ตอนที่ 15 : จำกัดเวลา
รถชะลอจอดหน้าบ้านหลังเล็กๆ ในเขตนอกเมือง ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวสุขสันต์ มีพ่อ แม่ ผมและน้องชาย เราทุกคนต่างมีความสุข มีชีวิตที่สดใส ในแต่ละวันจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังออกมา
จนกระทั่งเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อจู่ๆ มีคนบุกเข้ามาในบ้านกลางดึก ตอนนั้นผมและนายออกไปทำภารกิจข้างนอก ในบ้านจึงมีแค่พ่อกับแม่ ระบบสัญญาณในตัวบ้านถูกตัดขาด แต่ด้วยความสามารถของนายเราจึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
แม้จะรู้...กว่าจะเดินทางมาถึง ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนั้นสะเทือนความรู้สึกของเราสองคนมาก ตำรวจเป็นที่พึ่งเดียวกลับไม่อยากยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะพวกนั้นมีอิทธิพลเหนือกฎหมาย ง่ายๆ คือเราสองคนถูกปล่อยลอยแพ
นั่นเป็นความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ และการยอมรับไม่ได้กับกฎปลาใหญ่กินปลาเล็ก อำนาจอยู่เหนือความถูกต้อง
นายโกรธมากถึงขั้นสาบานกับตัวเองว่าจะตามล้างแค้นพวกที่ฆ่าพ่อกับแม่ จากเด็กยิ้มง่ายกลายเป็นคนชอบทำหน้าบึ้งอยู่บ่อยครั้ง แถมมีอคติกับพวกมาเฟีย ไม่รู้เกี่ยวข้องยังไง แต่ถึงจะไม่รู้แต่ก็พอเข้าใจเหตุผลและความรู้สึกของนาย
"ลองเข้าไปดูกันมั้ย"
นายยิ้มฝืนๆ ก่อนผลักประตูรถเปิดออก ผมตามเขาไปติดๆ ที่นี่ดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิม อาจเพราะแม่บ้านที่ผมจ้างให้มาดูแลทำความสะอาดทุกเดือนช่วยให้มันไม่ทรุดโทรม
"คิดถึงที่นี่มั้ย"
ผมหันไปถามนาย เขาเพียงยืนนิ่งจ้องมองสวนเล็กๆ ตรงหน้าต่างข้างบ้าน ที่ครั้งก่อนเราสี่คนเคยมีความสุขร่วมกัน นายกำมือแน่นก่อนค่อยๆ คลายออก
"คิดถึงสิ คิดถึงวันเอาคืน"
"..."
"แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ดีใจที่พี่ยังอยู่ด้วยกัน"
รอยยิ้มแสนเจ็บปวดนั่นช่างดูทรมาน อ้างว้าง โดดเดี่ยว นายเก่งและฉลาดก็จริง แต่เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เจ็บเป็น มีความรู้สึก ยิ่งเจอเรื่องแทบจะทานทนไม่ได้ในครั้งนั้น ก็มากพอสำหรับเด็กที่เคยมีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา
"พี่ดีใจที่เราสองคนเป็นพี่น้องกัน"
และเราจะไม่มีวันทิ้งกัน...
นายยิ้มให้ผมอีกครั้ง แถมครั้งนี้อ่อนโยนมาก การปรับเปลี่ยนอารมณ์ปุบปับบางทีคงจะเป็นอีกด้านหนึ่งที่ผมเพิ่งเห็น นายดูจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม
"เอาล่ะ เลิกเครียดได้แล้ว มาถึงบ้านทั้งทีก็ควรจะ..."
"เงียบก่อน"
เหมือนได้ยินเสียงบางอย่างดังใกล้ๆ คล้ายกับสัญญาณเตือนอะไรสักอย่าง พอเห็นแบบนั้น นายชะงักคำพูดก่อนกลืนมันกลับลงที่เดิม เขาดึงมือถือขึ้นมากดบางอย่าง คิ้วขมวดเข้าด้วยกันจนแน่น จู่ๆ นายก็คว้ามือผมวิ่งออกจากบ้าน
"ขึ้นรถเร็ว!"
ไม่ต้องถามให้เสียเวลา ประตูรถถูกเปิดด้วยระบบและปิดตัวลงด้วยระบบเช่นเดียวกัน พอนั่งประจำที่ เข็มขัดนิรภัยถูกล็อกให้ติดกับเบาะ เมื่อทุกอย่างพร้อม ภาพลูก้าจึงปรากฏขึ้นหน้าจอ
[ผมคิดว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงสัญญาณของผมซะอีก]
เสียงเตือนแว่วๆ เมื่อกี้คงเป็นสัญญาณที่ลูก้าส่งมา แต่เพราะอยู่ไกลจึงไม่ค่อยได้ยิน แต่หูผมดันดีซะได้
"มีคนกำลังมาที่นี่"
นายจิ้มนิ้วบนแป้นพิมพ์ กล้องวงจรปิดตามมุมต่างๆ ถูกเจาะเข้าระบบ ส่งสัญญาณภาพมายังโน๊ตบุ๊คของนาย
[ตรวจพบศัตรูกำลังเคลื่อนเข้าใกล้]
ลูก้าร้องเตือน ภาพหน้าจอแสดงผลของระยะทางของฝ่ายคุกคาม ที่ลูก้าบอกว่า 'เคลื่อนเข้าใกล้' งั้นก็แสดงว่าตามมาหาถึงที่สินะ การกลับไทยครั้งนี้ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย
"ตรวจสอบอะไรได้บ้าง"
ผมถามขณะหยิบปืนที่เหน็บอยู่ด้านหลังมาเช็กกระสุน
"ดูพี่สนุกจังนะ"
นายพูดเหมือนรู้ทัน ที่จริงนานๆ ทีจะได้ยืดเส้นยืดสายบ้างก็โอเคนะ อยู่กับฮิโรชิมักจะเป็นฝ่ายถูกปกป้องเสมอ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดเอาตัวรอดไม่ได้ ทุกครั้งก็หาทางเองตลอด
[มนุษย์]
มนุษย์? เดี๋ยวนี้มนุษย์จัดอยู่ในประเภทวัตถุอันตรายแล้วเหรอ รู้ขนาดอ่านใจคนได้ด้วย สุดยอดเลย!
"ลูก้า ถามหน่อย รู้ได้ไงว่านั่นคือศัตรู"
[บาซูก้า ถือเป็นอาวุธ เอ็มสิบหก ถือเป็นอาวุธ สไนเปอร์ ถือเป็นอาวุธ มนุษย์ที่ถือวัตถุอันตราย ถือเป็นอาวุธ และ...]
หูผมไม่ได้ยินเสียงลูก้าแล้ว ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง AI ตัวนี้เปล่าอ่านใจคนได้ แต่ตรวจสอบวัตถุอันตรายได้ต่างหาก
ที่เรียกว่า 'ศัตรู' เพราะคนทั่วไปไม่พกคลังอาวุธเคลื่อนที่แบบนี้น่ะสิ!
"เผ่นดีกว่า"
นายเสนอแนวคิด อันนี้ผมเห็นด้วย ตอนแรกอยากลุยอยู่หรอก แต่ดันเสียเปรียบตรงมีพวกน้อย แถมปืนก็มีแค่กระบอกเดียว ลุยซึ่งๆ หน้า มีหวังได้บอกลาโลกไม่พอ คงต้องยื่นใบลาออกจากไอ้เด็กมาเฟียนั่นอีก
อ่าห๊ะ...เวลานี้ยังมีอารมณ์นึกถึงฮิโรชิอีกแหะ แปลกจัง
ตืด ตืด ตืด...
[ตรวจสอบระบบ เป็นเบอร์ต่างประเทศ]
จู่ๆ ลูก้าก็พูดขึ้นมา ผมรีบล้วงกระเป๋ากางเกงดูหน้าจอมือถือ ปรากฏเป็นเบอร์โทร.ทางไกล แถมเป็นฮิโรชิอีกต่างหาก
นึกถึงไม่ได้เลย ไอ้เด็กมาเฟียเอ้ย!
"ฮัลโหล ตอนนี้ยุ่งอยู่"
[ปลอดภัยมั้ย]
"ก็...นะ"
ทำไมถามเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยแหะ รึเขาจะอยู่แถวนี้ ไม่หรอก เบอร์โทร.จากนอกชัดๆ
"ฝากบอกไอ้บ้านั่นด้วย อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง"
เสียงนายแทรกเข้ามา บอกเลยว่างง นายพูดถึงใคร ฮิโรชิเหรอ ไม่น่าใช่ ถ้างั้นคงเป็น...
[เรื่องของคุณสองคนไว้เคลียร์กันเอง คุณครูครับ หมดเวลาเที่ยวเล่นแล้ว รีบกลับบ้านด้วยครับ]
ผมเพิ่งมาถึงไทยแค่ห้าชั่วโมงเองเถอะ แล้วก็เปล่าเที่ยวเล่น มาเยี่ยมพ่อกับแม่ต่างหาก และอีกอย่างที่สำคัญมากๆ ตอนนี้กำลังถูกฝ่ายไหนไม่รู้ตามล่าอยู่ คงจะมีเวลาหาทางขึ้นเครื่องได้หรอก ลำพังหนีให้รอดก็พอ
"ผมมีเรื่องต้องทำ ไว้จะติดต่อกลับ..."
[ภายในสามชั่วโมง ถ้าผมไม่เห็นคุณครูอยู่สนามบินญี่ปุ่น ผมจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปหานะครับ]
ให้เวลาน้อยไปเว้ย!
ในโลกนี้ นอกจากนายแล้ว ผมยังต้องตรงต่อเวลากับไอ้เด็กมาเฟียชอบสั่งนี่อีกคนใช่มั้ย
"สถานการณ์ไม่สู้ดี ไว้จะคิดอีกทีว่ากลับตอนไหน"
[เหตุผลใช้ไม่ได้]
เหตุผลนายสิใช้ไม่ได้ สนามบินกับบ้านไกลกันเกือบข้ามจังหวัด เผื่อหนี เผื่อเสียท่า หรือเผื่อรถติดอะไรบ้างเซ่!
"ผมสะดวกกลับตอนไหนก็ตอนนั้น คุณไม่ต้อง..."
[ถ้าผมไม่เจอคุณครู รับรองได้เลย เรื่องนี้จบไม่สวย]
"..."
[ทำเวลาหน่อยนะครับ มันมีจำกัด]
ไอ้เด็กงี่เง่า!
_____________________________________
พะนาย จากเรื่อง...(YAOI) Virus infection.ฝ่าวิกฤตร้ายนายใหญ่มาเฟีย
ปล.เป็นคู่ของชูเซย์กับพะนาย กำลังเขียนอยู่นะจ๊ะ ;)