บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ท้าทาย (2)

“อย่าชมเยอะได้มั้ยคะ ฉันเขิน” ทันทีที่พูดออกไปอีกฝ่ายก็หัวเราะร่า

“ผมพูดไปตามความจริงครับ” คุณเจียงปิดท้ายบทสนทนาด้วยประโยคนั้น

ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นเคาะประตูเพื่อเป็นการขออนุญาตบุคคลที่อยู่ด้านใน หลังจากเราเดินมาถึงหน้าห้องเป็นที่เรียบร้อย

“เข้ามา” ประโยคสั้นห้วนดังลอดออกมาให้ได้ยิน

บางทีก็แอบคิด ว่าเจ้าของสนามต้องการพบฉันจริง ๆ น่ะเหรอ ทำไมน้ำเสียงของเขาถึงดูไม่รับแขกเอาเสียเลย

“เชิญครับคุณเอวา” คุณเจียงใช้มือผลักดันบานประตู พร้อมเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้ฉันเดินตามเขาเข้าไปด้านใน

ทว่าจำต้องประหลาดใจ เมื่อผู้ชายที่นั่งคอยอยู่คือคนเดียวกับที่เดินหนีพวกฉันออกจากลิฟต์ หากแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลากลับถูกปิดซ่อนอยู่ภายใต้แมสก์สีดำ

ฉันมั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่ เพราะเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้ก็คือชุดเดิม

ดวงตาคมคู่นั้นเงยขึ้นมองสบประสาน แววตาของเขายังคงเรียบนิ่ง นิ่งเสียจนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

“ยินดีที่ได้พบนะครับคุณเอวา เชิญนั่งได้เลย”

แน่ใจว่ายินดีอย่างที่ปากพูด? ท่าทีของเขาช่างไม่เป็นมิตรกับฉันเอาเสียเลย

แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องใส่แมสก์ปกปิดขนาดนั้น ไม่อยากให้มองหรือว่ายังไงกัน?

กระนั้นฉันก็เลือกที่จะเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขาตามคำเชื้อเชิญนั้น

“นี่คือคุณแซ้งค์เจ้าของที่นี่ครับ” คุณเจียงขยับเดินไปยืนข้างโซฟาตัวใหญ่ที่คุณแซ้งค์นั่งอยู่ พร้อมแนะนำเขาให้ฉันได้รู้จัก

“คุณแซ้งค์ต้องการพบฉันทำไมเหรอคะ?” ไม่รอช้าที่จะเปิดปากถามเพื่อให้เข้าประเด็นเสียที

ก็ไม่ค่อยรีบเท่าไหร่หรอก แต่อีกไม่กี่นาทีฉันต้องไปซ้อมแล้ว

“ผมอยากแข่งรถกับคุณ” ดวงตาคมคู่นั้นมองมาอย่างแน่วแน่

คุณแซ้งค์กำลังท้าฉันอยู่ถูกไหม?

“...”

“ถ้าไม่สะดวกจะปฏิเสธก็ได้นะ ผมไม่บังคับ”

“ตกลงค่ะ ฉันจะแข่งกับคุณ” แล้วทำไมฉันต้องปฏิเสธด้วย ที่เงียบไปครู่หนึ่งก็เพียงเพราะแปลกใจเท่านั้น ไม่ได้นึกหวาดกลัว “วันนี้เลยมั้ยคะ”

“ได้สิครับ” ริมฝีปากหนาหยักลึกรับคำแทบจะในทันที “คุณถนัดแข่งดริฟต์ใช่มั้ย?”

“ค่ะ”

ถ้าเขาจะท้าฉันแข่งรถประเภทอื่นก็คงต้องเตรียมใจซะตั้งแต่ตอนนี้ ว่าตนเองอาจจะทำได้ไม่ดีนัก อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณแซ้งค์ถนัดการแข่งประเภทไหน

“อย่างนั้นก็แข่งตามที่คุณเอวาถนัดก็แล้วกัน”

ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเขาไม่ได้เอารัดเอาเปรียบฉัน หากท้าแข่งเองแล้วยังเลือกประเภทตามใจชอบ อันนี้ก็คงต้องเรียกว่าไม่ใจ

“ถ้าชนะฉันจะได้อะไรเป็นของรางวัลเหรอคะ”

“คุณเอวาอยากได้อะไรครับ”

ของเดิมพันตามใจฉันสินะ เลือกยากแหะว่าจะเอาอะไรดี

“ใช้สนามฟรีตลอดชีวิตเลยได้มั้ยคะ”

ค่าสมาชิกก็แพงเอาเรื่องอยู่นะ ฉันไม่ได้เข้ามาแข่งรถในสนามนี้ฟรี ๆ เสียหน่อย เพราะงั้นจากการคำนวณและใช้สมองครุ่นคิดดูแล้วน่าจะคุ้มกว่าการขอเป็นสิ่งของหรือเงิน

“ถ้าขอแบบนี้ แสดงว่าคุณเอวาจะแข่งรถที่สนามนี้ไปตลอดอย่างนั้นเหรอครับ”

ถ้าคุณแซ้งค์ไม่ได้ใส่แมสก์เอาไว้ฉันคงสามารถเห็นสีหน้าของเขาได้ชัดเจนกว่านี้ ว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงออกอย่างไร

“ฉันเป็นคนเบื่อยากน่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้ก็คงไม่เปลี่ยนใจ”

ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างยึดติดกับสิ่งที่ตนเองชอบ หากได้ชอบอะไรแล้วก็ยากที่จะหันไปมองอย่างอื่น ซึ่งแน่นอนว่าสนามแข่งรถแห่งนี้ค่อนข้างดึงดูดฉันในหลาย ๆ อย่าง อาจจะเป็นเพราะที่นี่คือสนามที่ดีที่สุดสำหรับฉันล่ะมั้ง

