ขอแค่ได้รัก - 4
ตุ้บ!
"โอ๊ย!!" เดินมายืนรับลมเย็น ๆ ข้างบ้านได้ไม่ถึงห้านาที กิ่งไม้ก็หล่นลงมาใส่หัว ซวยแต่วันเชียว
"เมี้ยววว" เสียงต้นเหตุที่ทำให้กิ่งไม้หล่นใส่หัวฉันร้องขึ้น
เงยหน้าตามเสียงเห็นเจ้าแมวขนปุกปุยนอนกระดิกหางไปมาอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ใต้ร่างของมันมีร่างหนานอนราบไปกับความยาวของกิ่งไม้นั้น ใบหน้าหล่อเหลากำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์
เมี้ยวววว~
"ว้าย!!"
ให้ตายเถอะฉันเกือบล้มแหนะ เจ้าแมวอ้วนขนปุกปุยสีขาวจู่ ๆ ก็กระโดดจากกิ่งไม้ด้านบนลงมาให้ฉันอุ้ม
"อย่ามาอ้อนนะ รู้จักกันเหรอเรา" แมวตัวนี้ดูเชื่องดีนะ ขี้อ้อนซะด้วย
"เหมี๊ยวววว" มีการร้องตอบฉันอีก
"ชื่ออะไรคะสุดหล่อ" เมื่อกี้เห็นพวงไข่เล็ก ๆ ของเจ้าอ้วนเลยรู้ว่าเป็นเพศอะไร
"แคท" เสียงทุ้มของคนที่คิดว่าหลับอยู่ตอบ
"ชื่อเจ้าแคทเหรอเรา" ฉันไม่ได้สนใจคนบนต้นไม้
ที่ไม่สนใจเพราะเขาไม่ได้ใส่กระดุมเสื้อ แล้วพอเขานอนโดยที่ไม่มีเจ้าแมวอ้วนทับอยู่ซิกซ์แพ็กเขาก็เลยโชว์เด่นแก่สายตา ยิ่งถ้ำมองฉันยิ่งรู้สึกร้อนที่ใบหน้าเลยไม่กล้าเงยมองเขาอีกเลย
"เมี๊ยวววว" คราวนี้ร้องเสียงสูงพร้อมเอาหน้ามาไซ้ซอกคอฉันอีก
"ไม่เอาสิ จักจี้นะ" ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เจ้าแมวอ้วนเอาแต่ถูไถขนปุย ๆ ของมันตามร่างกายฉัน
นี่คิดอะไรกับเจ้าจันทร์ไหมเรา?
ตุบ!!
เสียงเหมือนมีอะไรหล่นลงมาอีก พอหันไปมองเป็นร่างสูงผมสีแดงอมชมพูยืนอยู่บนพื้นห่างฉันไม่กี่ก้าว
"มานี่" ลงมาจากต้นไม้เสร็จก็เรียกแมวตัวเองกลับทันที
คนอะไรใจร้ายจัง...
"ไปสิเจ้าแคท เจ้าของแกเรียกแล้ว" ฉันนั่งยอง ๆ ลงเพื่อวางแมวอ้วนส่งคืนเจ้าของ แต่ดูเหมือนแมวตัวนี้จะติดฉันแล้วล่ะ
"อย่าดื้อ" เสียงเข้มกึ่งดุดังขึ้น เขาใช้สายตาเรียบนิ่งมองมาทางฉัน
เอ่อ... มองแมวหรือมองฉันกันล่ะนั่น
"แง้วววว" ครั้งนี้เหมือนมันกำลังขู่เจ้าของมันแล้วกันมาซุกอกฉันใหญ่เลย
"แปรพรรค?" คนถูกเมินกำลังทะเลาะกับแมว
"งั้นแกก็เตรียมอายุสั้นได้เลย" เสียงเย็นชาดังขึ้น
ถ้าคนอื่นฟังคงงงกันว่าเขาหมายความว่ายังไง แต่เพราะเป็นเจ้าจันทร์คนนี้ถึงรู้ความหมายแฝงของคำว่า 'อายุสั้น' นั้นได้
"เจ้าจันทร์คงไม่ใจร้ายถึงขั้นฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรอกค่ะ" ทนไม่ไหวเลยตะโกนไล่หลังออกไป
คนตัวโตชะงักขาที่กำลังจะก้าวต่อแล้วเอียงองศาใบหน้าหันมามองฉันเล็กน้อย
"ใครจะรู้ ถ้าฉันบอกว่าแมวตัวนั้นคนที่ฉันรักให้มา มันอาจจะชีวิตสั้นลงก็ได้"
เจ็บ! เป็นประโยคสนทนาที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่ได้คุยมา
เขากำลังตีตราว่าฉันเป็นคนพาล เป็นผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยมโดยการเอาความผิดพลาดในอดีตมาตัดสินว่าฉันจะทำลายข้าวของทุกอย่างที่เป็นของคนรักเขา
"เจ้าจันทร์ดูใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ" เหลือแค่ฉันกับเจ้าแคทขนปุยเลยพูดลอย ๆ ออกมา
"เมียวววว~" เหมือนกำลังถูกน้องแมวปลอบใจเลย
"แกเชื่อเจ้าจันทร์ไหมว่าเจ้าจันทร์ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องนั้น" เริ่มจะระบายกับเจ้าสี่ขาที่ไม่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
"เมี้ยว~" เจ้านี่ก็น่ารัก คุยตอบโต้กับฉันทุกคำ
"ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า" เจ้าของแกไม่สนใจเจ้าจันทร์ งั้นนั่งเล่นกับเจ้าแมวฆ่าเวลาแทนก็ได้
Happy birthday to you...
