Ep.4 My brother
“อะไรนะ?? ” ผมตกใจกับคำตอบมากกว่า
“มันอยู่ในห้องน้ำ. ..น่ากลัวมากเลยอะ ” แอรินหันมาเล่าเป็นเรื่องเป็นราว
ผมก็ยื่นนิ่งตั้งใจฟังยัยเด็กต๊องจอมเพี้ยน
Airlin Part
พอทุกอย่างเงียบสนิท ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ฉันกำลัง กระโดดกอดพี่คินอย่างลืมตัว และหน้าไม่อายสุดๆ ฉันหันไปสบสายตาของพี่คินช้าๆ
“จะลงได้รึยัง? ฉันก็หนักเป็นนะ ” พี่คินพูดอย่างเอือมๆ
“ลงๆ จะลงเดี๋ยวนี้เลยค่ะๆ ” ฉันรีบคลายอ้อมกอดและลงจากตัวสูงๆ ของพี่คินช้าๆ
“สรุปว่ามีตุ๊กแกอยู่ในห้องน้ำ? ” พี่คินชี้ไปข้างในห้องของฉัน
“ใช่ๆ ” ฉันพยักหน้าทันที แค่นึกภาพก็สยองแล้วอะ
มันตัวใหญ่เท่าๆ แขน และสีเทา ตากลมโต อ้าปากให้เล็กหน่อย โอ๊ยยย แค่เห็นก็จะเป็นลมแล้ว ...
“พี่คินๆ จะไปไหนๆ ” พี่คินเดินเข้าไปในห้องของฉันทันที
“ก็ไปจัดการตุ๊กแกให้เธอไง ” พี่คินตาตะโกนออกมาจากด้านใน
“งั้นหนูรอตรงนี้นะคะ ” ฉันรีบบอกทันทีเพราะฉันไม่มีทางอยู่ใกล้ หรือร่วมโลกกับเจ้าตัวอันตรายนั่นเด็ดขาด!!
“ไม่เห็นมีเลยนิ เธอตาฝาดรึเปล่า ” พี่คินตาตะโกนถามออกมา
จะไม่มีได้ยังไง ก็เมื่อกี้ นางยังออกมาทักทายฉันอยู่เลยนะ
“มีสิคะ พี่คินทำไมจะไม่มี ” ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำกับพี่คิน เพื่อยืนยันว่ามี ฉันไม่ได้โกหกนะ
เราสองคนกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องน้ำสีขาวสะอาด
เออ..ไม่มีจริงด้วยแล้วเจ้าตุ๊กแกยักษ์ตัวสีเทานั่นมันหายไปไหนกันละ
พี่คินหันมามองทางฉันอย่างตั้งคำถาม
“มันมีจริงๆ นะ ฮื้ออๆๆ มันไปหลบที่ไหน!!! ” ฉันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ให้ได้ ก็ถ้ามีมันอยู่ ฉันคงไม่กล้าอาบน้ำ ไม่กล้าทำอะไรแล้วละ แต่ในห้องน้ำ ก็ไม่มีที่ไหนที่มันจะสามารถหลบได้แล้วนะ
“จากประสบการณ์ที่ฉันเรียนสัตวแพทย์มา ตุ๊กแกมันไม่ได้กินเนื้อคนนะ... ” พี่คินพูดก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องน้ำอีกครั้ง
“แต่ว่า....หนูกลัว!!” ฉันพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ
“ฉันว่าตุ๊กแกมันก็กลัวเธอเหมือนกันนั่นแหละ เห็นมั้ยละ มันก็หนีเธอเหมือนกัน... ” พี่คินตาใช้นิ้วดีดมาที่หน้าผากของฉัน
“โอ๊ย!!” ฉันลูบหน้าผากเบาๆ และแบะปากนิดๆ
“ถ้าไม่อยากให้พวกตุ๊กแก จิ้งจก หรือแมลงอื่นๆ เข้ามา ก็ปิดหน้าต่างให้สนิท!!” แล้วพี่คินก็เอื้อมขึ้นไปปิดหน้าต่างในห้องน้ำที่อยู่สู๊งสูงให้ฉัน
.......
...
..
“และหวังว่าคืนนี้เธอจะไม่ก่อเรื่องอีกนะ ” พี่คินตาหันมาบ่นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องของฉัน ...และปิดประตูให้นิ่งๆ
“บ้าน่า !!ฉันยิ้มทำไมเนี้ย !!ห้ามยิ้มแอริน ห้าม!! ” ฉันหยิกแก้มตัวเองเบาๆ
นี่ฉันแค่กำลังตื่นเต้นกับการมีพี่ชายใช่มั้ยเนี้ย??
ตี5:50นาที
ฉันก็หยิบหนังสือเตรียมสอบและรีบลงมาพาเจ้าสายหมอก เจ้าม้าตัวโปรดที่พ่อฉันเป็นคนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ และเป็นตัวสุดท้ายที่พ่อทำคลอดเองกับมือ...ฉันกับพ่อเราสนิทกันมาก เพราะแม่ของฉันทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก
ชีวิตของฉันมีแต่พ่อ ที่เป็นครูสอนขี่ม้าและหุ้นส่วนเล็กๆ ของฟาร์มม้าแข่งที่นี้ ...
แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว...อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็พรากชีวิตผู้ชายที่ฉันรักที่สุดในโลกไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ
ชีวิตเด็กในวัย15 ที่ต้องเผชิญหน้ากับความอ้างว้างเพียงลำพัง...คุณป้ากับคุณลุง คือเพื่อนสนิท คนเดียวที่พ่อมี... ส่วนแม่ ขนาดคุณป้าพยายามหาทางติดต่อไปแล้ว แต่เธอก็บอกเพียงแค่ เธอมีครอบครัวใหม่ไปแล้วและไม่สะดวกที่จะพาฉันไปอยู่ด้วย...ซึ่งก็เข้าทางคุณป้าที่ ท่านต้องการให้ฉันอยู่ที่นี้ และช่วยกันดูแลฟาร์มม้านี้ไปด้วยกัน ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้จะขอบคุณความเมตตาที่ทั้งคุณลุงกับคุณป้ามีต่อฉันได้ยังไงดี....
“สายหมอก นี่เดินไปกี่ก้าวก็เหนื่อยแล้วรึยังไง? ” ฉันเดินจูงพาสายหมอกไปกินอาหารเช้า..ของมัน ..
สายหมอก เป็นม้าที่มีสีขาวทั้งตัวและสวยสง่า อย่างกับยูนิคอร์นอันนี้ไม่ได้โอเวอร์เลยนะ!!
“แกนี้มันขี้เกียจตัวเป็นขนจริงๆ เลยนะ ” ฉันลูบพุงน้อยๆ ของเจ้าม้าตัวสูงใหญ่เบาๆ
ในขณะที่สายหมอกก็กินหญ้าต่อไป...
“ทำไมกินน้อยจังล่ะ ” ฉันลูบหัวมันอย่างเอ็นดู
แต่สายหมอกก็เดินหันหลังกลับไปทางคอกม้าส่วนตัวของมันทันที โดยกึ่งๆ ลากฉันไปด้วย เพราะฉันจูงมันอยู่
“โอเคๆ วันนี้แกคงขี้เกียจมากๆ ฉันเข้าใจเพราะฉันก็ขี้เกียจเหมือนกัน 5555 ” ฉันพามันเดินกลับมาที่บ้านของมัน สายหมอกก็ทิ้งตัวนอนลงทันที อย่างง่วงๆ
“กินแล้วนอนแบบนี้ เดี๋ยวก็กลายเป็นหมูหรอกนะ ” ฉันยืนบ่นๆ เจ้าสายหมอก พร้อมมองมันอย่างเอ็นดูๆ
“วันจันทร์นี้ ฉันจะสอบเข้ามหาลัยในเมืองแล้วนะ ” ฉันนั่งพิงเจ้าสายหมอก และกลางหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ฉันพร้อมมากๆ ในการสอบเข้ามหาลัยในครั้งนี้
“ฉันจะไม่มีวันทำให้คุณลุง คุณป้าต้องผิดหวังเลย” ฉันพูดขึ้นอย่างฮึกเหิม
“แกก็ด้วยนะ สายหมอก ” ฉันแนบอิงกับเจ้าม้าจอมขี้เกียจ และอ่านหนังสือไปพลางๆ
.............
.......