ไม่ใช่ว่าไม่เคยไปลองแข่งที่สนามอื่น กว่าจะพบสิ่งที่เหมาะกับตนเองฉันก็ผ่านมาหลายสนามแล้วเหมือนกัน และข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ‘การโกง’ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ฉันรังเกียจที่สุด

ไม่มีใครโอเคหรอก หากพยายามเต็มที่แล้วแต่สุดท้ายทุกอย่างกลับสูญเปล่า เพียงเพราะเจ้าของสนามเห็นแก่เงิน การยัดใต้โต๊ะมันมีอยู่ทุกวงการแหละ อยู่ที่ว่าจะไร้จรรยาบรรณกันหรือเปล่า

หากรู้ว่าตนเองถูกโกงฉันก็แค่ให้พี่กัสไปจัดการแล้วโบกมือลาสนามนั้นแบบสวย ๆ เงินเดิมพันไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงก็จริง แต่ฉันคงยอมไม่ได้หากถูกคนอื่นใช้วิธีสกปรก มันถือว่าดูถูกกันเกินไป

“ตกลงครับ” หลังจากที่เขารับปาก คุณเจียงก็รีบหันขวับไปมองผู้เป็นเจ้านาย ราวกับไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้น

“แล้วคุณแซ้งค์ล่ะคะ?”

“รอให้ผมชนะก่อนดีกว่าครับ”

“แบบนี้ผมว่าไม่แฟร์ เกิดคุณขออะไรมากกว่านั้นล่ะ” เป็นพี่กัสที่พูดแย้งขึ้นมาหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่รังแกผู้หญิง”

“ก็ดีครับ แต่ถ้าคุณเล่นตุกติกขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวทุกอย่างจะถือว่าเป็นโมฆะ” ร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดดักคอ

“บอดี้การ์ดของคุณเอวาดูท่าจะเป็นห่วงเจ้านายมากเลยนะครับ”

“ค่ะ ใจจริงฉันก็ว่าจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน” ด้วยความที่เจอการเล่นตุกติกมาเยอะพอสมควร ดังนั้นพวกฉันจึงต้องคอยเซฟตนเองอยู่บ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่ง

“เป็นลูกน้องที่รู้ใจเจ้านายมากจริง ๆ น่าชื่นชม”

“คุณแซ้งค์มีอะไรจะพูดกับฉันอีกมั้ยคะ” ได้เวลาที่ฉันต้องไปซ้อมแล้วน่ะสิ นาฬิกาข้างผนังกำลังบ่งบอกเช่นนั้น

“ไม่มีแล้วครับ ผมตกลงตามที่คุณเอวาและบอดี้การ์ดของคุณว่ามาทั้งหมด”

“งั้นขอตัวนะคะ” กล่าวจบฉันก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากห้องนั้น

“คุณหนูจะแข่งกับเขาจริง ๆ เหรอครับ” ครั้นเดินพ้นจากบริเวณนั้นมาแล้ว พี่กัสก็โพล่งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“แข่งสิคะ รับคำท้าไปแล้วก็ต้องแข่งให้จบ”

“ผมว่า…”

“ไม่ต้องห่วงวาหรอกนะคะ” รีบตัดบท ก่อนที่อีกฝ่ายจะสรรหาเหตุผลร้อยแปดมาพูดให้คล้อยตาม

และต่อให้พี่กัสจะพูดยังไงฉันก็ไม่มีทางไปยกเลิกคำท้านั้นหรอก ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ…

[จบบันทึกพิเศษ: เอวา]

[บันทึกพิเศษ: แซ้งค์]

คล้อยหลังร่างบางผมก็จัดการดึงแมสก์ลงจากใบหน้า หากถามว่าทำไมถึงต้องใส่ นั่นเป็นเพราะว่า ‘กลิ่นกาย’ ของผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกไปมีผลต่ออาการ ‘โรคประหลาด’ ของผม กลิ่นของเธอมันหอมเสียจนทำให้ความรู้สึกบางอย่างถูกกระตุ้นขึ้นมา

ผมรับรู้ได้ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน บอกตามตรงเลยว่าอาการโรคประหลาดของผมไม่เคยกำเริบมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่คนรักเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ ไม่นึกเลยว่านอกจากแฟนเก่าที่จากไป จะมีคนที่ทำให้อาการของผมกำเริบขึ้นมาได้อีกเพียงเพราะได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ

มันไม่ใช่กลิ่นที่เกิดจากการฉีดน้ำหอมหรือกลิ่นของเสื้อผ้า หากแต่เป็นกลิ่นของเธอจริง ๆ

หลังจากที่ได้พบคุณเอวา ผมไม่รอช้าที่จะถามข้อมูลของเธอจากลูกน้องคนสนิท และตัดสินใจให้คุณเจียงไปตามเธอมาพบเป็นการส่วนตัว

“คุณแซ้งค์ครับ ผมขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย”

“ว่ามา”

“ผมว่าสิ่งที่คุณเอวาขอมันไม่คุ้มสำหรับเราเท่าไหร่เลยนะครับ”

“จะคุ้มหรือไม่ ผมขอเป็นคนตัดสินใจ”

ถ้ามองในแง่ธุรกิจอาจจะคิดว่าไม่คุ้ม แต่ผมไม่ได้มองในแง่นั้น ก็ต้องมาดูกันว่าสิ่งเดิมพันที่ผมเอาไปแลก จะนำพาผลลัพธ์ดี ๆ มาให้ผมมากน้อยเพียงใด…

[จบบันทึกพิเศษ: แซ้งค์]

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel