่ 9 : ความจำเป็น
เกิดภาวะตึงเครียดในห้องประชุม แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกสบายๆ หากจะพูดถึงตำแหน่งครูฝึกหน่วยรบกองกำลังดินแดนทางใต้ที่ผมเคยประจำอยู่ไทย มันเป็นเรื่องในอดีตเมื่อนานมาแล้ว...เพราะผมได้ลาออกจากที่นั่นเพื่อใช้ชีวิตอิสระ ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของใคร อยู่อย่างคนธรรมดา มองหาอาชีพใหม่อย่างการเป็นครูสอนพิเศษ แต่ดูแล้วชีวิตคงไม่พ้นต้องเกี่ยวโยงกับเส้นทางอันตรายเช่นเดิม
"เฮ้อ...อย่าเกร็งนักสิ ผมเป็นแขกนะ ถ้าพวกคุณเล่นระแวงกันแบบนั้น สายอาชีพการเป็นครูสอนพิเศษของผมจะพลอยลำบากไปด้วย"
เสียงถอนหายใจของผมถูกพ้นออกมาแบบไม่ปิดบัง อย่างน้อยๆ ก็เหลือที่ให้พักพิงบ้าง อย่ากดดันกันทางสายตาแบบนี้เลย
"ทำไมผมไม่รู้"
เสียงฮิโรชิดังมาจากด้านข้าง ผมมองไอ้เด็กมาเฟียนี่ด้วยความอิจฉา เป็นครูฝึกหน่วยรบก็หลายปี ทำไมถึงไม่สูงอย่างไอ้เด็กนี่บ้างวะ
แต่เมื่อกี้เขาบอก...ไม่รู้ งั้นเหรอ?
"ต่อให้ข้อมูลที่พวกคุณสืบมาไม่มาก แต่อย่างน้อยที่สุด พวกคุณน่าจะรู้ว่าผมมีอาชีพเดิมยังไง โดยเฉพาะผู้นำสาขาตะวันออก...สึซึมิยะ ฮิโรชิ"
"ผมไม่รู้..."
เฮ้ยๆ จริงจังบ้างสิเว้ย! นายจะไม่รู้ได้ไงในเมื่อเป็นคนสั่งให้ลูกน้องพาตัวผมมาเอง
"ฮิโรชิ...นายแน่ใจนะว่าไม่รู้"
หนึ่งในผู้นำสี่สาขาหลักเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปขอความเห็นจากผู้นำอีกสองคนที่เหลือ
"แน่ใจ...ผมเลือกคุณครูพะพายเพราะเขามีความรู้ด้านวิชาการ ไม่ใช่เพราะเขาคือครูฝึกหน่วยรบ"
เอาจริงใช่มั้ย ไอ้เด็กมาเฟียนี่ไม่รู้ที่มาที่ไปของผมอ่ะนะ แล้วยังกล้ามาลากให้ผมเดินตามเส้นทางของตัวเองอีก
"คุณเลือกเพราะผมมีความรู้ด้านวิชาการแค่นี้จริงๆ น่ะเหรอ"
"ก็ไม่ทั้งหมดหรอก เรื่องนั้นแค่ส่วนเดียว แต่อีกส่วนเพราะผมรีบมากจึงจำเป็นต้องหาครูสอนพิเศษ ส่วนเรื่องที่คุณมีความรู้ในการสอนผมมาสืบทีหลัง"
ผมคิดว่าตัวเองเริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว...
