ขอแค่ได้รัก - 3
นอนพักได้แค่สามชั่วโมงฉันก็สะดุ้งตื่นเพราะเผลอฝันถึงสมัยเด็กที่วิ่งเล่นไล่จับกับลูกชายเจ้าของบ้านนี้
ในฝันเขายิ้มให้ฉันอย่างเต็มรอยยิ้ม มันเป็นการยิ้มทั้งดวงตาและริมฝีปาก พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เขายิ้มมันมาจากใจจริง
"เที่ยงพอดี" ยกข้อมือนาฬิกาแบรนด์หรูฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ อยู่ปลายเข็มวินาทีบ่งบอกว่าตอนนี้เที่ยงวันแล้ว
พอเห็นนาฬิกาเรือนนี้ก็คิดถึงเจ้าของมันขึ้นมาทันที
"ป่านนี้ยูจะหัวหมุนแค่ไหนนะคริส" บ่นงึมงำถึงเพื่อนชายตาน้ำข้าวที่เมกา หมอนี่ถ้าไม่มีฉันอยู่เป็นเพื่อนบ่นเขาจะเหงาปากไหมนะ
พอ ๆ เลิกคิดถึงคนอยู่ไกล หันมามองรอบ ๆ ห้องใต้หลังคาสีฟ้ามุ้งมิ้งนี้ดีกว่า
ตอนขึ้นมาครั้งแรกง่วงจัดจนลืมสำรวจรอบ ๆ ห้องนี้ว่าถูกตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าอ่อน ๆ ที่ฉันชอบ
มีผ้าม่านเล็ก ๆ ตรงหน้าต่างช่องลม ที่นอนลายม้ายูนิคอร์นสีฟ้าที่ฉันชอบ แม้แต่ตุ๊กตาก็มีเจ้าม้ามีเขาวางเรียงรายน่ารักจนนึกว่าฉันกลายเป็นเด็กอีกครั้ง
"ลงไปอาบน้ำดีกว่า" แม้ป้าขจีจะติดแอร์เครื่องเล็ก ๆ ไว้ให้ แต่เพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างนักเลยยังอบอ้าวในความรู้สึกอยู่
สองมือหอบหิ้วเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนอาบในห้องน้ำด้านล่างติดมือไปด้วย
ว่าแต่... ฉันใช้ห้องน้ำที่ห้องเฮียราชย์ได้ใช่ไหม?
คงได้แหละ แค่ยืมห้องอาบน้ำเองเขาคงไม่แยกเขี้ยวใส่หรอก
ซ่า~
สายน้ำเย็น ๆ ไหลลงบนร่างกายเรียกความสดชื่นกลับมา
ตอนแรกจะนอนแช่ในอ่างแล้วแต่เกรงใจ กลัวว่าเราจะเหมือนใช้ของใช้ร่วมกัน แค่คิดมันก็เขินจนตัวแทบแตกเลยเลือกอาบน้ำจากฝักบัวดีกว่า
รอบนี้ฉันหยิบชุดเป็นจั้มสูทแบบกางเกงขายาวผ่าข้างแหวกสูงถึงขาอ่อน ส่วนด้านบนเป็นแขนตุ๊กตาเว้าลึกตรงอกแต่ไม่ได้ดูโป๊จนน่าเกลียด
ชุดนี้ซอฟต์สุดแล้วนะ ถ้าปกติอยู่ที่นู่นสไตล์ฉันนี่เป็นฝรั่งจ๋าเลย เปิดบนปิดล่าง เปิดล่างปิดบน เน้นเซ็กซี่ขยี้ใจชาย
แต่อย่างว่าที่นู่นสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็แต่งแบบนั้นทำให้ผู้ชายไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่
ปึง!
