ครอบครัว 1/6
“พ่อ! เดี๋ยวสิพ่ออย่าเพิ่งไป”
บุรฉัตรเรียกตามบิดาที่เดินออกจากบ้านไปแล้ว นี่ไงสาเหตุที่ตาขวากระตุก
อีท่านี้นะเงินรางวัลสี่พันที่ได้มาจากการถูกลอตเตอรี่ต้องหายวับไปในพริบตากับขวดเหล้าแน่ๆ แล้วพอเมาก็จะกลับมาทะเลาะกับแม่เหมือนเดิม
บารมีไม่สนใจเสียงเรียกของลูกสาวเลยสักนิด เดินออกจากบ้านไปไม่สนใจว่าคนในบ้านจะเป็นยังไงด้วยซ้ำ
แม้จะเดินสวนกับลูกชายคนกลางที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงบ้าน ลูกทักเขาก็ไม่หยุดคุยกับลูกชายเลยสักนิดเดียว
“พี่บลูพ่อเป็นอะไร”
บีมถามพี่สาวทันทีที่มาถึงบ้าน เห็นบิดาเดินออกจากบ้านไปท่าทางหงุดหงิด
“ไม่มีอะไรหรอกบีม อย่าไปสนใจเลย หิวไหมล่ะ กินข้าวมาหรือยัง พี่เก็บเป็ดย่างไว้ให้ ไปกินสิ”
บุรฉัตรดันหลังน้องเข้าบ้าน ไม่อยากให้น้องต้องเป็นกังวล
บีมเดินเข้าบ้านเห็นแม่ชันเข่าข้างหนึ่งมาวางบนเก้าอี้ ซึ่งเป็นท่าที่เขารู้ว่าแม่จะนั่งแบบนี้เวลาแม่มีเรื่องกลุ้มใจ สงสัยที่พ่อออกไปไม่แคล้วต้องทะเลาะกันอีกแน่ๆ
“ทะเลาะกับพ่อเหรอแม่”
แม่ส่ายหน้าแล้วเอาขาลงวางที่พื้น ก่อนจะบอกเขาว่า
“ไม่มีอะไรหรอก มากินข้าวมา”
บุรฉัตรเปิดที่ครอบจานเป็ดย่างในส่วนที่เก็บเอาไว้ ออกแล้วตักข้าวมาให้น้อง
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ไปติวมาเหรอ ครูเขาติวดีไหม”
บีมตักข้าวเข้าปากอย่างคนที่กำลังหิว ทุ่มกว่าแล้วกินข้าวตั้งแต่เที่ยง ใช้พลังงานสมองไปเยอะมาก ร่างกายต้องการสารอาหารอย่างเร่งด่วน
“ดีพี่ มันเป็นออนไลน์จากติวเตอร์ดังๆบริษัทที่ขายเครื่องดื่มบำรุงสมองเขาจัดติวออนไลน์ส่งสัญญาณให้โรงเรียนต่างๆเข้าร่วมรับชม วันนี้เขาติวเรื่องความถนัดทางแพทย์”
บุรฉัตรมองน้องตักข้าวเข้าปากอย่างเอ็นดู ท่าทางจะหิวมาก เคี้ยวข้าวคำใหญ่มาก แต่ก็ตอบคำถามพี่ไปด้วย เธอรินน้ำใส่แก้วให้น้อง
“ดีแล้วล่ะตั้งใจเรียน สอบให้ติดให้ได้นะ พี่เพิ่งคุยกับแม่ว่าพี่จะเลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวพี่จะช่วยหาเงินส่งบีมเรียนเอง”
บีมหยุดกินข้าวแล้วหันมามองพี่สาว
“พี่บลูทำไมต้องเลิกเรียนด้วย ถ้าพี่ต้องเสียสละออกมาทำงานบีมไม่เอานะ บีมเรียนอย่างอื่นก็ได้ ถ้าพี่กังวลว่าเรียนหมอแล้วจะแพง”
พี่สาวคนนี้เสียสละมาตลอด ตอนเป็นเด็กเวลาที่เขาอยากกินขนมเงินไปโรงเรียนมีน้อยพี่บลูมักจะเสียสละซื้อขนมที่เขาอยากกินให้เขาอยู่เสมอ
พอซื้อมาพี่ก็ชิมแค่นิดหน่อย ที่เหลือก็ยกให้เขากินทั้งหมด บางมื้อข้าวเหลือน้อย พี่บลูก็กินนิดเดียวให้เขาได้กินจนอิ่ม
ตอนเด็กๆมันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
“ไม่ใช่หรอก พี่ขี้เกียจเรียน ชอบทำงานมากกว่า ให้พี่ออกมาทำงานหาเงินน่าจะดีกว่า เรียนจบปริญญาก็ต้องทำงานอยู่ดี สู้ออกมาทำตอนนี้เลยไม่เสียเวลา”
บุรฉัตรทำหน้าตายิ้มแย้มให้เห็นว่ามีความสุขแค่ไหนที่ไม่ต้องเรียน
“แต่ถ้าเรียนสูงก็มีโอกาสที่จะหางานดีดีได้มากกว่านะพี่บลู รายได้ก็จะมากกว่าด้วย”
อันนั้นเธอไม่เถียง แต่นาทีนี้มันต้องตอบให้น้องสบายใจ
“แหมบีมไม่รู้อะไรสะแล้ว สมัยนี้นะไม่จำเป็นต้องรอให้เรียนจบก็ทำงานได้เลยถ้าเรามีลู่ทางที่ดี นี่พี่จะไปขายประกันชีวิต อาชีพที่ไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษา แค่มีความสามารถขายเก่งก็หาเงินได้แล้ว และรายได้ขึ้นอยู่ที่ความสามารถ ไม่ได้ขึ้นกับวุฒิที่เรียนมาเสียหน่อย บีมก็รู้ว่าพี่ขายของเก่งแค่ไหน”
บุรฉัตรยืดอกขึ้นแล้วยกมือมาตบอกตัวเองเบาๆให้รู้ว่าตัวเองเก่งมาก
“พี่บลู บีมขอบคุณนะ”
บีมกลืนก้อนแข็งๆลงคอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่ดีไปกว่านี้เขารู้ว่าพี่สาวอยากให้เขาสบายใจที่จะยอมรับมัน มันก็เหมือนตอนที่พี่ยกไอติมให้เขาหลังจากชิมไปแค่คำเดียวแล้วพี่บ่นว่าไม่เห็นอร่อยเลยนั่นแหละ
“อืมตั้งใจเรียนก็พอนะ เป็นหมอให้ได้”
บุรฉัตรตบไหล่น้องเบาๆ
เดือนเพ็ญมองภาพพี่กับน้องคุยกันแล้วต้องปาดน้ำตาแล้วรีบเดินเข้าครัวไป
น้อยใจในชะตาชีวิตเหลือเกินที่ทำได้แค่นี้ จะเลี้ยงลูกให้ดีกว่านี้ก็ไม่มีปัญญา
บุรฉัตรมองตามหลังแม่แล้วถอนหายใจออกมา สักวันเธอจะทำให้ครอบครัวของเธอสบายกว่านี้ให้ได้