Happy birthday to you ,
happy birthday happy birthday , happy birthday to... you.
หลังจากเพลงสุขสันต์วันเกิดจบลง เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นลานหน้าบ้านที่ใช้จัดงานวันเกิดให้คุณหญิงจันทร์เพ็ญหรือแม่ของฉัน
"มาได้ยังไงลูก!" แม่ดูตกใจมากที่เห็นฉันถือเค้กวันเกิดเดินออกมาให้ท่านตรงหน้า
"เป่าเค้กก่อนนะคะ" ฉันยิ้มร่าให้กับแม่ที่ยังทำสีหน้าตกใจระคนดีใจ
"แสบนะเรา" แม้แม่จะปรามาสไว้แบบนั้น แต่ท่านก็ก้มลงเป่าเทียนที่ฉันเป็นคนปักไว้จนดับ
"ขอให้แม่สุขภาพแข็งแรง สวยวัน สวยคืน อยู่กับเจ้าจันทร์นาน ๆ นะคะ"
ฉันเสียพ่อไปตั้งแต่สองขวบ ทุก ๆ ปีฉันเลยต้องอวยพรขอพระเจ้าคุ้มครองให้แม่อยู่กับฉันไปนาน ๆ อย่ารีบทิ้งฉันไปไหนอีกคน
หมับ...
อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นกอดรัดฉันไว้ทันทีที่เค้กถูกเปลี่ยนมือไปที่ป้าขจี
"แม่รักหนู แม่จะอยู่ดูแลหนูไปนาน ๆ"
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดแม่แบบนี้
"แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทร.บอกแม่!" เสียงแม่กึ่งดุกึ่งตำหนิ
"ลงไฟท์บินเมื่อเช้ามืดค่ะ" ฉันตอบแม่ยิ้ม ๆ
"แล้วทำไมไม่กลับบ้าน มาอยู่บ้านคุณป้าขจีได้ยังไง" แม่เริ่มถามเยอะแล้ว
"ความคิดฉันเอง อยากเซอร์ไพรส์เธอน่ะ" ป้าขจีตอบแม่แทนฉัน
"ยังเจ้าแผนการเหมือนเดิมนะเธอเนี่ย"
นี่แหละสไตล์การคุยของแม่ฉันกับเพื่อนรักท่าน
"มา ๆ ตัดเค้กได้แล้ว" แม่กอดเอวฉันหลวม ๆ เพื่อเดินไปตัดเค้กที่ตั้งไว้บนโต๊ะ
"เอาไปให้พี่เขาสิลูก" เค้กก้อนหนึ่งที่อยู่ในจานสวยงามถูกป้าขจียื่นมาให้
ยังไม่กล้ารับเพราะอึน ๆ มึน ๆ อยู่ว่าทำไมต้องเป็นฉันในเมื่อไม่ใช่เจ้าของวันเกิด
"ไอ้เฮียอยู่ทางนู้น!" เจ๊แยมโรลเสริมขึ้นอีกคน
จานเค้กถูกยัดใส่มือพร้อมแผ่นหลังที่ถูกดันไปอีกทาง
"เค้กค่ะ" ฉันยื่นจานเค้กให้คนตัวโตที่ยืนมองปลาในสระบัวเงียบ ๆ
"ฉันไม่กินของหวาน" รู้ แต่ให้ทำไงได้ล่ะก็ผู้ใหญ่ไหว้วานมาอีกที
"ป้าขจีให้เจ้าจันทร์เอามาให้" จริง ๆ ก็ไม่อยากอ้างถึงขนาดนี้ แต่เขาควรรับไปเรื่องจะได้จบ ๆ
ยืนรอหลายนาทีแต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมรับเค้กไปถือไว้ฉันเลยตัดสินใจเตรียมจะถอยออกมาจากพื้นที่ของเขา
"จะอยู่ที่นี่อีกนานไหม"
"คะ?" พอหันหลังจะไปก็ชวนคุย ตกลงคุณพี่จะเอายังไงคะ?
"เจ้าจันทร์เรียนจบแล้วคงกลับมาหางานที่นี่ทำ หรือไม่ก็ช่วยงานคุณแม่ที่บริษัทท่าเรื..อ"
"ฉันหมายถึง... ที่บ้านหลังนี้"
อึก! จุกอยู่ตรงลำคอ
ฉันก็นึกว่าเขาหมายถึงว่าฉันจะกลับไปที่เมกาอีกหรือเปล่า แต่ที่ไหนได้ เขากำลังไล่ฉันแบบสุภาพอยู่สินะ
"ไม่นานหรอกค่ะ คืนนี้เจ้าจันทร์จะเก็บของกลับพร้อมแม่เอง"
ก็ไม่ได้อยากมาอยู่ขวางหูขวางตาเขาสักเท่าไหร่ แต่คนที่พาฉันมาที่นี่ก็แม่เขาเองไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาทำตาขวาง แขวะฉันแรงแบบนี้ด้วย
"ก็ดี ฉันกลัวว่าจะสูญเสียของรักไปอีก"
โอเค ฉันรู้แล้วว่าการทำผิดครั้งเดียวมันฝังใจและเป็นตราบาปให้ถูกคนอื่นมองว่าจะเป็นคนแบบนั้นไปตลอดชีวิต
"เรื่องรูปปั้นนั้น.."
"เลิกแก้ตัวได้แล้ว" เสียงเขาเรียบนิ่ง
นิ่งแม้กระทั่งปลาที่แหวกว่ายอยู่ยังดำดิ่งลงไปใต้น้ำจนหมด
"เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยมันหลุดมือ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังจะแก้ตัวสินะ"
เฮียราชย์กำลังรื้อฟื้นเรื่องในอดีตเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง