Chapter 2 พี่สาวของอาราชิ
ที่วิทยาลัย
เช้าเดียวกัน
“มองอะไรอยู่วะ?” จากภายในซุ้มคณะเพื่อนชายคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนชายอีกคนที่หล่อเหลาและโดดเด่นจัดจ้านที่สุดในย่าน “อาราชิ”
“...”
ริมฝีปากมีเสน่ห์ที่ไม่ขยับตอบทำให้เจ้าของคำถามต้องมองไกลออกไปบ้าง แล้วจึงเห็นว่าอาราชิกำลังมองอะไร
“พี่สาวนายดูร่าเริงตลอดเลยว่ะ” มันพูดถึงซากิที่เดินอยู่หน้าอาคารเรียนห่างออกไป ผิวขาวจัด ดูงดงามในทุกตารางเซนติเมตร มีผู้ชายหลายคนมองตามอยู่แม้ปลายเส้นผมยาวสลวยที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเดินนั้นจะห่างลับไปแล้ว “ใจดีโคตรอีกต่างหาก”
และไม่เคยหวงน้องชาย ไม่เคยห้ามเขาเรื่องไหนๆ ไม่ว่าจะเพราะอะไร ทำให้ทั้งวิทยาลัยเรียกเธอว่าพี่สาวนางฟ้าของอาราชิ
ทั้งที่เขาอยากให้เธอหวง ให้เธอดึงมือเขาห่างออกไปจากผู้หญิงที่ย่างกรายเข้ามา และปาหินปาขวดหรืออะไรก็ได้เพื่อไล่พวกนั้นไป
ทว่ากลับไม่เคย
ไม่รู้ว่าพี่สาวคนอื่นเวลาผู้หญิงเข้าบ้านมาหาน้องชายห้ามหรือเปล่า
“แล้วก็โคตรน่ารัก” มันชมอีก
“หุบปาก”
ที่จริงซากิสวย ไม่ใช่แค่น่ารัก เพราะงั้นมันพูดผิด ใบหน้าเธอโดดเด่นแนวคมจัด ไม่ใช่สวยหวานสักนิด
จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งที่เรียนปีเดียวกันเดินมาทักซากิ ใกล้พอที่จะอาราชิจะได้ยิน
“สวัสดีซากิ ทำอะไรอยู่?”
“หายใจ”
“สบายดีไหม?”
“สบายดี ไม่มีเงิน”
“ยืมเงินผมไหม?”
โง่บัดซบ ยังไม่รู้อีกว่าซากิไล่ เต็มสิบอาราชิให้หนึ่ง หรือไม่ก็ไปตายซะ
น่าเศร้าที่ผู้ชายทั่วไปมักนึกว่าการไล่ของซากิเป็นการเชิญชวน ไม่รู้จะเกิดมาสวยไปไหน แต่ก็นั่นล่ะ...เธอมักยิ้มแม้แต่เวลาไล่หรือด่าคนอื่น จึงถูกเรียกว่านางฟ้าและไม่มีใครโกรธเธอได้
“วันนี้ไปร้านชามุกกับผมไหม?” คนเดิมชวนคุยต่อ
“ไม่เป็นไร”
“ไม่มีเงินไม่ใช่ปัญหา ผมเลี้ยง”
“ฉันไม่ว่าง”
“ตอนไหนก็ได้ เที่ยง บ่าย เย็น พรุ่งนี้ มะรืนนี้”
“ฉันไม่เคยว่างเลย”
“ไม่ว่างจะมีเวลาหายใจได้ไง?”
“นี่” จากซุ้มคณะที่นั่งอยู่อาราชิเรียกออกไปที่สองคนนั้น
ใบหน้าสวยจัดหันมา “อะไรอาราชิ?”