เสาร์อาทิตย์นี้ ฉันยังคงวุ่นวายกับการอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่ลืมที่จะช่วยทางฟาร์มทำงานบ้าง แม้ว่าทุกคนจะไล่ให้ฉันไปอ่านหนังสืออย่างเดียวก็ตาม
พี่ๆ คนงานที่นี้ใจดีมาก และยังเอ็นดูฉันมากอีกด้วย
คงเพราะพ่อฉันเองก็เป็นที่รักของทุกๆ คน
วันทั้งวัน ฉันก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับการอ่านหนังสือ และก็แทบไม่ได้เจอใครเลย ส่วนพี่ชายสุดหล่อของฉัน. เขาก็ย้ายออกไปอยู่บ้านพักส่วนตัวที่อยู่ห่างออกไป ท่ามกลางธรรมชาติ.. เราจะเจอกันก็แค่เวลาทานเข้า สามมื้อเท่านั้น
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่ต้องไปงานแต่งหลานของคนงานที่สนิท น่าจะกลับอาทิตย์หน้า เพราะกะไปเที่ยวกันด้วย “คุณลุงหันไปพูดกับพี่คินตาและขยิบตาให้คุณป้าเล็กน้อย
“ได้ครับ ไปพักกันบ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ ”
พี่คินก็ตอบยิ้มๆ
ปกติคุณลุงคุณป้าไม่ค่อยไปไหนหรอก นานๆ ทีจะไป เพราะที่ไร่จะขาดคนดูแลงานไม่ได้เลย ฉันถึงเลือกที่จะเข้าคณะบริหาร เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระของพวกท่าน
“เขาแต่งกันที่ทะเลนะ เสียดายถ้าแอรินไม่ติดสอบ ป้าจะพาไปด้วยแล้วนะ “คุณป้าหันมาพูดอย่างเศร้าๆ ปกติฉันกับคุณป้าตัวติดกันจะตาย..ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ไปแล้ว
“ร้องไห้ทันมั้ยคะ...แง๊ๆๆ ” หันไปตอบอย่างเสียดายๆ
“ไว้หลังสอบ ลุงพาไปอีกรอบ ” คุณลุงหันมาตอบฉัน
“จริงๆ นะ ” ฉันตาโตทันที
พี่คินมองฉันนิ่งๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร.....
หลังจากทานข้าวเสร็จ พี่คินก็ขับรถออกไปส่งคุณลุงคุณป้าที่สนามบิน ส่วนฉันไม่ได้ไปส่ง เพราะท่านเห็นว่าฉันติดอ่านหนังสืออยู่พอดี
ฉันนั่งอ่านอยู่ตรงโซฟา ข้างล่าง เพราะมันใกล้พวกของกินในครัวดี
พาไปไม่ได้นาน พี่คินก็เดินกลับเข้ามาในบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง
“อ้าว...หนูนึกว่าพี่คินจะกลับไปนอนที่บ้าน” ฉันถามอย่างงงๆ เพราะพี่คินชอบนอนที่บ้านของเขามากกว่า
“พรุ่งนี้ไปเองได้ใช่มั้ย?” เขาหันมาถามขณะที่เดินขึ้นบันไดบ้านไป
“อ่อ ได้ค่ะๆ มีรถโรงเรียนมารับ ” ฉันก็พยักหน้าทันที
“ก็ดี....เพราะฉันไม่ชอบตื่นเช้า ” พี่คินพูดก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป
เดี๋ยวนะๆ ถ้าฉันบอกว่าไปเองไม่ได้ พี่คินจะเป็นคนไปส่งฉันสอบงั้นหรอ....หื้มมมมม
ตี5:30นาที
“สายหมอก ถ้าไม่ยอมลุกขึ้นไปวิ่ง ฉันจะไม่พาไปแล้วนะ” ฉันยืนใส่ชุดวอมๆ เพื่อพาสายหมอกไปวิ่งตอนเช้า
“สายหมอก!!” ฉันเข้าไปพยุงตัวแต่มันก็ไม่ยอมลุกอยู่ดี
“ทำไมเดี๋ยวนี้เป็นม้าขี้เกียจแบบนี้นะ ” ฉันกอดอกมองอย่างแปลกใจ
ก่อนจะลองเอามือไป ตัวของสายหมอกสั่นๆ เหมือนมีไข้สูง กินน้อยลง และไม่ยอมลุกขึ้นยื่น เหมือนม้าตัวอื่นๆ
“แกไม่สบายงั้นหรอ? ” ฉันลูบหัวมันอย่างสงสาร
สายหมอกซึมกว่าวันที่ผ่านมาซะอีก และตัวของมันก็สั่นมากขึ้น
แล้วใครกันละ ที่จะช่วยฉันได้ในตอนนี้...
————————