ปิดประตูห้องเรียบร้อย สองขาก้าวเดินกลับไปที่บ้านหลังใหญ่อีกครั้ง เริ่มเห็นผู้คนกำลังขวักไขว่แลดูชุลมุน
"มีอะไรให้ช่วยไหมคะ" ฉันถามผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะอายุเยอะกว่านิดหน่อย
"คุณเป็นแขกของนายหญิง เข้าไปนั่งด้านในเถอะค่ะ" เธอพูดกับฉันอย่างนอบน้อม
แม้จะเคยเข้าออกบ้านป้าขจีตั้งแต่ยังจำความไม่ได้แต่เพราะหายไปเรียนเมืองนอกหลายปีทำให้จำใครที่นี่ไม่ได้สักคน หมายถึงคนใช้น่ะ
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอหนูเจ้าจันทร์" เสียงติดแหบของผู้ชายวัยกลางคนน่าจะอายุราว ๆ ห้าสิบปลาย ๆ ถามขึ้น
ท่านนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์รอบเช้าวันนี้อยู่
"สวัสดีค่ะคุณลุง" คนตรงหน้าแม้จะอายุเกือบจะเข้าเลขหกแล้วแต่ใบหน้าท่านยังหล่อเหลาฉบับรุ่นเก๋าอยู่ ซึ่งนั่นไม่แพ้กับลูกชายของท่านที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้สักนิดเดียว
เอาจริง ๆ ถ้าให้เฮียราชย์มานั่งคู่กับพ่อของเขาคงจะเรียกแฝดคนละช่วงวัย
"ไปอยู่ที่นู่นตั้งนาน ลุงนึกว่าจะไม่กลับมาเยี่ยมเยือนฝั่งนี้ซะแล้ว"
ลุงจอมศักดิ์ เจ้าของธุรกิจสายการบิน TPs-airlines และเป็นนายใหญ่ของบ้านทวีทรัพย์ไพศาลเอ่ยแซวเล่น
"เจ้าจันทร์ต้องกลับมาอยู่แล้วค่ะ" มาตามหาหัวใจเจ้าจันทร์ ต่อท้ายประโยคในใจเมื่อเหลือบเห็นรูปถ่ายของคนเย็นชาตั้งคู่กับครอบครัวอยู่ที่ตู้โชว์ใบเขื่อง
"แล้วมีแพลนจะอยู่นี่ยาวหรือกลับไปที่นั่นอีกล่ะ"
"คงอยู่ที่นี่ค่ะ เจ้าจันทร์เรียนจบแล้ว" ไม่มีข้ออ้างที่จะหนีไปที่ไหนได้อีก ยกเว้นว่าฉันจะย้ายหนีหัวใจตัวเองไปตลอดชีวิต
"ดีแล้วลูก แม่ของหนูมาบ่นคิดถึงเรากับขจีทุกวัน" ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กลับไป
แม่นะแม่ ขนาดฉันคอลฯ หาท่านทุกวัน วันละแทบจะสามเวลายังจะมาบ่นกับคนอื่นเหมือนลูกสาวปล่อยทิ้งงั้นแหละ
"หิวหรือยัง เดี๋ยวลุงให้เด็กตั้งโต๊ะให้ ลุงเพิ่งทานข้าวเที่ยงเสร็จเมื่อกี้เอง" เวลาผ่านไปกี่ปี สมาชิกบ้านหลังนี้ยังอบอุ่นกับฉันเช่นเดิม
"ยังค่ะ แล้วป้าขจีไปไหนคะ" ปกติถ้าสามีอยู่บ้าน ป้าขจีก็ต้องอยู่ข้าง ๆ ด้วย
"ไปบ้านหนูไง"
ป้าขจีไปบ้านฉัน?
"คืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดคุณจันทร์เพ็ญแม่ของหนู ขจีเลยแวะไปคุยเล่นจะได้ไม่มาที่นี่ให้เสียแผน"
อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง
แต่เอาจริง ๆ แม่ฉันจะเซอร์ไพรส์อยู่ไหมเนี่ย ก็ป้าขจีมักจะจัดเลี้ยงวันเกิดให้แม่ฉันแบบนี้ทุกปี พูดให้ถูกคือผลัดกันจัดงานเมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดของกันและกัน
"งั้นเจ้าจันทร์ขออนุญาตเดินดูรอบ ๆ บ้านได้ไหมคะ"
"เอาสิ ตามสบายเลย คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง" ลุงจอมศักดิ์ส่งยิ้มมาให้ ฉันเลยได้แต่ก้มหัวให้ท่านเพื่อมารยาทแล้วปลีกตัวออกมา