ตอนที่ 1 : เรื่องไม่คาดฝัน
"พี่ธันย์ ผมกลับแล้วนะครับ"
ผมบอกลาพี่ธันย์เจ้าของร้านกาแฟซึ่งผมทำงานด้วยตั้งแต่เข้าเรียน ม.ปลาย ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าหลังตู้ล็อกเกอร์มาสะพายข้าง เตรียมเดินทางกลับห้องพักที่ผมใช้เป็นที่อาศัย
"ใบชาจะกลับแล้วเหรอ มันดึกแล้วนะ ให้พี่ไปส่งมั้ย"
ผมส่ายหัวรัวด้วยความเกรงใจ พี่ธันย์จึงเดินมาส่งแค่หน้าประตูร้าน สีหน้าอ่อนโยนบ่งบอกว่าเขาเป็นห่วง
"ไม่ล่ะครับ กลับดึกแค่วันเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไปนะ"
ผมเดินออกจากร้านโดยไม่รอให้พี่ธันย์เอ่ยอะไรอีก ไม่มีอะไรมากหรอก ผมเกรงใจพี่เขา แค่เขาให้ผมทำงานด้วย ให้ความเมตตารับเด็กกำพร้าอย่างผมเข้าทำงานก็มากพอแล้ว ผมไม่อยากเพิ่มภาระให้ใครทั้งนั้น ในเมื่อผมอยู่ตัวคนเดียว ผมก็ควรยืนหยัดด้วยลำแข้ง พึ่งพาตนเอง ไม่มีใครอยู่กับใครได้ตลอดชีวิต นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้ตั้งแต่แม่จากโลกใบนี้ไป
ตามท้องถนนยามค่ำคืนเวลาสองสามทุ่มเริ่มเงียบสงบสำหรับทางกลับนอกเมือง หลังลงจากรถแท็กซี่ผมก็เดินเท้าไปตามทางเข้าซอยเล็กๆ ซึ่งจะมีอาคารไว้เช่าอีกหลายหลัง เดินไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงห้องพักที่ผมทำงานหาเงินเช่ามันตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น จนกระทั่งจบ ม.ปลาย
เมื่อผมกำลังจะเดินผ่านซอยเพื่อเลี้ยวไปยังหน้าห้องพัก ตรงนั้นกลับมีชายชุดดำสองคนยืนพิงรถคันหรูอยู่ใกล้ๆ กับทางผ่าน บริเวณรอบทางเดินจะมีแสงไฟจากอาคารสาดลงมาจนมองเห็นว่าพวกเขาถือรูปใบหนึ่งไว้ในมือ เสียงสนทนาไม่หนักเบากำลังเอ่ยอย่างมีความหวัง
"ใช่คนเดียวกันรึเปล่าวะ"
ชายคนที่ถือรูปไว้ในมือเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมาสบตากับผมขณะกำลังจะเดินผ่าน นั่นทำให้เท้าของผมชะงักจนเผลอมองตอบอีกฝ่าย
"นั่นสิ เหมือนกันอย่างกับแกะ"
ชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยตอบอย่างเห็นด้วย ผมชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ เหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
"ฉันว่าใช่..."
"จะช้าทำไมล่ะ..."
พอคิดดูแล้ว พวกเขาจะคุยเรื่องอะไรก็ช่างในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องของผม ผมควรจะพาตัวเองออกจากจุดนี้แล้วกลับห้องพักให้เร็วที่สุด
"นี่น้อง ช่วยไปกับพวกพี่ได้มั้ย"
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนที่คิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกลับคว้าไหล่ผมหันไปเผชิญหน้า ชายชุดดำที่ถือรูปในมือเลิกคิ้วขึ้นสูง เขายิ้มออกมาเหมือนเจอสมบัติล้ำค่า
"ผมไม่ไปหรอก ผมไม่รู้จักพวกพี่ขอตัว"
สองคนนั้นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า 'จัดการ'
"ถ้าไม่ไป พี่คงต้องใช้กำลัง"
เท่านั้นแหละ สองคนนั้นเข้ามาประชิดตัวผมแล้วจับแขนผมคนละข้างไว้แน่น สัญชาตญาณของผมร้องบอกว่าภัยอันตรายกำลังคุกคาม
พลั่ก ปึก!
ผมผลักชายสองคนนั้นออกห่างด้วยความเร็ว จนพวกเขากระแทกกับผนังหน้าห้องพักคนละทาง จากนั้นผมจึงตั้งการ์ดเตรียมโต้กลับ
"ไปกับพวกพี่ดีๆ เถอะจะได้ไม่เจ็บตัว พี่ไม่อยากใช้กำลังถ้าไม่จำเป็น"
หึ ใช้กำลังถ้าไม่จำเป็นงั้นเหรอ ใบชาคนนี้ไม่มีทางยอมให้ตัวเองเจ็บตัวง่ายๆ หรอก
"ผมว่าพวกพี่ถอยไปดีกว่า คิดจะจับตัวคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล คุกนะครับ"
สองคนนั้นแสยะยิ้มให้กันก่อนจะส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันนั้นให้ผม
"ถ้าพี่กลัวคงไม่มาหรอก พี่ยอมให้นายใหญ่ซ้อมดีกว่าถูกฆ่า"
ไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเขาพูดอะไร มัวแต่คิดคงไม่ได้เมื่อสองคนนั้นบุกจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน
เอาจริงเหรอเนี่ย!
ผมหันหลังออกตัววิ่งไปอีกทางทันที สองคนนั้นก็วิ่งตามหลังมาเช่นกัน ดูท่าจะสลัดตัวยากซะด้วย
ผมวิ่งผ่านซอยเล็กๆ หลายซอยและหลบเข้ามุมมืดมุมหนึ่ง พอได้จังหวะที่อีกฝ่ายโพล่มา ผมเลยเหวี่ยงตัวเตะกลับหลัง ส่งผลให้โดนปลายคางคนที่วิ่งถึงตัวก่อนเป็นคนแรก
สองคนนั้นช่วยกันประคองกันลุกขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะหยุดไล่ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าผมจะปลอดภัย
"พี่ไม่อยากใช้กำลังจริงๆ นะ ถึงแม้พี่จะพาตัวน้องไปได้ แต่ถ้าน้องมีรอยขีดข่วน พวกพี่ก็มีสิทธิ์ถูกฆ่าตายได้เหมือนกัน"
พวกเขาพูดเรื่องอะไร แต่สถานการณ์แบบนี้คงไม่มีใครใจดีพอมานั่งอธิบายให้ฟัง
"นั่นมันเรื่องของพวกพี่ไม่เกี่ยวกับผม"
พวกเขามองหน้ากันเลิกลั่ก ดูลำบากใจอยู่ไม่น้อย
"งั้นช่วยปรานีชีวิตสองคนนั้นได้มั้ย ถ้าไม่ไป ฉันคงไม่เลี้ยงพวกมันไว้เสียข้าวสุก"
ผมหันไปมองข้างหลังทันทีตามเสียงปริศนา ไม่สิ ผมทำได้แค่เอี้ยวตัวเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อคนข้างหลังเข้าประชิดตัวผมโดยไม่ทันตั้งตัว แขนข้างหนึ่งของเขาโอบเอวผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างถือปืนเล็งไปทางชายชุดดำสองคนข้างหน้า ใบหน้าของเขาก้มลงมาใกล้จนจมูกของเราแทบชนกัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่?!
"!!!"
"ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ที่รัก..."