ความจริงวันนั้นผมต้องสอนนักเรียนในห้องเรียนที่ผมเตรียมไว้สำหรับสอน แต่นักเรียนคนหนึ่งกลับท้องเสียกระทันหันจึงเดินทางมาไม่ได้ แม้ผมจะยกเลิกการเรียนใ้ห้ก็ไม่ยอม ผมจึงจำเป็นต้องเรียกนักเรียนที่เรียนในชั่วโมงเดียวกันมาเรียนที่บ้านของเด็กคนนั้น
มันจะใช่เรื่องบังเอิญ...หรือเป็นการวางแผนให้เดินตามหมากของใครบางคน
"งั้นเลิกประชุม เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล"
ผู้นำสามสาขาหลักต่างทยอยออกจากห้องเดินทางใครทางมัน ปล่อยให้ผมกับฮิโรชิยืนเอ๋ออยู่ด้วยกันแค่สองคน ถ้ารู้ว่ามาแค่นี้ผมคงไม่คาดหวังอะไรหรอก ไอ้เราก็คิดว่าจะรู้ความจริงทุกอย่าง เปล่าเลย...ความจริงอะไรนั่นยังไม่ถูกเปิดเผย กลับมีเรื่องชวนหนักสมองเพิ่มขึ้นอีก
"ฮิโรชิ...กลับกันเถอะ"
ผมเดินนำเขาออกมา แต่แค่ไม่กี่ก้าวเขาก็คว้าข้อมือผมดึงไว้ซะก่อน
"คุณ...เป็นใครกันแน่"
_____________________________________
เราสองคนเดินทางกลับมาคฤหาสน์ตระกูลสึซึมิยะ กว่าจะถึงก็ดึกมากแล้ว ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างแผ่หราอยู่อย่างนั้น คำถามเดิมๆ วนเวียนในหัวตลอดการเดินทาง ถ้าเขาไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ทำไมยังกล้ารับผมเป็นครูสอนพิเศษ แล้วไอ้เวลาสั้นๆ กลับตัดสินใจเลือกผมเพราะความจำเป็น
มันไม่เสี่ยงกับชีวิตตัวเองไปหน่อยเหรอ...
เกิดผมไม่ใช่ครูฝึกหน่วยรบที่ลาออกจากตำแหน่ง แต่เป็นมือสังหารที่พยายามจะแย่งชิงอำนาจในมือเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คิดว่าจะเกิดเรื่องแค่ไหน ไม่มีใครต้องนั่งอธิบายให้ฟังใช่มั้ยว่าสาขาตะวันออกคงถึงวันล่มสลายแน่
"เรามาทำความรู้จักกันใหม่อีกรอบ"
เสียงฮิโรชิดังแว่วอยู่เหนือศีรษะของผม ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้น เขาจึงนั่งลงตรงนั้น
"ผมก็บอกไปแล้วไงว่าตัวเองเป็นใคร เคยทำอาชีพอะไรก่อนมาเป็นครูสอนพิเศษ"
"ผมอยากรู้มากกว่านั้น"
"อยากรู้อะไร"
"ทำไมคุณถึงลาออกจากครูฝึกหน่วยรบ"
เพราะการอยู่ใต้กฎเกณฑ์ควบคุมห่วยๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนน่ะสิ
"ก็แค่เบื่อ...เลยลาออก"
"แค่นั้น"
"ใช่"
"ถ้าอย่างนั้น...ทำไมคนอย่างคุณครูพะพายถึงเลือกมาสอนที่ญี่ปุ่นแทนที่จะสอนอยู่ไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง"
ไอ้เด็กนี่เป็นมาเฟียหรือหน่วยสืบสวนสอบสวนวะ ซักจนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง
"ผมเป็นครูเพราะอะไรหรือสอนที่ไหนมันเรื่องส่วนตัวของผม ผมแค่มีหน้าที่สอนลูกศิษย์อย่างคุณ แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอ..."
"ผมอยากมั่นใจ ว่าผมเลือกคนไม่ผิด"
จะเลือกผิดหรือไม่ นายก็เป็นคนลากฉันมาเกี่ยวข้องเต็มๆ แล้วไม่ใช่เหรอ จะมาพูดเอาตอนนี้ให้ได้อะไร
"ถ้าไม่มั่นใจ...จะไล่ผมออกก็ได้ผมไม่แคร์ แต่ต้องจ่ายค่าแรงสามเท่าของวันนี้ด้วยนะ"
"ใครว่าผมจะไล่คุณออก"
ก็ไม่มีใครว่าทั้งนั้น แต่ความระแวงปนสงสัยของเขา บางทีมันก็ชี้ชัดความต้องการโดยไม่รู้ตัว
"งั้นจะพูดทำไมเรื่องการเลือกไม่ผิดคน"
"ผมแค่อยากแน่ใจ ว่าคุณจะไม่ตายภายในเวลาสามเดือน"