“มานี่” เสียงเคร่งขรึมของอาราชิเอ่ยสั่งพี่สาวบ้านเดียวกัน
ซากิจึงหันหลังให้หมอนั่น เดินมาหาน้องชาย “ฉันต้องไปหาน้อง”
หากแต่มือใหญ่ของฝ่ายนั้นรั้งต้นแขนซากิไว้ก่อน “น้องมันโตแล้ว ปล่อยมั่งก็ได้”
“น้องในไส้ ปล่อยได้ไง?” ซากิไม่ค่อยโกรธ แต่ตอนนี้โกรธแล้วไง เพราะหมอนั่นหาว่าน้องไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่รู้จะโง่ไปไหน “ฉันเป็นพี่นะ”
ทว่ามีแต่ลูกในไส้ ไม่มีน้องในไส้ ช่างเหอะ พูดผิดก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าความเป็นพี่น้องมันสำคัญพอที่อาราชิจะใช้เป็นเหตุผลในการยึดซากิไว้ข้างกาย
“ถ้าไม่คิดจะพูดดีๆ เกี่ยวกับน้องฉันก็ไปไกลๆ” ซากิเสียงเข้ม สลัดแขนจากอีกฝ่าย ก้าวเดินมาหาน้องที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
อาราชิเคยคิดว่าหากจะมีใครคนหนึ่งรักเขาที่สุดในโลก ต้องเป็นซากิอย่างไม่ต้องสงสัย
“มึงกับพี่สาว...สายเลือดเดียวกันหรือเปล่าวะ?” เพื่อนคนเดิมที่นั่งข้างๆ ถามด้วยความสงสัยเมื่อซากิกำลังเดินเข้ามา “หน้าตาไม่เหมือนกันเลย”
อาราชิไม่ตอบ
“เรียกพี่มามีอะไร?” ซากิที่มาถึงเอ่ยถามอย่างห่วงใยราวกับเห็นน้องชายร่างสูงใหญ่เป็นเจ้าตัวเล็กในอดีตที่หกล้มร้องไห้
อาราชิ “เย็นนี้...”
“ยากิซาคานะ (ปลาปิ้ง) เหมือนเมื่อวานละสิ” ฝ่ายตรงข้ามชิงตอบก่อนน้องชายจะเอ่ยจบประโยค “ได้ จัดให้ กลับค่ำได้ แต่อย่าดึกเกินก็แล้วกัน”
ที่จริง...อาราชิจะชวนไปเที่ยว หากแต่มันก็ผ่านไปอีกครั้ง นั่นเพราะบทสนทนามักกลายเป็นเรื่องกินทุกทีสำหรับพี่สาวที่ทำตัวราวกับคุณแม่และบอดี้การ์ดสำหรับสมาชิกทั้งบ้าน
แล้วจู่ๆ มือสีขาวเคลื่อนมือมาแก้เน็คไทของเขา
“มันสวยอยู่แล้ว แต่ก็นะ” ซากิคิดว่าเธอผูกสวยกว่า และสำหรับอาราชิ...เขาต้องไร้ที่ติ
มือเล็กผูกเน็คไท ยิ้มเมื่อจัดเข้าที่
“อย่าหล่อให้มันมากนักล่ะคุณน้องชาย หัวกระไดบ้านจะไม่แห้ง”
จู่ๆ เสียงหนึ่งเรียก “อาราชิ”
ประจำ เสียงผู้หญิง
เจ้าของเสียงผู้สวยโดดเด่นทว่าสวมกระโปรงสั้นผิดกฎวิทยาลัยนั่งลงกอดแขนอาราชิต่อหน้าต่อตาพี่สาว หนำซ้ำกระแซะเข้ามานั่งชิดจนแทบจะขึ้นมาบนตักร่างสูงอีก
“ฉันมีเรื่องอยากถามนายหน่อยสิ เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม อุ้ย พี่สาวนายนี่ สวัสดีค่ะ”
ซากิไม่ได้ว่าอะไร ยิ้มก่อนโบกมือให้อย่างเป็นมิตรแล้วเดินจากไป “พี่ไปก่อนนะ มีเรียน ตั้งใจเรียนกันนะคะ บาย”
ใจดี...
หากแต่ดวงตาคมของร่างสูงยังมองตามแผ่นหลังใต้เส้นผมสีน้ำตาลปนแดงน่าขยุ้มและสูดดมนั้นไป เส้นผมของอาราชิและซากิสีเดียวกัน ซากิย้อมมันเพื่อให้มีสีเดียวกันกับเขา หากแต่ดวงตาเราคนละสีกัน
และนั่นเปลี่ยนไม่ได้
“มือ” เสียงทุ้มเอ่ยสั้น
หญิงสาว “หือ? อะไร?”
อาราชิ “ปล่อยมือ”
ชะงัก อึ้ง
มือเล็กค่อยๆ คลาย
และหญิงสาวพบว่าดวงตาคมอันยากจะละสายตานั้นมองพี่สาวตัวเองที่เดินจากไป
“อาราชิ...?”